TQF:บทที่ 648 บรรลุ (2)

 

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ

 

ท้องฟ้าข้างนอกเริ่มสว่าง แต่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยังอยู่ในสระ

 

จนกระทั่งเวลาเที่ยงวันเฉิงเสี่ยวเสี่ยวถึงได้ปรากฏตัวในที่สุด ฟางซูหยุนที่เฝ้าอยู่ในห้องโถงด้านนอกรู้สึกถึงนางเป็นคนแรก ขณะเดียวกันก็รู้สึกโล่งใจ

 

ถ้าจู่ๆนางหายตัวไปหลายวันอย่างกะทันหันละก็ ฟางซูหยุนก็ไม่รู้จะอธิบายให้คนอื่นฟังอย่างไร

 

“เสี่ยวเสี่ยว เจ้าออกมาแล้วเหรอ”

 

เมื่อเห็นคนที่มาปรากฏตัวฟางซูหยุนก็อึ้งไป เบิกตาจ้องมองหลานสาวตรงหน้า ขณะนั้น

 

ความงดงามของนางไร้ที่ติและเกินกว่าที่โลกนี้จะมีได้ ผิวขาวผ่อง เส้นผมทิ้งตัวลง นัยน์ตาเปล่งประกายอย่างเหนือชั้น ผมดกดำของนางพลิ้วไหวราวกับกำลังเต้นรำไปกับสายลม ร่างกายของนางขาวบริสุทธิ์ดั่งสลักด้วยหิน มีราศีที่ยากจะอธิบาย

 

ทั้งคนมีลมปราณศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เหนือโลกีย์ ไร้ที่ติราวกับเทพยดาที่ลงมาจุติ

 

หลานสาวได้วิวัฒนาการอีกครั้งแล้ว

 

ปฏิกิริยาแรกของฟางซูหยุนก็คือหลานสาวที่อยู่ตรงหน้าได้วิวัฒนาการอีกครั้ง ราวกับเทพยดาที่ไม่สามารถล่วงเกินได้ “ท่านย่า ท่านมองหาข้าอยู่เหรอ หรือว่าเกิดอะไรขึ้น” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเอ่ยถามคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม

 

“เปล่า ไม่มีอะไร” ฟางซูหยุนอดอุทานไม่ได้ “เสี่ยวเสี่ยว เจ้าบรรลุจากจุดสูงสุดของก้าวสู่เทพเทวาสู่ปรากฏเทพเทวาแล้วใช่มั้ย”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มเบาๆพลางพยักหน้า “การเลื่อนขั้นครั้งนี้มีประโยชน์กับข้า ไม่อย่างนั้นก็คงต้องหลังจากนี้หน่อย”

 

“เหอะๆ นี่คือโชคชะตาของเจ้า เป็นโชคชะตาที่ไม่มีใครได้รับ”

 

การที่หลานสาวจะบรรลุในการเลื่อนขั้นครั้งนี้ก็เป็นเรื่องที่ฟางซูหยุนคาดการณ์ไว้แล้ว นางถึงไม่รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่

 

“ท่านย่าพูดถูก”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวแอบถอนหายใจ เป็นเพราะการมีมิติมหัศจรรย์นี้จริงๆถึงได้มีนางในวันนี้ ครู่เดียวนางก็ข่มอารมณ์ของตัวเองไว้และพาท่านย่านั่งลงพลางถาม “ท่านย่า อาการของท่านปู่เล็กเป็นอย่างไรบ้าง”

 

“เสี่ยวเสี่ยว ย่าต้องขอบคุณเจ้า ถ้าไม่ใช่เจ้ละก็ ปู่เล็กของเจ้า…”

 

เมื่อคิดย้อนไปถึงสภาพน่าอนาถของน้องชายก่อนหน้านี้ ฟางซูหยุนก็รู้สึกเหมือนถูกมีดกรีดที่หัวใจ รู้สึกโชคดีจากใจที่หลานสาวเข้ามาช่วย ไม่เช่นนั้นครอบครัวของนางจะเป็นอย่างไรก็ยังไม่รู้เลย

 

“ท่านย่า พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องพูดขอบคุณหรอก ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ข้าควรทำ”

 

นางกุมมือท่านย่าไว้เบาๆ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวจ้องมองท่านย่าตรงหน้าที่ยังสวยงามเป็นที่น่าหวั่นไหวอยู่ เม้มปากและเอ่ยเสียงแผ่วเบาๆ “ท่านย่า ที่จริงท่านก็ยังสาวอยู่ เสี่ยวเสี่ยวอยากให้ท่านมีความสุข ชีวิตที่เหลือของท่านมีอย่างน้อยๆหลายพันหลายหมื่นปี หรือว่าท่านจะใช้ชีวิตทั้งแบบนี้ไปเหรอ”

 

“เสี่ยวเสี่ยว ทำไมเจ้าถึงพูดแบบนี้ล่ะ” ฟางชูหวินขมวดคิ้วเล็กน้อยใบหน้าของนางเศร้าหมองลง

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวจ้องนางนิ่งและพูดขึ้นอย่างจริงจัง “ท่านย่า เสี่ยวเสี่ยวไม่มีความหมายอื่น ข้าก็แค่หวังว่าท่านจะมีความสุข ต้องวางแผนชีวิตสำหรับอนาคตด้วย อย่าอยู่แบบทุกข์ทนเด็ดขาด”

 

ในฐานะผู้ฝึกฝนวิทยายุทธ ชีวิตยาวนานกว่าปุถุชนทั่วไปเยอะ บางทีอาจได้เห็นหลานหลายรุ่นหรืออาจหลายสิบรุ่นเลยก็เป็นได้ ถ้าหากอยู่คนเดียวละก็จะต้องเหงามากแน่ๆ นอกจากผู้ฝึกฝนวิทยายุทธตัดกิเลสถึงจะสามารถตัดอารมณ์ความรู้สึกทุกอย่างได้

 

ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธทั่วจึงจะยังคงหาคู่ครองอยู่ ฟางซูหยุนมีอายุเพียง 50-60 ปีเท่านั้น วันเวลาหลังจากนี้ยังอีกยาวนาน เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่อยากให้ท่านย่าของตัวเองต้องอยู่คนเดียวไปอีกหลายพันหลายหมื่นปี

 

เมื่อวานมีชายวัยกลางคนจำนวนไม่น้อยคอยวนเวียนอยู่รอบๆท่านย่า เฉิงเสี่ยวเสี่ยวจึงเกิดความคิดนี้ขึ้น นางหวังจากใจจริงว่าท่านย่าจะพบกับความสุขของตัวเองอีกครั้ง

 

เมื่อได้ยินคำพูดของหลานสาวฟางซูหยุนก็เงียบไป บางครั้งก็มีสีหน้าสับสนบางครั้งก็มีสีหน้า บางครั้งกลับมีรอยยิ้มแสนหวานปรากฏขึ้น ก่อนจะมีสีหน้าตื่นกลัวและแค้นเคือง

 

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านางตกอยู่ในภวังค์แห่งอดีต เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ได้รบกวนเธอ เพราะทุกอย่างในอดีตเป็นมารในใจนาง ถ้านางไม่ปล่อยวางละก็จะส่งผลกระทบต่อวิทยายุทธของนางด้วย มีแต่ต้องปล่อยวางทุกอย่างลงหรือค้นพบความสุขที่แท้จริงของตัวเองเท่านั้น นางถึงจะสามารถลืมความเจ็บปวดนอดีตและได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขที่เป็นของนางอย่างแท้จริง

 

ไม่รู้ว่าฟางซูหยุนนึกไปถึงเรื่องอะไร มีน้ำตาหลั่งไหลลงมา ร่างกายนางสั่นเทาเล็กน้อย ท่าทางไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะปล่อยวางได้อย่างสิ้นเชิง นอกจากว่า…..

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็มีแผนขึ้นแล้วในใจ ถ้าหากมีที่เหมาะสมละก็จะทำให้ลุล่วงให้ได้

 

เนิ่นนานกว่าฟางซูหยุนจะสงบลง ราวกับเพิ่งรู้สึกตัวว่าหลานสาวยังนั่งอยู่ข้างๆ ได้แต่ยิ้มฝืนๆอย่างไม่เป็นธรรมชาติ

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดรอยน้ำตาให้ท่านย่าเบาๆพลางเอ่บเบา “ท่านย่า ผู้หญิงน่ะต้องรักตัวเอง ถ้าหากตัวเองยังไม่รักตัวเองละก็เราจะขอให้คนอื่นมารักตัวเองได้อย่างไร เพราะฉะนั้นไม่ว่าอย่างไรเราก็ต้องหาความสุขของตัวเองให้เจอก่อนถึงจะเป็นสิ่งที่ผู้หญิงควรทำ”

 

“ฮะๆ ยัยบ๊องเอ๊ย ทำไมพูดจาเหมือนคนแก่เลยล่ะ ท่านย่าเข้าใจในสิ่งที่เจ้าพูด วางใจได้” ดูเหมือนว่าหลังจากที่ได้ระบายอารมณ์ฟางซูหยุนก็ร่าเริงมากขึ้น ใบหน้าที่สดใสของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มเมื่อมองหน้าหลานสาว “ยัยหนู เจ้ารู้ไหมว่า 2-3 วันมานี้มีคนมาถามถึงเจ้าหลายคนเลยนะ”

 

“อ๋อ ก็แค่ถามดูนี่ ปล่อยพวกเขาไปเถอะ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวตอบกลับอย่างเฉยเมย

 

“เจ้านี่น้า…”

 

เห็นท่าทางไม่ใส่ใจของหลานสาวฟางซูหยุนก็อดล้อนางไม่ได้ “มีหลายๆตระกูลหมายปองเจ้านะ มาถามว่าเจ้ามีครอบครัวหรือยัง มีคู่หมั้นหมายหรือเปล่า ทุกคนอยากจะมาขอเจ้าทั้งนั้น เจ้าว่าข้าช่วยเลือกสามีดีๆให้เจ้าสักคนดีมั้ย”

———————–