ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
บทที่****190: ท้าทายคนหัวล้าน
แม้ว่าทั้งหมดจะตกใจ แต่นักบวชฮัวอวิ๋นไม่รู้สึกเช่นนั้น หลังจากที่เขาถูกปราบปรามโดยคุณชายใหญ่และคุณชายรองมายาวนานนับหนึ่งปี เขาจะปล่อยโอกาสเช่นนี้ไปได้อย่างไร? จากนั้นเขาจึงตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าสำนักแห่งความชอบธรรมจะมีศิษย์ที่น่ารังเกียจเช่นนี้ เด็กน้อยเอ๋ยเจ้าได้ทำลายชื่อเสียงของสำนักเราเสียย่อยยับและไม่สามารถปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปได้!”
“เรื่องนั้น…” คุณชายรองรู้สึกกังวลจนไม่อาจกล่าวสิ่งใดออกมาได้
แต่คุณชายใหญ่ยังคงมีไหวพริบและกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะ “ฮ่าฮ่า แม้ว่ายินจะมีอารมณ์ที่แปรปรวนไปบ้าง แต่ว่าบุคลิคของเขายังคงเป็นเลิศ ข้าคิดว่าเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น”
“เข้าใจผิดงั้นหรือ?” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างเยือกเย็น “เขาเข้ามาในบ้านของข้าอย่างไร้เหตุผลและทำร้ายสตรีของข้า มันเป็นความเข้าใจผิดแบบใดกัน? อย่าบอกนะว่าข้าเป็นคนลากเขาเข้ามาที่บ้านของข้าเอง?”
คุณชายใหญ่รู้ดีว่าเขาจะต้องพ่ายแพ้และสูญเสียทุกอย่างถ้าหากเขาทะเลาะกับเจ้าอ้วนในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจเจ้าอ้วนและทำการพูดคุยแบบลับ ๆ กับนักบวชฮัวอวิ๋น “ศิษย์พี่เรื่องนี้สามารถพิจารณาในภายหลังได้หรือไม่? ให้ข้าสอบสวนศิษย์ของข้าก่อน ในขณะที่เรากำลังสอบสวนเรื่องนี้ท่านสามารถให้ศิษย์ของท่านเข้าใช้งานโถงอัคคีเทวะได้ วิธีเช่นนี้เป็นอย่างไร?”
เมื่อนักบวชฮัวอวิ๋นได้ยินเช่นนั้น เขาเปลี่ยนท่าทางทันที ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าเขานั้นเสียเปรียบมานานนับปี เขาต้องสูญเสียสถานที่ต่าง ๆ ที่เป็นผลกำไรของตนเอง และโถงอัคคีเทวะก็เป็นหนึ่งในนั้น ถ้าเขาสามารถเอามันกลับมาได้โดยไม่เสียเลือดหรือแขนขาแน่นอนว่ามันก็จะเป็นผลกำไรของเขาเอง
นอกจากนี้เมื่อมองดูความรู้สึกของเจ้าอ้วนแล้ว เขาเห็นว่าเจ้าอ้วนไม่ได้สูญเสียสิ่งใดในเหตุการณ์นี้ อีกทั้งยินยังกลายเป็นคนพิการโดยเจ้าอ้วนก่อนที่เขาจะได้กระทำอะไรลงไป ความจริงอาจกล่าวได้ว่าเจ้าอ้วนนั้นทำเกินไป แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะตัดสินอย่างไร เจ้าอ้วนไม่ควรที่จะรู้สึกกับเหตุการณ์นี้มากเกินไป
หลังจากที่เข้าใจสถานการณ์แล้ว นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ฮ่าฮ่า แน่นอน สำนักเสวียนเทียนเป็นสำนักแห่งความชอบธรรมและไม่ควรที่จะมีศิษย์ที่ทำตัวน่ารังเกียจเช่นนี้มาเดินอยู่รอบ ๆ ดังนั้นเราควรจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน!”
เมื่อเห็นว่านักบวชฮัวอวิ๋นตอบรับข้อเสนอ คุณชายใหญ่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แม้ว่าเขาจะสูญเสียสิ่งสำคัญไปในเวลานี้ แต่มันเป็นการปกป้องชื่อเสียงของตนเอง อีกอย่างคือสถานที่แห่งนั้นเขาสามารถเรียกกลับคืนได้เสมอเมื่อเขาต้องการ แต่ถ้าหากชื่อเสียงของเขาเมื่อป่นปี้ไปแล้ว มันจะคงอยู่เช่นนั้นไปตราบชั่วชีวิตของเขา แน่นอนว่าในตอนนี้เขาจะต้องลดระดับความสูญเสียให้มากที่สุด
ดังนั้นคุณชายใหญ่ยิ้มออกมาอย่างสุภาพ “ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ข้าขอขอบคุณศิษย์พี่เป็นอย่างยิ่ง!”
“ไม่เป็นไร!” นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวออกมาอย่างมีความสุข จากนั้นทั้งสองคนหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง
แม้ว่าตอนนี้ทั้งสองคนจะพอใจ แต่เจ้าอ้วนไม่! อย่างไรก็ตามมันก็ไม่เหมาะถ้าหากเขาจะไม่ยอมรับการตัดสินใจของนักบวชฮัวอวิ๋น ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาพร้อมกล่าวว่า “เป็นเช่นนั้น ลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ไปก่อน นับจากนี้ข้าจะทำเป็นไม่สนใจเรื่องพวกนี้ก็แล้วกัน แต่ข้ามีเรื่องอื่นที่ต้องการจะถามเหล่าสี่พี่น้องในตอนนี้!”
เมื่อจินพี่ชายคนโตได้ยินเช่นนั้น เขาขมวดคิ้วแน่นพร้อมกล่าวว่า “เรื่องอะไร?”
“มันเกี่ยวกับอาจารย์ลุงฉิงเฟิงซีของข้า!” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “อาจารย์ลุงของข้าอาศัยอยู่ในป่ามายาวนานนับยี่สิบปีและดูแลกิจการต่าง ๆ ของวัดเสวียนเทียนซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากของสำนัก! แต่บุคคลที่เต็มไปด้วยความสามารถและมีประโยชน์เช่นเขากลับถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหล่าคนหัวล้านที่แสนโง่เขลา อย่าบอกข้านะว่าพวกเจ้าไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนทำเรื่องเช่นนี้?”
ในขณะที่ศิษย์ของนักบวชฮัวอวิ๋นได้ยินเช่นนั้น พวกเขารู้ได้ทันทีว่าการแสดงฉากใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้วและเฝ้ารอกันอย่างตื่นเต้น
แต่เหล่าคนที่เป็นศิษย์ของคุณชายใหญ่ต่างขุ่นเคือง โดยเฉพาะคุณชายใหญ่เอง เขารู้สึกหดหู่และคิดในใจ ‘เรื่องราวที่บัดซบ เจ้าไขมันก้อนนี้เป็นอันตรายต่อเรา ฉิงเฟิงซีคือลุงอาวุโสของเขา ให้ตายเถอะ นี่เป็นปัญหาเสียแล้ว! คอยดูเถอะเด็กน้อยเรื่องนี้จบไม่สวยแน่นอน!’
เจ้าอ้วนไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกไม่พอใจในตอนนี้ พี่คนโตจินก็รู้สึกต้องการสะสางกับเจ้าอ้วนเช่นกัน ในขณะที่เขาได้ยินเจ้าอ้วนเรียกว่าหัวล้าน เขาไม่สามารถสะกดอารมณ์ไว้ได้พร้อมกับตะโกนออกมาทันที “ไขมันบัดซบ เจ้าเรียกใครว่าหัวล้านผู้โง่เขลา?”
“เจ้า! ข้าเรียกเจ้า! หัวล้านผู้โง่เขลา!” เจ้าอ้วนไม่ถอยแต่อย่างใดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่จินอย่างดุเดือด
“สารเลว!” เมื่อเป็นเช่นนี้ จินจะเก็บความโกรธได้อย่างไร? เขาคำรามออกมาพร้อมกับต้องการที่จะต่อสู้กับเจ้าอ้วน แต่เขาถูกปราณจิตวิญญาณของคุณชายใหญ่หยุดไว้
คุณชายใหญ่กล่าวกับเจ้าอ้วนอย่างใจเย็น “ซ่งจง ข้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับอาจารย์ลุงของเจ้า แต่มันเป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้น เจ้าควรเก็บความไม่พอใจนี้ไว้ในใจเท่านั้น!”
“ข้ารู้สึกไม่พอใจงั้นหรือ?” เจ้าอ้วนทวนคำซ้ำพร้อมกล่าวต่อ “อาวุโส ข้าขอสาบานว่าข้าไม่ได้รู้สึกไม่พอใจแม้แต่นิดเดียว ข้าเพียงต้องการต่อสู้อย่างยุติธรรมกับศิษย์พี่ที่นี่! ได้มีข่าวลือออกมามากมายว่าไม่มีผู้ใดในสำนักเสวียนเทียนสามารถเอาชนะเขาได้! ข้าหวังว่าท่านจะไม่ปฏิเสธคำขอเล็กน้อยเช่นนี้”
สำหรับคุณชายใหญ่เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาหัวเราะออกมาอย่างขื่นขม “เจ้าคิดผิดแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้ว่าจินจะสามารถรอดพ้นจากบางคน แต่เขาไม่ใช่บุคคลที่เป็นอมตะ อย่างน้อยเขาก็ไม่อาจเอาชนะแม่นางฉุ่ยจิ้งได้”
ความจริงในขณะที่คุณชายใหญ่กำลังกล่าวเช่นนั้นเพียงเพื่อที่ต้องการจะเดินหน้าต่อไป และให้เจ้าอ้วนละทิ้งเรื่องราวไปซะ เขาไม่ต้องการให้เจ้าอ้วนทำให้ศิษย์ของเขาพิการอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม คุณชายใหญ่ได้ประเมิณความแค้นของเจ้าอ้วนน้อยเกินไป ในขณะที่เขาได้ยินสิ่งที่คุณชายใหญ่พยายามอธิบาย เขาแกล้งทำเป็นประหลาดใจและกล่าวออกมา “เขากล้าที่จะต่อสู้กับศิษย์น้องฉุ่ยจิ้งงั้นหรือ? ช่างเป็นความกล้าหาญที่ไม่อาจมองข้าม!”
เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น ทุกคนโดยรอบระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ก่อนหน้านั้นดูเหมือนว่าพี่ใหญ่จินจะได้รับยาผิดขนานและได้รับการยืนยันว่าเขาได้ต่อสู้กับศิษย์ระดับปฐมภูมิคนสำคัญ เขาเปรียบเสมือนยืนอยู่เป็นตัวแทนบุรุษทุกคนและเขาอยู่ในจุดที่ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะไปยืนอยู่ตรงหน้าสตรีผู้นั้น
แม้ว่าท่าทีของฉุ่ยจิ้งจะดูสงบมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางเป็นคนขี้ขลาด ในความจริงแล้วนางมีจิตวิญญาณนักสู้ล้นเหลืออยู่ภายในใจ เมื่อใดที่พวกเขาต้องการเผชิญหน้ากับนาง เป็นธรรมดาที่ฉุ่ยจิ้งจะไม่ละเลย แน่นอนว่านางเลือกที่จะต่อสู้โดยไม่ลังเล
ฉุ่ยจิ้งไม่ได้รังแกพวกเขาอีกทั้งยังไม่ได้ใช้สมบัติวิเศษของตนเอง นางใช้เพียงเวทมนตร์วารีธรรมดาเท่านั้น ยังสามารถเอาชนะพี่ใหญ่จินโดยที่เขาเปรียบเสมือนตายตกไปครึ่งหนึ่งแล้ว ความจริงแล้วนี่ไม่ใช่การสั่งสอนเขาแต่อย่างใด พี่ใหญ่จินไม่สามารถแตะต้องเสื้อคลุมของนางได้แม้แต่ปลายเล็บอีกทั้งยังพ่ายแพ้ให้นางในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ถ้าหากไม่ใช่ว่าคุณชายใหญ่ออกมาเพื่อหยุดการต่อสู้ แน่นอนว่าพี่ใหญ่จินจะต้องตายตกไปภายใต้มือของฉุ่ยจิ้ง
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาทั้งสี่พี่น้องรู้ความหมายของคำว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้ามากขึ้นและไม่กล้าที่จะยั่วยุฉุ่ยจิ้งอีกต่อไป แต่หลังจากการต่อสู้มันยังคงทิ้งบาดแผลไว้ในใจของเขาเสมอ วันนี้เจ้าอ้วนกลับล้อเลียนเขาในที่สาธารณะ มันทำให้แผลที่อยู่ภายในจิตใจปริออกอีกครั้งทันที เช่นนี้เขาจะสามารถอดทนได้อย่างไร?
ในขณะที่ทุกคนกำลังหัวเราะ พี่ใหญ่จินร้องออกมาพร้อมกล่าวกับคุณชายใหญ่อย่างน้อยใจ “ท่านอาจารย์ ข้าไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปแล้ว ขอให้ท่านอาจารย์ได้โปรดเมตตาและยอมให้ข้าไปแสวงหาความยุติธรรมให้กับตนเองเถิด!”
“แสวงหาความยุติธรรมงั้นหรือ?” โดยไม่ต้องรอให้คุณชายใหญ่ตอบกลับ เจ้าอ้วนกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะเยือกเย็น “เจ้าไม่ใช่คนที่หัวล้านที่โง่เขลางั้นหรือ? เจ้าคิดจะแสวงหาความยุติธรรมจากข้า? นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน! ข้าจะบอกความจริงให้นะ ในสายตาของข้า เจ้าไม่มีอะไรมากไปกว่าหมาตัวหนึ่ง ก็แค่นักเลงคนหนึ่งเท่านั้น!”
“สารเลว เจ้ากล้าที่จะเปรียบเทียบข้ากับสิ่งเหล่านั้นงั้นหรือ?” พี่ใหญ่จินโกรธจัดถึงจุดที่น้ำตาของเขาแทบไหลท่วมทั้งสองแก้ม! ความโกรธทำให้ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงจ้องไปที่เจ้าอ้วนราวกับพร้อมแล้วที่จะกินเขาเข้าไปทั้งเป็น
เจ้าอ้วนไม่แยแสต่อการกระทำที่เขาแสดงออกมาพร้อมทั้งยังกล่าวต่อ “ข้าสร้างความอัปยศให้กับเจ้างั้นหรือ? ถ้าหากเจ้ายังคิดว่าตนเองเกิดมาเป็นบุรุษ จงออกมาสู้กับข้า ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ที่จบอย่างมีชีวิตหรือจบที่ความตาย ข้าก็ยินดี!”
“เจ้าแน่ใจ?” พี่ใหญ่จินร้องออกมา
“ข้าย่อมต้องแน่ใจอยู่แล้ว!” เจ้าอ้วนกล่าวพร้อมหัวเราะเย็นเยือก “อีกทั้งข้ายังต้องบอกเจ้าว่า หากข้าต่อสู้กับเจ้าอย่างยุติธรรม ข้าอาจเพียงแค่ทำให้เจ้าพิการ แต่หากเป็นการตัดสินโดยชีวิตเป็นเดิมพัน บิดาของเจ้าผู้นี้จะส่งเจ้าไปเกิดใหม่เสีย! ว่าไป เจ้ารู้หรือไม่ว่าบิดาของเจ้าผู้นี้นามว่าอะไร? จงจดจำไว้ให้ดี ข้าชื่อซ่งจง!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น พวกเขาหัวเราะออกมาอย่างไม่อาจกลั้นไว้ แม้แต่ฉุ่ยจิ้งที่ดูสง่างามยังไม่อาจเก็บอารมณ์ไว้ได้ นักบวชฮัวอวิ๋นหัวเราะจนร่างกายของเขาโยกไปมาอย่างไร้การควบคุม ในตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากเฝ้ารอดูการต่อสู้ของเจ้าอ้วนและพี่ใหญ่จินที่กำลังจะเกิดขึ้น แน่นอนว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับเขาอย่างมาก
สำหรับคุณชายใหญ่และคุณชายรองเมื่อได้เห็นเช่นนั้น คิ้วของพวกเขาขมวดเข้าหากันแน่น ทั้งสองรู้ทันทีว่าคำพูดที่อหังการของเจ้าอ้วนทำให้ทั้งสองจนมุมแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป! ถ้าหากพวกเขาไม่ยินยอมให้ต่อสู้ แน่นอนว่าพี่ใหญ่จินจะไม่สามารถแบกศีรษะสู้หน้ากับผู้คนได้อีกเป็นแน่ แม้กระทั่งกลุ่มศิษย์ของเขาจะเป็นเรื่องตลกขบขันภายในสำนัก ในตอนนี้เป็นเรื่องของศักดิ์ศรีเข้ามาเกี่ยว ซึ่งไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนี้
ในตอนนี้พี่ใหญ่จินโกรธจัดจนมีจิตสังหารแผ่ออกมาจากร่างกาย เขาก้มลงคำนับตรงหน้าของคุณชายใหญ่พร้อมกับร้องไห้ออกมา “ท่านอาจารย์ ถ้าหากท่านไม่ยอมให้ข้าต่อสู้ ท่านก็ควรสังหารข้าซะ เพราะข้าคงไม่มีใบหน้าไปพบกับผู้อื่นได้อีกแล้วในอนาคต!”
“เฮ้อ!” คุณชายใหญ่ถอนหายใจออกมาอย่างหมดหนทางพร้อมกล่าวว่า “ลืมมันไปเถอะ ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ข้าอนุญาตให้พวกเจ้าทั้งสองใช้ลานฝึกซ้อมของสำนักชั้นในเพื่อต่อสู้ในวันพรุ่งนี้!”
ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาจ้องมองไปที่ซ่งจงอย่างไม่พอใจ “เจ้าชื่อซ่งจงใช่หรือไม่? เจ้าเป็นคนฉลาดแต่บนโลกนี้ไม่มีอะไรที่แน่นอน จงอย่ามั่นใจว่าชัยชนะจะเป็นของเจ้า!”
เจ้าอ้วนนั้นไม่กล้าที่จะแสดงความไม่สุภาพ จึงคำนับพร้อมกล่าวว่า “ขอรับ ขอขอบคุณสำหรับคำสั่งสอน!”
“เหอะ!” คุณชายใหญ่ยกกำปั้นและคำนับต่อนักบวชฮัวอวิ๋น “ศิษย์พี่ ศิษย์น้องผู้นี้มีบางอย่างต้องทำและจะขอตัวออกไปก่อน ขอให้เราพบกันในวันพรุ่งนี้อีกครั้งที่ลานฝึกซ้อม!”
“ไม่มีปัญหา พี่ชายผู้นี้ต้องขออภัยที่ไม่ได้ออกไปส่งด้วยตนเอง!” นักบวชฮัวอวิ๋นตอบกลับอย่างสุภาพ
“ท่านสุภาพเกินไปแล้ว!” คุณชายใหญ่และคุณชายรองกล่าวต่ออีกนิดหน่อยพร้อมกับเดินออกไปกับเหล่าศิษย์ของตนเอง
หลังจากพวกเขาออกไปแล้ว ผู้คนที่อยู่ในการดูแลของนักบวชฮัวอวิ๋นทั้งหมดร่ำร้องออกมาอย่างมีความสุข ความแค้นที่ถูกเก็บสะสมมานานกว่าหนึ่งปีกำลังจะถูกยกออกไป นักบวชฮัวอวิ๋นตื่นเต้นกับเหตุการณ์นี้อย่างมากจนเก็บอาการไว้ไม่ไหว เขายืนขึ้นและยกนิ้วให้กับเจ้าอ้วน “เก่งมากเด็กน้อย เจ้าเป็นเหมือนแสงสุดท้ายที่ส่องลงมา พวกเราทั้งหมดซาบซึ้งในบุญคุณของเจ้าอย่างยิ่งในวันนี้!”
“เหอะเหอะ หาไม่ได้ มันเป็นเพียงการหยอกล้อของเหล่าวัยรุ่นเท่านั้น!” เจ้าอ้วนยิ้ม
“ฮ่าฮ่า เลิกถ่อมตัวได้แล้ว!” จากนั้นนักบวชฮัวอวิ๋นกระซิบกับเจ้าอ้วน “ห้องโถงอัคคีเทวะถูกนำกลับมาเป็นของเราโดยเจ้าในวันนี้ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปตราบใดที่มันยังอยู่ในมือของข้า เจ้าสามารถใช้งานมันได้อย่างไม่จำกัดสองที่!” ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาแอบส่งป้ายหยกสองอันให้กับเจ้าอ้วน
ในขณะที่เจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขารู้ได้ทันทีว่านี่คือรางวัล แม้ว่ามันจะไม่มีประโยชน์กับเขา แต่มันก็เป็นรางวัลที่ดีและสามารถนำไปขายได้ นอกจากนั้นสถานที่อย่างห้องโถงอัคคีเทวะ การเปิดใช้งานมันในห้องที่เป็นขั้นที่ต่ำที่สุดจะต้องใช้หินจิตวิญญาณอย่างน้อยกว่าหนึ่งร้อยก้อนสำหรับหนึ่งวัน และมากที่สุดเป็นจำนวนถึงหนึ่งพันก้อนต่อวัน แต่ในตอนนี้เขามียันต์หยกแล้ว เขาสามารถใช้มันได้อย่างไม่มีข้อจำกัดซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง!
จากนั้น เจ้าอ้วนกล่าวออกมาอย่างสบาย ๆ พร้อมรอยยิ้ม “ข้าขอขอบคุณท่านอาจารย์ลุงมาก!”
“ฮ่าฮ่า ไม่ต้องสุภาพกับข้ามากนัก มันเป็นสิ่งที่เจ้าสมควรจะได้รับ!” นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม หลังจากนั้น เขาโบกมือให้ทุกคนภายในห้องโถงออกไป เหลือไว้เพียงเขากับเจ้าอ้วนสองคนเท่านั้นและถามเขาด้วยรอยยิ้ม “เด็กน้อย เจ้ารู้หรือยังว่าพรุ่งนี้เจ้าจะทำเช่นไร?”
“ข้าจะต้องคิดอะไรงั้นหรือ?” ในขณะที่เจ้าอ้วนกล่าวออกมาเช่นนั้น เขารู้สึกโกรธอย่างช่วยไม่ได้ “มันทำให้ลุงอาวุโสของข้าต้องบาดเจ็บหนัก ข้าจะทำให้มันพิการ!”
“ฮ่าฮ่า แน่นอนว่านี่เป็นการกระทำที่รุนแรงมากสำหรับผู้ฝึกตน! แต่เจ้ายังไม่รู้บางอย่างว่าคุณชายใหญ่และคุณชายรองมีความสามารถในการใช้ยาเป็นอย่างดี นอกจากนี้พี่ใหญ่จินยังเป็นผู้ฝึกตนเพาะกาย ร่างกายของเขานั้นสมบูรณ์แบบ แม้ว่าเขาจะกลายเป็นง่อย แต่สุดท้ายแล้วเขาจะถูกรักษาจนหายดีอย่างง่ายกาย” นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มที่ไม่เต็มใจนัก “ในเวลานี้ด้วยความโกรธของเหล่าสี่พี่น้องแน่นอนว่ามันจะสร้างปัญหาให้กับเจ้าอย่างมาก!”
“หืม?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าอ้วนขมวดคิ้วพร้อมตั้งคำถามทันที “ท่านคิดว่าข้าควรทำเช่นไร?”
“เจ้าต้องจัดการกับตันเถียนของเขาโดยตรง!” นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวพร้อมกับหัวเราะอย่างเยือกเย็น “เจ้าต้องรู้ว่าผู้ฝึกตนนั้นสามารถเสียการควบคุมได้โดยง่ายและสามารถสร้างความบาดเจ็บได้อย่างดี ตัวอย่างเช่นลุงอาวุโสของเจ้าที่ได้รับบาดเจ็บโดยอุบัติเหตุ แต่ก็ยังมีโอกาสที่ฟื้นคืนในเวลาหลายปี แต่ก็ต้องชะลอการเข้าสู่ระดับจินตัน เขาอาจจะพิการโดยสมบูรณ์แบบเนื่องจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ถ้าหากพี่ใหญ่จินได้รับอุบัติเหตุเช่นเดียวกันในการต่อสู้ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดอะไร! ข้าเชื่อว่าคุณชายใหญ่และคุณชายรองจะต้องเข้าใจอย่างแน่นอน!”
“แล้วถ้าพวกเขาไม่เข้าใจล่ะ?” เจ้าอ้วนกล่าวอย่างอ่อนแรง การทำให้บาดเจ็บสาหัสกับสังหารแตกต่างกันอย่างมหาศาล ผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินทั้งสองคนนั้นฝึกฝนมาเนิ่นนานหลายทศวรรษ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับการดำรงตำแหน่งในอนาคตอย่างมาก ถ้าหากเจ้าอ้วนสังหารเขา แน่นอนว่าอาวุโสทั้งสองคนจะต้องตามล่าที่จะสังหารเขาอย่างพลิกแผ่นดิน!
หลังจากที่นักบวชฮัวอวิ๋นได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวออกมาอย่างสงบ “ครอบครัวของหงหยิงนั้นไว้วางใจเจ้าอย่างมาก และทุกคนพร้อมที่จะปกป้องเจ้า ถ้าหากคุณชายใหญ่และคุณชายรองข่มขู่เจ้า เหอะเหอะ แน่นอนว่าข้าคงจะต้องส่งข่าวให้พวกเขาสักหน่อย!”
“เรื่องนั้น…” เจ้าอ้วนรู้สึกลังเลใจ
นักบวชฮัวอวิ๋นรู้สึกกระวนกระวายอยู่ภายในใจแต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา เขาเพียงแต่กล่าวอย่างสงบ “ลองคิดถึงอาวุโสลุงฉิงเฟิงซี นับตั้งแต่ที่เขาบาดเจ็บหนัก ความแค้นระหว่างเจ้ากับเหล่าสี่พี่น้องได้เกิดขึ้นแล้ว อีกทั้งในตอนนี้เจ้าทำให้ยินพิการ พวกเจ้าทั้งสองฝ่ายเป็นดังเช่นน้ำกับไฟ ถ้าหากเจ้าไม่ใช้โอกาสนี้เพื่อกำจัดหนึ่งในพวกเขา ในอนาคตเจ้าจะต้องเสียใจอย่างแน่นอนถ้าหากเขากลับมาเพื่อสร้างปัญหา!”