ระดับเสียงที่สูงขึ้นเมื่อพูดประโยคว่า‘ไม่ได้เรียนรู้จากฉันเลยเหรอ?’ ทำให้ทุกคนในห้องประชุมเกือบจะหยุดหายใจ พวกเขารู้สึกว่าชูฮันช่างเย่อหยิ่งเหลือเกิน
กลยุทธ์ของลูกผสมในการปราบปรามกองทัพเขี้ยวหมาป่าได้อย่างง่ายดายพวกนี้ไม่ได้เรียนรู้จากเขาเลยเหรอ?
มันคือการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ที่เขาเคยใช้เมื่อตอนที่เกิดการต่อสู้ครั้งล่าสุด!
ทุกคนในห้องประชุมมองหน้ากันไปมาเนื่องจากพวกเขาไม่สามารถตามจังหวะความคิดของชูฮันได้ทัน พวกเขาเข้าใจเพียงแค่ส่วนเล็กๆ ตอนนี้ชูฮันกำลังท้าวความกลับไปที่เหตุการณ์เก่าโดยการไล่เรียงลำดับเหตุการณ์และมาตรการในการรับมือกับเหตุฉุกเฉิน เพื่อวิเคราะห์เจตนาของศัตรูให้ได้ออกชัดเจน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยคสุดท้ายของชูฮันที่มีความถากถางและประชัดประชันผสมมาด้วยนั้นยิ่งทำให้ทุกคนประหม่าจนทำตัวไม่ถูก กลยุทธ์ที่ศัตรูใช้คือการปรับเปลี่ยนมาจากกลยุทธ์ที่ชูฮันเคยใช้จัดการพวกมันมาก่อน
ขณะที่ทุกคนตั้งใจฟังชูฮันอย่างมุ่งมั่นชูฮันก็บอกถึงวิธีการในการฆ่าลูกผสมด้วยเพียงแค่สองสามประโยคเท่านั้น และจู่ๆชูฮันก็ตั้งคำถามที่เหนือความคาดหมายขึ้นมาอีกครั้ง โดยที่คำถามนั้นไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่พวกเขาพูดคุยอยู่เลยแม้แต่น้อย
”มีหนอนบ่อนไส้ในค่าย?”ชูฮันเงียบและปล่อยให้ซางจิ่วตี้จัดการ
”ความผิดฉันเองค่ะ!”เสียงอ่อนแอของซางจิ่วตี้ที่กำลังก้มหน้ารู้สึกผิดอยู่ดังขึ้น ผมเผ้าของเธอยุ่งเหยิงเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอและอ่อนล้าที่เธอแทบไม่เคยเผยออกมาให้คนอื่นได้เห็น “ฉัน…”
เธอไม่สามารถจับตัวหนอนบ่อนไส้ได้เธอโทษตัวเองอย่างมากกับเรื่องนี้ และมันเป็นเหตุการณ์นั้นทำให้พวกมันได้วิธีในการบีบให้กองทัพเขี้ยวหมาป่าเดินไปตามกับดักที่วางไว้ได้
คนส่วนใหญ่ในห้องประชุมหลุบหน้าลงต่ำพวกเขาเองก็ตำหนิตัวเองเหมือนกัน ศัตรูสามารถหลอกล่อกองทัพเขี้ยวหมาป่าให้ไปติดกับและล้อมเอาไว้ทุกทางได้ สาเหตุหลักนั้นก็เพราะการยั่วยุอย่างหนักหน่วง ผลลัพธ์ที่ตามมาเป็นสิ่งที่เกินจินตนาการ
ชูฮันไม่ได้มีความรู้สึกแย่อะไรและเขาก็ไม่คิดต่อว่าหรือโทษว่าเป็นความผิดใครทั้งนั้น แต่เขาแค่เพียงนั่งเงียบๆนิ่งๆอยู่ในห้องประชุม มันก็ทำให้ทุกคนในห้องประชุมประหม่าจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว “เอารายชื่อทหารระดับ 2 ในค่ายทั้งหมดมาให้ฉัน”
ค่ายเขี้ยวหมาป่ามีรูปแบบการจัดการที่ชัดเจนและเจ้าหน้าที่จะถูกแบ่งเป็นระดับในการเข้าถึง อย่างเช่นระดับที่หนึ่งคือกลุ่มคนที่มีความสำคัญอย่างมากต่อเขี้ยวหมาป่า รวมถึงเหล่าหัวหน้าแผนกต่างๆ และเหล่าคนสำคัญที่คุ้นเคยสนิทสนมกับชูฮัน
ซึ่งในขณะเดียวกันซางจิ่วตี้ก็สงสัยว่าหนอนบ่อนไส้นั้นอาจจะแฝงตัวอยู่ในกลุ่มทหารระยะ 2!
เป็นเพราะทหารพวกนี้มีจำนวนกลุ่มคนที่ค่อนข้างใหญ่และแต่ละบุคคลก็มีความซับซ้อนในตัวเองเธอไม่สามารถคาดเดาสุ่มๆได้ แต่เธอจำเป็นที่จะต้องค้นหาการเชื่อมต่อภายนอกค่ายทั้งหมด ซึ่งมันอาจจะนำพามาซึ่งการหยุดชะงักการดำเนินการทั้งหมดของค่ายได้
ดังนั้นที่ผ่านมาเธอจึงตามหาหนอนบ่อนไส้ไม่เจอ ไม่ใช่ว่าซางจิ่วตี้ความสามารถไม่ถึง แต่เป็นเพราะเธอไม่มีหลักฐานที่เป็นการเคลื่อนไหวที่ผิดสังเกตของกลุ่มที่เธอสงสัยเลยสักนิด
แต่ในเมื่อจู่ๆชูฮันเอ่ยขอรายชื่อทุกคนจึงรู้สึกเหมือนถูกฟาดเข้าที่ท้ายทอย แม้แต่ติงเซวเองยังมือสั่นเมื่อต้องส่งรายชื่อให้กับชูฮัน ขณะที่คนอื่นในห้องประชุมยังไม่เข้าใจการกระทำของชูฮัน
พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมรายชื่อพวกนี้มันถึงสำคัญจนเร่งด่วนขนาดนี้?
มันมีชื่อของทหารหลายร้อยคนอยู่ในนั้นซึ่งชูฮันก็ไม่ได้กลับมาที่ค่ายเขี้ยวหมาป่านานแล้ว แม้ว่าชูฮันจะมีความจำเป็นเลิศ แต่การจดจำชื่อและหน้าที่ของทุกคนในค่ายทั้งหมดนั้นไม่มีทางเป็นไปได้
ไม่ต้องพูดถึงการตามหาหนอนบ่อนไส้เลย
แต่ชูฮันก็สร้างความประหลาดใจให้ทุกคนอีกครั้งเพียงแค่กวาดตามองรายชื่อในมือ ริมฝีปากของชูฮันก็ทยอยเอ่ยชื่อและตำแหน่งของคนที่น่าสงสัยออกมา พร้อมกับมีเสียงเปิดกระดาษหน้าต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึงหน้าสุด ชูฮันก็อ่านชื่อของผู้ต้องสงสัยออกมาทั้งหมด 50 คน
ทุกคนมีสีหน้าอึ้งๆซางจิ่วตี้เองก็ไม่ต่าง เมื่อไหร่ก็ตามที่ชูฮันอ่านชื่อแต่ละชื่อออกมา สีหน้าของซางจิ่วตี้ก็จะค่อยเผยความประหลาดใจมากขึ้นเรื่อยๆจนห้ามไม่อยู่ เพราะชื่อเหล่านี้และการสืบสวนก่อนหน้านี้ของเธอดูเหมือนจะมีปัญหาอยู่ แต่เป็นเพราะเธอไม่สามารถหาหลักฐานได้ แต่ไม่มีทางที่มันจะบังเอิญเหมือนกันได้แบบนี้!
แม้ว่าชื่อทั้งหลายที่ชูฮันเอ่ยออกมาจะมากกว่ารายชื่อที่เธอมีเกือบเท่าตัว!
ซางจิ่วตี้ไม่กล้าคิดว่านี้มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือ…
”เรียกคนพวกนี้มาที่จตุรัส”มันมีจิตสังหารจางๆแผ่ออกมาในแววตาของชูฮัน ก่อนจะบิดยิ้มด้วยท่าทางน่ากลัว “ไปพาตัวทหารระดับ 2 ของค่ายที่ฉันเอ่ยชื่อทั้งหมดมา และพวกชาวบ้านที่อยากจะเป็นผู้ชมก็ปล่อยตามสบาย”
คำพูดไม่กี่ประโยคที่ไม่แสดงออกถึงอารมณ์ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้ชูฮันกำลังคิดอะไรอยู่ ไม่มีใครกล้าเดาว่าชูฮันจะทำอะไรต่อไป แต่ตอนนี้สิ่งที่ในใจทุกคนคิดเหมือนกันก็คือ…
พายุกำลังจะมา เกาช้าวฮุ่ยประหลาดใจหลังจากเห็นกลุ่มคนในห้องประชุมทยอยกันออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็วและมุ่งหน้าไปยังจตุรัสที่ชูฮันบอก
ณตอนนี้ จตุรัสใจกลางค่ายกำลังหนาแน่นไปด้วยฝูงชน ชูฮันบอกว่ามันไม่จำเป็นต้องกั้นชาวบ้านที่มาดูออก เพราะแน่นอนว่าเหล่าผู้รอดชีวิตและชาวบ้านของค่ายนี้ที่อยู่มาแต่แรกจะต้องรีบมาที่นี้เพื่อดูว่าชูฮันกลับมาแล้วจริงๆให้เห็นกับตา
บุคคลในตำนานที่โด่งดังที่สุดของจีน…พลเอกชูฮันที่นำพาปาฏิหาริย์มาครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นอีกครั้งที่เขาสร้างปาฏิหาริย์ต่อหน้าทุกคนและกลับมายังค่ายเขี้ยวหมาป่าในฐานะผู้นำที่เต็มไปพลังอำนาจ
ใครบ้างจะไม่อยากเห็นบุคคลเช่นนี้กับตาตัวเองใครบ้างอยากจะพลาดโอกาสเช่นนี้ไป?
แทบจะทุกคนในค่ายแห่กันมาที่จตุรัสใจกลางค่ายจนเกิดเป็นวงซ้อนหลายชั้นล้อมจตุรัสเอาไว้ซึ่งมันหนาแน่นและแออัดอย่างมาก
ทุกคนได้ยินว่าพลเอกชูฮันกลับมาแล้วและก็ไม่รู้ว่ามีเหตุผลอะไรถึงได้จับเจ้าหน้าที่ 50 คนของค่ายไป พวกเขาสงสัยว่าพลเอกจะเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อะไรต่อไป?
ตรงใจกลางของจตุรัสทีมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้จับตัวเจ้าหน้าที่ระดับ 2 ทั้ง 50 คนมาเรียงเป็นแนวนอน
เมื่อห้านาทีก่อนจู่ๆเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของค่ายก็บุกเข้ามาจับตัวคนพวกนี้ไป ทุกคนต่างเป็นคนที่ทำงานให้กับค่ายเขี้ยวหมาป่า พวกเขากลัวตายกันอย่างมากเมื่อจู่ๆก็ถูกจับ และสถานการณ์ในตอนนี้มันก็เหมือนกับพวกเขากำลังจะโดนโทษประหาร
บางคนกำลังพูดคุยกับเพื่อนอยู่หรือกินข้าวกลางวันด้วยกันอยู่ทำให้พวกเขาถูกจับตัวมาพร้อมกันในครั้งเดียว บางคนไม่มีเวลาจะหยิบเสื้อคลุมมาใส่ด้วยซ้ำ
ตอนนี้ทั้ง 50 คนถูกจับกดอยู่ตรงใจกลางของจตุรัสของค่ายเขี้ยวหมาป่า บางคนก้มหน้าเงียบ บางคนวิตกกังวลจนตัวสั่นเทิ้ม บางคนแค่กวาดตามองรอบเดียวก็รู้แล้วว่าปกปิดบางอย่างอยู่ บางคนตัวสั่นอย่างแรงราวกับหมูที่โดนน้ำร้อนลวก