ในการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่วิญญาณจะหัวเสียจนควบคุมตัวเองไม่ได้ สถานการณ์ที่บาดเจ็บสาหัสจนถึงขั้นเสียชีวิตเริ่มปรากฏให้เห็น ความขัดแย้งที่เพิ่งจะเริ่มได้แค่สองวันก็กลายเป็นซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ
ในช่วงเวลานั้น มังกรเพลิงได้ส่งคำเชิญไปยังอูจิ่ว และได้เชิญผู้นำของวิญญาณพืชและวิญญาณอาวุธให้มาพูดคุยหารือกันเกี่ยวกับหอคอยโยวหลิงแห่งที่สี่
อูจิ่วถ่วงเวลาอยู่สองสามวันก่อนจะตอบตกลง ในขณะที่ความขัดแย้งระหว่างสามเผ่าพันธุ์มาถึงจุดสูงสุด เขาก็ยอมรับคำเชิญของมังกรเพลิงและพาแค่เจียงอวิ๋นหลงไปกับเขายังที่ที่มังกรเพลิงอาศัยอยู่
ท่ามกลางยอดเขา ภายในหุบเขาหิน ถ้ำของวิญญาณสัตว์อสูรมีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง วิญญาณสัตว์อสูรหลายตัวเดินผ่านลำธารบนภูเขา เมื่อพวกมันเห็นอูจิ่วและเจียงอวิ๋นหลง ใบหน้าของพวกมันก็สดใสขึ้นด้วยความยินดี ไม่มีความเกลียดชังและเป็นปฏิปักษ์เหมือนในอดีต
พวกมันอดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่า การที่อูจิ่วปรากฎตัวที่นี่นั้น หมายความว่าหอคอยโยวหลิงแห่งที่สี่อาจจะถูกส่งมอบให้วิญญาณสัตว์อสูรก็ได้…novel-lucky
เจียงอวิ๋นหลงติดตามอยู่ข้างกายอูจิ่ว เขามองกลุ่มวิญญาณสัตว์อสูรที่เดินเฉียดไหล่กันไป ดวงตาของเขาเป็นประกายรื่นเริง จากนั้นเขาก็พูดเบาๆข้างๆอูจิ่วว่า “แผนของท่านอาจารย์สำเร็จตามที่คาดไว้เลยขอรับ วิญญาณพืช, วิญญาณสัตว์อสูร, และวิญญาณอาวุธทะเลาะกันไม่จบแน่ ศิษย์ได้ยินว่าวิญญาณอาวุธสองตัวถูกโจมตีจนวิญญาณแตกดับ เห็นทีว่าคราวนี้พวกวิญญาณอาวุธจะไม่พอใจวิญญาณสัตว์อสูรมากแน่ๆ แต่……พวกวิญญาณพืชยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนัก ตู๋เถิงก็ไม่ได้แสดงตัวออกมาเลย……”
หอคอยโยวหลิงเพียงแห่งเดียวก็ย้ายความเป็นปฏิปักษ์ที่เดิมทีตกใส่วิญญาณมนุษย์ และโยนเข้าใส่วิญญาณอีกสามเผ่าพันธุ์ที่อยู่กันอย่างสงบให้ตกสู่ความโกลาหล
“มันต้องสำเร็จอยู่แล้วสิ ต่อให้มังกรเพลิงกับผู้นำคนอื่นรู้สึกถึงความผิดปกติ แต่ต่อหน้าพลังอันยิ่งใหญ่ จะมีวิญญาณสักกี่ดวงที่ต้านทานความเย้ายวนใจนั้นได้? ต่อให้ไม่อยากยอมรับ พวกมันก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับความคิดเห็นของเผ่าพันธุ์ตัวเอง” ใบหน้าคล้ายผู้หญิงของอูจิ่วปรากฎรอยยิ้มร้าย ตั้งแต่เขาปล่อยข่าวเรื่องหอคอยโยวหลิงแห่งที่สี่ เขาก็นั่งอย่างมั่นคงอยู่บนภูเขาไท่ซาน ดูการแสดงสนุกๆที่ออกโรงมาอย่างต่อเนื่อง
เจียงอวิ๋นหลงก็เยาะเย้ย “เจ้าพวกนั้นจะต่อกรกับท่านอาจารย์ได้อย่างไร? แค่อุบายง่ายๆของท่านอาจารย์ก็ทำให้พวกมันกัดกันเองได้แล้ว ตอนนี้พวกมันหัวแตกเลือดไหลให้กับหอคอยโยวหลิงแล้ว ต่อให้อยากหยุดก็หยุดไม่ได้แล้ว”
อูจิ่วหัวเราะเบาๆ แต่ใบหน้าไม่ได้แสดงสีหน้ายินดีเลยแม้แต่น้อย
“แต่……ท่านอาจารย์ วิญญาณสามเผ่าพันธุ์กำลังขย้ำคอกันเองแบบนี้ มันไม่เร็วไปหรือที่ท่านจะตอบรับคำเชิญของมังกรเพลิง? ทำไมไม่รอให้พวกนั้นสู้กันจนเข้าตาจนมากกว่านี้ก่อน? ท่านค่อยเข้าไปตอนนั้นก็ยังไม่สายนี่ขอรับ” ความคิดของเจียงอวิ๋นหลงชั่วร้ายอย่างที่สุด แม้ว่าวิญญาณพืชจะมีจำนวนน้อยที่สุด แต่ในบรรดาเผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งสี่ พวกเขาแข็งแกร่งที่สุดในด้านความแข็งแกร่งรายบุคคล วิญญาณสัตว์อสูรมีจำนวนมากที่สุด ขณะที่วิญญาณอาวุธมีการประสานงานกันดีที่สุด ร่างเหล็กของพวกมันก็แข็งแกร่งอย่างไร้ที่เปรียบ แต่วิญญาณมนุษย์ไม่สามารถเทียบกับวิญญาณเผ่าพันธุ์อื่นในด้านเหล่านี้ได้เลย
แต่หอคอยโยวหลิงทำให้วิญญาณมนุษย์ที่ถูกอีกสามเผ่าพันธุ์กดขี่ค่อยๆลุกขึ้นสู้ได้ จนถึงขั้นที่เริ่มจะขึ้นมาเหนือกว่าทั้งสามเผ่าพันธุ์แล้ว
ถ้าพวกเขาสามารถใช้โอกาสจากหอคอยโยวหลิงแห่งที่สี่ทำให้วิญญาณทั้งสามเผ่าพันธุ์สูญเสียคนไปมากกว่านี้ได้ มันย่อมจะเป็นการดีสำหรับวิญญาณมนุษย์
ในฐานะศิษย์เอกของอูจิ่ว เจียงอวิ๋นหลงย่อมถูกอูจิ่วใช้งานในตำแหน่งที่สำคัญมาก สถานะของเขาในหมู่วิญญาณมนุษย์คือ อยู่ใต้คนๆเดียว แต่อยู่เหนือคนนับหมื่น อำนาจที่เพิ่มขึ้นของวิญญาณมนุษย์ก็หมายถึงอำนาจที่เจียงอวิ๋นหลงได้รับก็จะเพิ่มขึ้นด้วย แล้วเขาจะไม่คาดหวังได้อย่างไร?
อูจิ่วเหลือบมองเจียงอวิ๋นหลง เขาจะไม่รู้ความคิดของเจียงอวิ๋นหลงได้อย่างไร?