ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
บทที่ 189: สงครามน้ำลาย
“ประเสริญนักเด็กน้อย ในที่สุดเจ้าก็ออกจากการเก็บตัวฝึกฝนเสียที!” นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างชื่นใจ
คุณชายใหญ่กับคุณชายรองพยักหน้า จากนั้นคุณชายใหญ่กล่าวออกมา “ข้าได้ยินมาว่ามีอัจฉริยะแห่งสำนักเสวียนเทียนนามว่าซ่งจง ชายหนุ่มอายุน้อยที่สามารถฝึกฝนสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ได้ อีกทั้งพรสวรรค์ยังโดดเด่นมากเมื่อครั้งที่เข้าไปล่าผลไม้วิญญาณ ในวันนี้ข้าได้พบกับเจ้าแล้ว ชื่อเสียงเหล่านี้เป็นของเจ้าอย่างแท้จริง!”
“ท่านกล่าวเกินไปแล้ว มันเป็นเพียงเรื่องธรรมดาทั่วไปเท่านั้น!” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มที่เจียมตัว
“ทั่วไปงั้นหรือ?” เมื่อคุณชายรองได้ยินเช่นนั้น เขาตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าทำให้ศิษย์ของข้าพิการเพียงแค่การปล่อยหมัดธรรมดาน่ะหรือ? นี่เจ้ากำลังแสร้งทำเป็นต่ำต้อยหรือจงใจให้ศิษย์ของข้าเป็นขยะกันแน่?”
ในขณะที่เขากล่าวออกมาเช่นนั้น การแสดงออกของจินยินถงเที่ยเปลี่ยนไปทันที
อย่างไรก็ตาม เจ้าอ้วนทำได้เพียงตอบกลับอย่างสงบ “ข้าจะกล้ากล่าวหาว่าศิษย์ของท่านเป็นขยะได้อย่างไร! อันที่จริงแล้วศิษย์ของท่านสูงใหญ่และหน้าตาเฉลียวฉลาด แม้ว่าจะมองข้ามในส่วนของด้านบนไปแล้ว ไม่ว่าข้าจะมองยังไงพวกเขาก็ดูเหมือนเหล่าอัจฉริยะ!”
ในขณะที่เจ้าอ้วนพูดออกมาเช่นนั้น ใบหน้าของทุกคนแตกหักออกเป็นเสี่ยงๆ แต่การใช้คำว่า ‘จะดูฉลาดมากถ้าไม่สนใจด้านบน’ ทำให้ใบหน้าของทั้งสี่บิดเบี้ยวอย่างรวดเร็ว
ทั้งสี่คนไม่ใช่คนโง่เขลา พวกเขาเข้าใจการเหยียดหยามของเจ้าอ้วนได้อย่างรวดเร็ว ใบหน้าของพวกเขาทั้งหมดแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงพร้อมทั้งเส้นเลือดปูดขึ้นทั่วทั้งร่างกาย ถ้าหากไม่เห็นแก่ใบหน้าของอาวุโสของเขา ในขณะนี้ทั้งหมดแทบจะพุ่งเข้าโจมตีเจ้าอ้วนแล้ว
เมื่อเห็นว่าเจ้าอ้วนกล้าหาญที่จะดูหมิ่นศิษย์ต่อหน้าตนเอง คุณชายรองโกรธจัดทันที มือของเขาเริ่มเคลื่อนไหวราวกับว่าต้องการจะสั่งสอนบทเรียนให้กับเจ้าอ้วน
แต่คุณชายใหญ่ได้หยุดมือของเขาไว้พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คำพูดของเจ้าช่างคมคายยิ่งนัก แต่พลังที่เจ้าใช้เตะยินนั้นน้ำหนักของมันคงอยู่ราวหนึ่งพันจิน ร่างกายของเจ้าช่างเหมาะสมแก่การเพาะกาย เสียดายที่เจ้ากลายเป็นผู้ฝึกตนสายฟ้าไปเสียแล้ว”
ช่วงเวลาที่ทุกคนได้ยินว่าเจ้าอ้วนใช้พลังเท่าใดในการเตะครั้งนั้น ใบหน้าของทุกคนซีดลงทันทีพร้อมกับรู้สึกหนาวเย็นขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่
ท่าทีของเจ้าอ้วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขากลับคืนสติอย่างรวดเร็วพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านชมข้าเกินไปแล้ว อันที่จริงข้าไม่ได้แข็งแกร่งอะไร ข้าเพียงเตะออกไปมั่ว ๆ เท่านั้น แต่ไม่เคยคาดคิดว่าน้องชายผู้นี้จะอ่อนแอขนาดนี้…”
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น เขาโกรธจัดแทบจะกระอักเลือดตายอยู่ตรงนั้น ร่างกายของผู้ฝึกตนประเภทเพาะกายที่อยู่ในระดับปฐมภูมิขั้นสุดท้ายนั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่อาวุธธรรมดาจะโจมตีได้ อย่างไรก็ตามเจ้าอ้วนกลับกล่าวเช่นนี้นั่นแปลว่ากำลังกล่าวล้อเลียนพวกเขาอยู่หรือไม่?
คุณชายใหญ่และคุณชายรองโกรธเจ้าอ้วนโดยสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามนักบวชฮัวอวิ๋นเป็นผู้เดียวที่กำลังร่าเริงอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะหัวเราะเช่นเขาอีกแล้ว เลยกลายเป็นเขาที่หัวเราะอย่างมีความสุขอยู่เพียงผู้เดียว
แม้ว่าจะสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ เจ้าอ้วนก็ยังรู้สึกไม่หนำใจ เขายังคงกล่าวต่อไป “มันคงเป็นความผิดพลาดของข้าเอง ข้าขออภัยจริง ๆ มันเป็นความผิดของข้าเอง แต่ไม่ต้องกังวลไป ถ้าหากในอนาคตข้าได้ต่อสู้กับศิษย์ของท่าน ข้าจะระมัดระวังความแข็งแกร่งของตนเองให้มากกว่านี้เพื่อไม่ให้กระดูกของพวกเขาแตกหัก ความสัมพันธ์ของเราจะได้ไม่เลวร้ายไปมากกว่านี้!”
ในขณะที่เจ้าอ้วนกล่าวเช่นนั้น ทุกคนที่อยู่ภายในบริเวณไม่อาจอดกลั้นต่อไปได้ พวกเขาทั้งหมดระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง โดยเฉพาะเหล่าศิษย์ของนักบวชฮัวอวิ๋น พวกเขาหัวเราะอย่างไม่ลืมหูลืมตา แน่นอนเพราะพวกเขานั้นทุกข์ทรมานจากบุคคลทั้งสี่มานานหลายวัน ไม่มีผู้ใดที่อยู่ในระดับปฐมภูมิสามารถต่อกรกับพวกเขาได้ ทั้งสี่คนทำร้ายศิษย์ภายในสำนักมากมายเพียงแค่เขามีบุคคลใหญ่โตหนุนหลังอยู่ อีกทั้งฉิงเฟิงซียังไม่สามารถต่อกรกับพวกเขาได้อีกต่อไปเนื่องจากเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้
ในตอนนี้เจ้าอ้วนเรียกร้องที่จะแก้แค้น แน่นอนว่าบุคคลเหล่านี้จะต้องมีความสุขอย่างมากและกำลังหัวเราะอย่างตื้นตันใจ
ตรงข้ามกัน คุณชายใหญ่และคุณชายรองโกรธจัด เหล่าพี่น้องทั้งสี่ก็ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป พวกเขาคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าก้อนไขมัน เจ้ากล้าที่จะดูถูกพวกเรางั้นหรือ?”
เจ้าอ้วนกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่ไม่ใส่ใจพร้อมแสดงท่าทีรังเกียจ “ข้ากำลังกล่าวกับอาวุโสอยู่ ทำไมเจ้าจะต้องแทรกเข้ามาด้วย? เหตุใดเจ้าจึงไม่มีมารยาทขั้นพื้นฐานตามที่ศิษย์แห่งความชอบธรรมควรจะมี?”
เมื่อพี่น้องทั้งสี่ได้ยินเช่นนั้น พวกเขาแทบจะตายตกไปเพราะความโกรธและต้องการที่จะโจมตีเจ้าอ้วน แต่ว่าพี่ชายคนโตคือจินได้หยุดเอาไว้ก่อน ก่อนอื่นที่ต้องรู้คือสถานที่แห่งนี้คือห้องโถง ถ้าหากเปิดฉากการโจมตีตรงนี้ พวกเขาทั้งหมดจะถูกตั้งข้อหาโดยอาวุโสทันที อาชญากรรมเช่นนี้สามารถส่งพวกเขาทั้งหมดให้เข้าสู่โลกที่มืดมิดได้ยาวนานนับสิบปี!
เมื่อยินหยุดมือลงแล้ว คุณชายรองไม่สามารถอดทนเก็บความโกรธนี้ได้อีกต่อไป เขาชี้ไปที่เจ้าอ้วนและกล่าวว่า “ไขมันบัดซบจงไป…”
ก่อนที่เขาจะกล่าวจบประโยค คุณชายใหญ่เปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็วและยกมือขึ้นตบที่มือของเขาพร้อมทั้งตะโกนออกมาอย่างโกรธจัด “เจ้าคิดที่จะโจมตีเด็กที่อ่อนแอกว่างั้นหรือ!”
คุณชายรองตกใจจนตัวสั่นแต่กลับสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว ถ้าหากเขาโจมตีศิษย์แน่นอนว่ามันจะเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ ในขณะนั้นแน่นอนว่านักบวชฮัวอวิ๋นจะใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้เพื่อขับไล่ทั้งสองออกไป
ต้องเข้าใจก่อนว่ากฎต่าง ๆ ที่ถูกตั้งขึ้นในสำนักเสวียนเทียนนั้นไม่อาจขัดขืนได้ ตัวอย่างเช่น การข่มขู่บุคคลที่อ่อนแอกว่า ถ้าหากศิษย์พี่โจมตีศิษย์น้องในขณะที่ศิษย์น้องไม่ได้ดูหมิ่นอันใด นั่นเป็นการทำผิดกฎอย่างใหญ่หลวง นักบวชฮัวอวิ๋นคิดจะใช้กฏเหล่านี้เพื่อจัดการกับพวกเขา ถ้าหากเรื่องราวใหญ่โตจนสามารถขึ้นไปถึงเบื้องบนได้ แน่นอนว่าบุคคลที่จะต้องถูกตำหนิคือคุณชายใหญ่และคุณชายรอง เมื่อสิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้น แน่นอนว่ามันจะสร้างปัญหาให้กับพวกเขาอย่างไม่รู้จบ
ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นเหตุผลที่ไม่มีผู้ฝึกตนระดับจินตันคนไหนกล้าที่จะลงไปยุ่งกับเหล่าสี่พี่น้องนี้หลังจากที่พวกเขาทำให้ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิฉิงเฟิงซีบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าฉิงเฟิงซีนั้นอยู่ในระดับที่ใกล้จะก้าวเข้าสู่ระดับจินตันแล้ว แต่กฏของสำนักก็ไม่สามารถเอื้อให้ข้ามระดับขั้นกันได้ แม้ว่าเหล่าอาวุโสจะสามารถจัดการอย่างเป็นการลับได้ แต่อย่างไรแล้วการโจมตีผู้ที่อ่อนแอกว่าย่อมไม่ใช่สิ่งที่อาวุโสควรทำ
ดังนั้นเหล่าพี่น้องทั้งสี่ที่พลังอยู่ระดับปฐมภูมิ จึงสามารถจัดการกับผู้ใดก็ตามที่เขาไม่ชอบหน้าที่อยู่ในระดับเดียวกัน ในตอนนี้เจ้าอ้วนกลับใช้จุดนี้เพื่อเยาะเย้ยพวกเขาทั้งสี่คน! ถ้าหากเขาเดินตามเกมส์ที่เจ้าอ้วนวางไว้ แน่นอนว่าพวกเขาจะติดกับทันที! เจ้าอ้วนต้องการที่จะแก้แค้นให้กับฉิงเฟิงซีจนแทบไม่สามารถที่จะอดทนรอการต่อสู้ที่จะเกิดได้แล้ว!
เห็นได้ชัดว่าคุณชายใหญ่นั้นฉลาดมากและเข้าใจเจตนาของเจ้าอ้วนที่ต้องการจะต่อสู้ นอกจากนี้เขายังมองเห็นศักยภาพที่น่ากลัวของเจ้าอ้วน ในระดับผู้ฝึกตนขั้นเดียวกัน ระดับขั้นไม่ใช่ทั้งหมดของการต่อสู้ มันรวมไปถึงอุปกรณ์วิเศษและเคล็ดวิชาการฝึกฝนอีกด้วยที่เป็นตัวแปรสำคัญ
เหล่าพี่น้องทั้งสี่นั้นมีชื่อเสียงในหมู่ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิเพราะพวกเขานั้นแข็งแกร่งกว่าใคร อีกทั้งยังได้รับการเลี้ยงดูจากคุณชายทั้งสองตั้งแต่ยังเล็ก พวกเขาได้แช่ตัวในสมุนไพรที่เป็นเลิศทุกวัน หลังจากที่ดื่มน้ำสมุนไพรและทำเช่นนี้มานานนับสองสามทศวรรษพวกเขาจึงประสบความสำเร็จ
อย่างไรแล้ว ตอนนี้พี่น้องลำดับที่สอง หรือก็คือยินนั้นกลายเป็นบุคคลพิการโดยการเตะเพียงครั้งเดียวจากเจ้าอ้วน กล่าวก็คือเจ้าอ้วนไม่ได้พ่ายแพ้ต่อเหล่าพี่น้องทั้งสี่เลยในเรื่องของความแข็งแกร่งทางกายภาพและอาจจะได้เปรียบเสียด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีกนั่นคือเจ้าอ้วนเป็นผู้ฝึกตนประเภทสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่าเขาจะต้องมีสายฟ้าและสมบัติวิเศษอย่างดีเพื่อใช้งาน เมื่อพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ทั้งหมด เหล่าพี่น้องทั้งสี่มีโอกาสที่จะชนะเขาสักเท่าไหร่กัน?
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แน่นอนว่าคุณชายใหญ่จะไม่ยอมให้ศิษย์ของตนต่อสู้แน่นอน ถ้าไม่เช่นนั้นลูกศิษย์ของเขาจะต้องถูกเจ้าอ้วนทุบตีจนตายเป็นแน่ มันไม่ง่ายเลยที่จะสร้างทั้งสี่คนมาได้ถึงจุดนี้ เขาคงจะต้องแบกรับความปวดหัวอย่างมากถ้าหากมีคนใดคนหนึ่งพิการและอีกหนึ่งคนจะต้องตายตกไป เขาจะสามารถปล่อยให้สมบัติของตนตายตกไปได้อย่างไร?
จากนั้นหลังจากที่คุณชายใหญ่ได้หยุดมือของคุณชายรองแล้ว เขากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “แม้ว่าศิษย์ของเราจะอ่อนแอ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะต้องสอนบทเรียนให้กับเขา ข้าขอถามเจ้าเพียงคำเดียว ทำไมเจ้าต้องทำให้ยินพิการด้วย? ถ้าหากเจ้าไม่สามารถอธิบายมันได้ ก็จงยินยอมที่จะรับโทษตามกฎของสำนักเถิด!”
เห็นได้ชัดเจนว่าคุณชายใหญ่นั้นฉลาดกว่าคุณชายรอง แม้ว่าเขาต้องการที่จะจัดการเจ้าอ้วนด้วยตนเอง แต่ในตอนนี้เขาต้องหาช่องโหว่เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้นักบวชฮัวอวิ๋นเขามาแทรกแซงได้
คุณชายใหญ่มองสถานการณ์ทุกอย่างได้ชัดเจน เขาไม่เคยคิดว่าศิษย์ของเขาจะเป็นผู้ที่กระทำผิดก่อน
เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขาเปลี่ยนท่าทีทันทีพร้อมกับอธิบาย “มันเป็นเพียงความเข้าใจผิด!”
“มันเป็นความเข้าใจผิดแบบไหนกัน?” คุณชายใหญ่กล่าวออกมาอย่างใจเย็น
“เรื่องนั้น…” เจ้าอ้วนแสร้งทำเป็นพูดไม่ออกพร้อมขมวดคิ้ว “มันเป็นเช่นนี้ ข้ากำลังฝึกตนอยู่ที่บ้านของตนเองแต่ถูกรบกวนโดยเสียงกรีดร้องของสตรี เมื่อข้ามองออกมาด้านนอก ข้ามองเห็นคนหัวล้านกำลังข่มขืนน้องสาวของข้า ในสถานการณ์เช่นนั้นข้าคิดว่าเหล่าศิษย์จากสำนักปีศาจได้ลักลอบเข้ามาสร้างปัญหาในสำนักเสวียนเทียน ดังนั้นข้าจึงเตะเขาออกไป ข้าไม่เคยคิดว่าเขาจะเป็นศิษย์ของท่าน ถ้าหากข้ารู้แน่นอนว่าข้าคงไม่ทำร้ายเขาเช่นนี้!”
เมื่อคุณชายใหญ่ได้ยินเช่นนั้น เขารู้สึกว่าใบหน้าของเขามืดดำทันทีพร้อมกับโกรธจัด หลังจากนั้นเขาคำรามอย่างเกรี้ยวกราดไปที่ยินซึ่งเป็นผู้ต้องหาในครั้งนี้ “พูดมา! เกิดอะไรขึ้น?”
“อาจารย์ ข้าบริสุทธิ์!” ยินอธิบาย “หานหลิงเฟิงต่างหากที่มาหลงรักข้าและล่อลวงให้ข้าทำเช่นนั้น!”
“โกหก!” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขาโกรธจัดทันที “หานหลิงเฟิงเป็นผู้หญิงของข้า แม้ว่านางจะไปล่อลวงผู้ใดสักคนแน่นอนว่านางจะต้องทำมันในที่ลับ เหตุผลใดกันที่นางจะต้องนำบุคคลอื่นมาที่บ้านของข้า? เจ้านั้นเหมือนจะฉลาด แต่เหตุใดจึงกลับสร้างคำโป้ปดที่แสนเขลาเช่นนั้นออกมา?”
ในขณะที่เจ้าอ้วนยอมรับความสัมพันธ์ของตนเองกับหานหลิงเฟิง ทุกอย่างวุ่นวายทันที อย่างไรก็ตามทุกคนเห็นด้วยกับเจ้าอ้วนที่นางไม่มีเหตุผลใดที่จะพาชายอื่นไปกระทำเรื่องราวที่บ้านของเขา ดังนั้นเห็นได้ชัดว่ายินกำลังโกหก ชัดเจนว่าเขาต้องการจะข่มขืนนางและบังคับให้นางเข้าไปในสถานที่แห่งนั้น
เมื่อทั้งหมดเข้าใจสถานการณ์แล้ว พวกเขาโกรธจัดทันที คุณชายใหญ่และคุณชายรองกระวนกระวายใจทันทีกับสถานการณ์เช่นนี้
ทุกคนรู้ดีว่าเหล่าสำนักแห่งความชอบธรรมจะไม่ยอมให้เกิดการขืนใจทางเพศเด็ดขาด ในตอนนี้ยินพยายามที่จะข่มขืนสตรีผู้นั้นจริง ๆ อีกทั้งยังพยายามที่จะโกหกว่าเขาถูกล่อลวง ซึ่งนี่ทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงไปอีกขั้น! ตามกฎของสำนักแล้วแน่นอนว่าในตอนนี้เขาได้ตายไปแล้ว! หลังจากที่ได้รับการสนับสนุนด้วยสมุนไพรชั้นดีมาเนิ่นนานหลายทศวรรษจากคุณชายใหญ่และคุณชายรองเพื่อสร้างพวกเขาทั้งสี่ขึ้นมา ในตอนนี้พวกเขากำลังจะสูญเสียกำลังไปหนึ่งคน แน่นอนว่าความเจ็บปวดเกิดขึ้นในหัวใจทั้งหมดอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง สิ่งที่ทำให้พวกเขาทั้งหมดรู้สึกแย่มากนั่นก็คือชื่อเสียงที่พวกเขาสั่งสมมา! ทั้งหมดพังทลายลงจากความหน้ามืดของยิน ไม่เพียงแต่เขาไม่สามารถรักษาชีวิตของตนเองไว้ได้ แม้แต่เหล่าอาจารย์ก็ยังไม่สามารถรักษาชื่อเสียงของตนไว้ได้เพียงเพราะไม่มีความเข้มงวดกับศิษย์ของตน! ถ้าหากเรื่องเหล่านี้แพร่กระจายออกไป แน่นอนว่าชื่อเสียงของพวกเขาจะป่นปี้และเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะจากผู้คนทั้งโลก ในตอนนี้สิ่งที่พวกเขาจะทำได้ก็คือการยอมรับความพ่ายแพ้!