“เจ้าไม่ต้องสงสัยว่าข้าพูดเรื่องจริงหรือไม่แต่ไม่ใช่ความลับที่ศิษย์พี่เทียนหยูคือคนที่หลงรักศิษย์น้องปิง…”
ชายผิวคล้ำกล่าว
“ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายเกิดอะไรขึ้นระหว่างนางกับเจ้า”
ซือหยูงุนงงไปนานกว่าจะเข้าใจว่าเทียนหยูนั้นชอบเพศเดียวกันแม้กระทั่งโลกนี้ก็มีผู้หญิงที่เป็นเลสเบี้ยน
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นข้าก็แค่ใช้ที่บ่มเพาะพลังของนาง”
ซือหยูพูดเขาไม่คิดจะต่อสู้กับคนผู้นี้
ชายผิวคล้ำสีหน้าดีขึ้นมากเขาจ้องงมองซือหยู
“อย่าได้หลอกข้าเชียว…”
เขาพูด ชายผิวคล้ำหันกลับราวกับจะไปรายงานกับเทียนหยูโดยตรงก่อนที่เขาจะไป เขาหันมาเตือนซือหยูอีกครั้ง
“นี่จะเป็นคำเตือนแรกและคำเตือนสุดท้ายอย่าได้เข้าใกล้ศิษย์น้องปิง มิเช่นนั้นจะไม่มีใครช่วยเจ้าได้”
ซือหยูได้แต่มองเขาและส่ายหน้าเขากลับไปยังเขาอสูรด้วยจิตใจยุ่งเหยิง เมื่อมาถึง เขาพบว่าไป่ชานเหลียงที่ออกไปทำภารกิจได้กลับมาแล้ว
แต่มันดูไม่ปกติเอาเสียเลยเพราะปิงหวูชิงกับกงซุนหวูซื่อที่บ่มเพาะพลังอยู่ได้อยู่ในเรือนของไป่ชานเหลียง เมื่อซือหยูเข้าเรือนไปก็ต้องตกใจเมื่อเหก็นไป่ชานเหลียง มีควันสีเขียวลอยมาจากร่างกายของเขาและลอยวนร่างไปมา
ซือหยูได้กลิ่นกรดจากควันนี้แม้จะยังไม่เข้าใกล้กลิ่นมันเหมือนบางอย่างกำลังเน่า เขาเดาะลิ้นและมองควัน
“ควันพิษรึ?” เขาใช้เนตรวิญญาณและเบิกตากว้างเมื่อมองไป่ชานเหลียงในตัวไป่ชานเหลียงมีของเหลวสีเขียวแล่นกระจายอยู่ และมันยังผสมกับโลหิตไปแล้ว สายโลหิตของเขาเต็มไปด้วยของเหลวนั้น
หน้าไป่ชานเหลียงที่ซีดอย่างผิดปกติอยู่แล้วเกิดสีเขียวดวงตาของเขาปิดสนิท ทั้งร่างบิดไปมา เขากำลังเจ็บปวด
ปิงหวูชิงกับกงซุนหวูซื่อยืนอยู่หน้าเตียงของเขาด้วยสีหน้าหวาดวิตกทั้งสองขมวดคิ้ว
“เกิดอะไรขึ้นกับพี่ชานเหลียง?”
ซือหยูเดินไปด้วยความกังวลใจ
ปิงหวูชิงเพียงเหลือบมองซือหยูและไม่ตอบนางมองไป่ชานเหลียงด้วยความเศร้าหมอง
กงซุนหวูซื่อหันมาตอบด้วยความโกรธแค้น
“พี่ชานเหลียงถูกลอบโจมตี”
“ฝีมือใครกัน?” ซือหยูแววตาเยือกเย็นไป่ชานเหลียงดูแลเขาในตำหนักโลหิต เขาคือหนึ่งในสหายไม่กี่คนของซือหยู
กงซุนหวูซื่อใช้พลังชีวิตยกเสื้อของไป่ชานเหลียงขึ้นเผยให้เห็นลำตัว รอยฝ่ามือขนาดใหญ่สีดำถูกประทับอยู่ ฝ่ามือดำสนิทนี้มีอรอยที่เหมือนกับกรงเล็บของภูติผี และมันยังมีพลังอันชั่วร้ายอยู่เต็มไปหมด
“พลังภูติผีรึ?พี่ชานเหลียงเจอกับพวกมันหรือ?”
ซือหยูรู้ต้นตอของรอยฝ่าามือมันเป็นของภูติผี
กงซุนหวูซื่อพยักหน้า
“ใช่เขาถูกผีอสูรเนรมิตรจู่โจม มันอยากจะควบคุมพี่ชานเหลียง แต่เขาหนีออกมาได้”
ไอ้กระดูกโลหิต!ซือหยูรู้จักภูติผีอสูรเนรมิตรอยู่ตนเดียว และมันก็คือกระดูกโลหิต
“พี่ชานเหลียงไปเจอมันได้ยังไง?”
ซือหยูถามด้วยความตกใจ กงซุนหวูซื่อตอบ ไอลีนโนเวล
“ข้าไม่สนใจหรอกทั้งพี่ชานเหลียงกับพี่เหรินเหยาได้รับภารกิจสืบสวน สุดท้ายพี่เหรินเหยาหายตัวไป พี่ชานเหลียงยังบาดเจ็บหนัก”
ภารกิจสืบสวนหรือ?มันคือการสืบเรื่องกระดูกโลหิตหรือ? หลังจากซือหยูได้พบกระดูกโลหิต เขาได้ส่งข่าวมาจากตำหนัก ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งไป่ชานเหลียงและเทียนเหรินเหยาก็ไปทำภารกิจนี้
“มันคือภารกิจสืบสวนเกี่ยวกับภูติผีที่หนีมาจากเขาวิญญาณจรัส…”
กงซุนหวูซื่อกัดฟันอย่างเยือกเย็น
ใช่จริงๆ ด้วย!
ซือหยูใจหายกระดูกโลหิตในอดีตเป็นเพียงเสี้ยววิญญาณที่ยึดร่างเจ้าตำหนักจางไป แต่ตอนนี้มันฟื้นคืนพลังมาที่จ้าวเทวะระดับเก้าแล้ว ตอนที่เจอคราวที่แล้ว กระดูกโลหิตได้เป็นอสูรเนรมิตร พลังของมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มันกำลังจะถึงจุดสูงสุด แต่ที่มาของพลังก็เป็นเรื่องลึกลับ
หากไป่ชานเหลียงกับเทียนเหรินเหยาได้เจอทั้งสองย่อมจบไม่สวย ตอนนี้เทียนเหรินเหยาหายตัวไป ไป่ชานเหลียงบาดเจ็บสาหัส มันทำให้เขาอสูรโศกเศร้า
“เขากลับมาเมื่อไหร่?”
ซือหยูเดินเข้าไปสาม
“สามวันก่อน”
กงซุนหวูซื่อตอบ
ซือหยูขมวดคิ้ว
“ทำไมตำหนักยังไม่มารักษาอีกเล่า?”
ตำหนักไม่มีเหตุผลให้ทิ้งไป่ชานเหลียง เขาคือศิษย์ที่สำคัญในตำหนักนอก
“เจ้าตำหนักนอกเจ้าตำหนักฮั่ว เจ้าตำหนักคงฉานมาหาเขาหมดแล้ว แต่ก็ไม่มีใครรักษาได้ พวกเขาทำได้แค่รอให้เจ้าตำหนักม่อมาดูแล แต่นางก็ออกจากตำหนักไป ไม่รู้ว่านางจะกลับมาเมื่อไหร่” กงซุนหวูซื่อตอบ
แม้แต่เจ้าตำหนักนอกก็รักษาไม่ได้รึ?เจ้าตำหนักนอกนั้นเป็นถึงจ้าวเทวะระดับเก้า
ซือหยูมองบาดแผลของไป่ชานเหลียง
“พี่ชานเหลียงบาดเจ็บสองลักษณะอย่างแรกคือรอยฝ่ามือ มันมีพลังภูติผีที่กัดกร่อนอวัยวะภายใน ต่อให้ฤทธิ์โอสถรักษาซึมเข้าไป มันก็จะถูกพลังภูติผีกัดกร่อน มันถึงรักษาเขาไม่ได้”
“ส่วนอย่างที่สองค่อนข้างแปลกพิษในตัวพี่ชานเหลียงคืออะไรกัน? ทั้งร่างพี่ชานเหลียงไม่มีเลือดอยู่เลย มันมีแค่พิษพวกนั้น แปลกนัก”
สำหรับบาดแผลจากรอบฝ่ามือซือหยูใช้ทรายดาราทางช้างเผือกดูดซับมันมาได้ แต่อย่างหลัง เขาไม่กล้าจะแตะมัน มันค่อนข้างแปลก
“หวูซื่อเจ้าบอกเขารึ?”
ปิงหวูชิงมองซือหยูก่อนจะเหลือบมองกงซุนหวูซื่อ
กงซุนหวูซื่อเบิกตากว้างนางมองซือหยูด้วยความสงสัยก่อนจะส่ายหน้า
“ข้าสาบานมาหนึ่งร้อยเอ็ดครั้งไม่ใช่ข้าที่บอกเขา”
ปิงหวูชิงหันกลับมามองซือหยูกับกงซุนหวูซื่อก่อนจะจ้องซือหยู
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ารู้เรื่องสายโลหิตของไป่ชานเหลียงได้ยังไงแต่เจ้าต้องเก็บเรื่องนี้ให้เป็นความลับ”
สายโลหิตรึ?หรือว่าของเหลวสีเขียวนั่นก็คือเลือดของไป่ชานเหลียง?
“ไป่ชานเหลียงมาจากเผ่าพิเศษมีโลหิตพิเศษ โลหิตของเขาคือพิษร้าย เหตุที่เขาสามารถสร้างพิษร้ายแรงได้ก็เพราะใช้แก่นโลหิตในพิษ เจ้าถึงมักจะเห็นเขาหน้าซีด เขาเสียเลือดมากอยู่ตลอด”
“เขามีทักษะพิเศษเมื่อเจอกับอันตราย เขาจะใช้พลังสายโลหิตกำจัดศัตรูทั้งหมด แต่พลังสายโลหิตของเขาจะต้องหลับใหลไปชั่วคราวเพื่อฟื้นฟู มันไม่มีอันตรายกับเขา เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”
“ปัญหาที่แท้จริงคือรอยฝ่ามือพวกเราได้แต่ใช้พลังชีวิตของเจ้าตำหนักนอกป้องกันไม่ให้พลังภูติผีกระจายออกไป แต่มันรักษาไม่ได้ ถ้าหากเจ้าตำหนักม่อกลับมาไม่ทัน พี่ชานเหลียงจะเป็นอันตราย”
อย่างนั้นเองหรือ?ซือหยูแปลกใจ ถ้าหากเขาครอบครองพลังของสายโลหิต เขาก็มีกายาวิญญาณโบราณเหมือนกันหรือ?
“ถ้าแค่เรื่องนี้ข้ามีวิธีจัดการ ข้าขอลองดูว่าจะรักษาเขาได้ไหม แต่ข้าไม่อยากจะให้ใครเห็น พวกเจ้าออกไปก่อน”
ซือหยูพูด
ปิงหวูชิงมองเขาด้วยความระแวงแม้แต่เจ้าตำหนักนอกยังรักษาไม่ได้ แต่ซือหยูกลับมีวิธีรักษางั้นรึ? แต่ปิงหวูชิงก็นึกได้ว่าซือหยูเชี่ยวชาญวิชาลับมากมาย นางจึงพยักหน้าแม้จะกังขา “หวูซื่อไปกันเถอะ”
ปิงหวูชิงเดินผ่านซือหยูโดยไม่เหลือบมองแต่นางก็หยุดเดินเมื่อกำลังจะผ่านเขา สายตานางคมกริบ
“เดี๋ยวก่อน!”
ปิงหวูชิงจ้องมองซือหยูนางจับจ้องไปที่หน้าผากของเขา แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร