ตอนที่ 936 สัญชาตญาณหรือโชคช่วย

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงยืนนิ่งตัวแข็งราวกับว่าวิญญาณได้หลุดลอยออกจากร่างไปแล้วพวกเขาไม่เข้าใจการกระทำของชูฮันเลย แม้กระทั่งเหล่าคนสนิทใกล้ชิดกับชูฮันก็ยังไม่เข้าใจเต็มที่
  สำหรับคนส่วนใหญ่นั้นการกระทำของชูฮันนั้นไร้ความหมาย การฆ่าคนนับร้อยอาจจะมีประโยชน์ แต่สำหรับในค่ายโดยเฉพาะเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสองของค่ายนั้น…ไม่สามารถฆ่าได้ ยิ่งโดยเฉพาะชูฮันไม่มีแม้แต่หลักฐานที่แสดงความผิดของคนพวกนี้เลยด้วยซ้ำ แล้วอย่างนี้ใครจะกล้ามาทำงานกับค่ายเขี้ยวหมาป่า?
  ฆ่าและฆ่าฆ่าผู้คน โดยไม่มีเหตุผลมาโน้มน้าวทุกคนให้เข้าใจถึงการกระทำเลย มันเป็นการกระทำที่เผด็จการอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมันไม่ได้ส่งผลดีหรือเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาของค่ายเขี้ยวหมาป่าและทั้งเมืองอันลูในอนาคตเลย
  รวมถึงเหล่าทหารระดับ2 อีกหลายร้อยที่ตอนนี้ยืนดูใกล้ๆ มันมีความกลัวและวิตกกังวลฉายชัดอยู่บนสีหน้าของพวกเขา ทหารห้าสิบนายที่ถูกจับอยู่ตรงหน้านี้คือเพื่อนพ้องของพวกเขา
  นายทหารคนที่ถูกตัดหัวไปนั้นพวกเขาไม่เคยสังเกตเห็นถึงความน่าสงสัยเลยสักนิด แต่จู่ๆชูฮันกลับใช้ขวานตัดหัวเพื่อนของพวกเขา นายทหารคนนี้เป็นคนกว้างขวาง รู้จักคนในค่ายมากมาย ยินดีช่วยเหลือเพื่อนพ้องเสมอ เป็นคนมีน้ำใจ แล้วคนแบบนี้จะเป็นหนอนบ่อนไส้ได้ยังไง?
  แต่ชูฮันกลับฆ่าเขาง่ายๆแบบนี้แถมยังไม่บอกเหตุผลอะไรสักคำ?
  ทันใดนั้นเหล่าทหารระดับ 2 ทั้งหลายก็มองชูฮันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวลและสงสัย บางคนถึงกับย้อนคิดว่าการที่ตัดสินใจมาค่ายเขี้ยวหมาป่าแต่แรกนั้นอาจจะเป็นการตัดสินใจผิดพลาด  ชูฮันเองก็รับรู้ได้ในระบบล่มสลายว่าในขณะนี้ระดับความจงรักภักดีของหลายคนเริ่มไม่คงที่บางคนที่มีอยู่เดิม 60%, 80% ก็มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ในขณะที่คนที่มีระดับต่ำอยู่แล้วก็มีความผันผวนมากขึ้น ภายในพริบตาทุกคนมีความรู้สึกต่อต้านกับการกระทำของชูฮัน
  มันไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจสำหรับชูฮันมันเป็นสิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้แล้วเพราะมนุษย์นั้นมีความอิสระทางความคิดและมีทางเลือกเป็นของตัวเอง การกระทำของเขาจะมีอิทธิพลอย่างมากต่อมุมมองและความรู้สึกของคนเหล่านี้ที่มีต่อเขา
  หากชูฮันก็ไม่ได้รีบร้อนเขายังคงกำด้ามขวานซิ่วโหลและยืนนิ่งอย่างมั่นคงที่เดิม นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องเขม็งไปที่ทหาร 49 คนที่เหลือตรงหน้าด้วยสายตากดดันราวกับยมทูตกำลังจะมารับวิญญาณ
  ”จะพูดมั้ย?”มีประกายความโหดเหี้ยมแวบผ่านนัยน์ตาชูฮันไปอย่างรวดเร็ว ลำแสงสีดำและขวานยักษ์ดำของชูฮันจู่ๆก็ตวัดผ่านอากาศพร้อมกับน้ำเสียงเย็นยะเยือกของชูฮัน “สามวินาทีต่อคน ใครจะเริ่มก่อน?”
  เป็นอีกครั้งที่รัศมีแรงกดดันมหาศาลของชูฮันทำให้หลายคนที่ยืนมุงดูเหตุการณ์อยู่เกิดหวาดกลัวจนเผลอก้าวถอยหลังหนีโดยไม่รู้ตัวบางคนกลัวอย่างที่ไม่เคยกลัวอะไรขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
  แต่ในจังหวะที่หนึ่งในทหาร49 คน ทนไม่ไหวและกำลังจะอ้าปากต่อต้านชูฮันแทนทุกคน—–
  ”กรอบ!”
  ทันใดนั้นมันก็มีเสียงบิดกระดูกข้อมือของชูฮันดังขึ้น!
  ตามมาด้วย…
  ”กึก!กึก! กึก!”
  เสียงเข่ากระทบพื้นของกลุ่มทหาร49 คนดังตามกันมาเป็นขบวน จู่ๆทั้ง 49 คนก็คุกเข่าต่อหน้าชูฮันพร้อมกับก้มหน้าต่ำ เนื้อตัวสั่นเทิ้มด้วยความกลัวกันหมด
  ”ผมผมจะพูดครับ” ทหารที่คุกเข่าลงคนแรกค่อยๆพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักพร้อมกับความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการตัดสินใจผิดพลาดของตัวเอง “ผมขายข้อมูลให้กับคนนอกค่ายไปครับ แต่ผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร พะ-พวก พวกเขาให้ราคาสูงมาก ผะ-ผมแค่อยากจะหาเงิน…”
  เมื่อคนแรกยอมสารภาพคนอื่นๆก็เริ่มสารภาพตามกันมา บางคนพูดไม่เหมือนกัน รายละเอียดต่างกันไป บางคนก็ทำบางอย่างที่ผิดต่อหน้าที่ของตัวเอง บางคนก็ฝ่าฝืนกฏของค่าย
  และในขณะเดียวกันบางคนก็ยังไม่ยอมปริปากพูดความจริง บางคนจำใจยอมคุกเข่าด้วยความกลัวหากหลังจากต่อสู้ในใจตัวเองแล้ว แต่ก็ยังเลือกที่จะโกหกเพราะกลัวบทลงโทษที่จะได้รับ
  ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นเองคนกลุ่มหลังที่สารภาพว่าพวกเขาห้าคนให้ที่ซ่อนกับซอมบี้ในค่ายเขี้ยวหมาป่า และก็มีคนหนึ่งยอมรับว่าพาลูกผสมเข้ามาในค่าย!
  ความช็อคปรากฏบนสีหน้าของเหล่าผู้ชมรอบๆทั้งหมดทันทีท่ามกลางความเงียบสนิท ทุกคนล้วนได้ยินคำสารภาพของทั้ง 49 คนชัดเจนเต็มหู ทุกประโยคนั้นเสมือนกับดาบคมกริบที่ทิ่มแทงเข้าไปในอกของทุกคนในค่ายเขี้ยวหมาป่า
  จริงๆ…คนพวกนี้ทำเรื่องแบบนี้ลงไปจริงๆ!
  ความรู้สึกโกรธแค้นจนอยากจะฆ่าทั้ง49 คนตรงหน้าเองกับมือปะทุขึ้นมาในใจของหลายคน เช่นเดียวกับหลายคนที่ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยคิดสงสัยหัวหน้าชูฮัน…บ้าเอ๊ย!
  และผลลัพธ์ก็คือ…ความจงรักภักดีต่อชูฮันไต่ขึ้นสูงอีกครั้ง
  ซางจิ่วตี้และคนอื่นๆที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงแนวหน้าของค่ายเขี้ยวหมาป่านั้นรู้สึกสมเพชกับชาวบ้านที่ก่อนหน้านี้มองชูฮันราวกับปีศาจแต่ตอนนี้รีบเปลี่ยนท่าทีเป็นชื่นชมพวกเขาไม่มีใครคิดอยู่แล้วว่าชูฮันจะฆ่าใครโดยไม่มีเหตุผล ในทางกลับชูฮันเอาอะไรมามั่นใจในตัวคนพวกนี้กันแต่แรก?
  แม้แต่ซางจิ่วตี้เองก็สงสัยอย่างมากเพราะในมือของชูฮันนั้นไม่มีหลักฐานอะไรเลยสักอย่างแต่ทำไมเขาถึงมั่นใจอย่างมากว่าคนพวกนี้น่าสงสัยและจะต้องทำผิดแน่ๆและชูฮันมั่นใจได้ยังไงว่าสุดท้ายแล้วคนพวกนี้จะคายความจริงออกมาในสถานการณ์เช่นนี้?
  ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสับสนและไม่เข้าใจมากเท่าไหร่อัตราความสำเร็จของการกระทำชูฮันมันติดลบชัดๆ
  เป็นสัญชาตญาณหรือว่าแค่โชคดี?
  หรือทั้งสองอย่าง!
  ชูฮันไม่ได้ให้คำอธิบายหรือตอบคำถามที่ค้างคาใจของซางจิ่วและคนอื่นๆด้านหลังความจงรักภักดีคือสิ่งเดียวที่เขาใช้ตัดสินใจ ยกเว้นแต่เกาช้าวฮุ่ยที่ไม่มีความจงรักภักดีต่อเขาอยู่แล้ว  ใครก็ตามที่คิดจะล้มหรือต่อต้านเขาแค่เหลือบตามองชูฮันก็รับรู้ถึงความเป็นศัตรูหรือความเป็นมิตรแล้ว!
  ชูฮันยืนนิ่งเงียบอยู่ต่อหน้าทั้ง49 คน ขวานซิ่วโหลในมือคลายออกเล็กน้อยและมันก็มีร่างไร้วิญญาณของทหารคนแรกนอนกองแทบเท้าชูฮันอยู่ เลือดที่ไหลเจิ่งนองตอนแรกจับตัวกับดินที่พื้นจนเป็นก้อน
  ท่ามกลางฉากที่น่าตกตะลึงนี้ทั้ง 49 คนยังคุกเข่าก้มหน้าต่ำอยู่ที่พื้น เผยความกลัวในใจและความสำนึกผิดออกมา คนแรกที่ถูกชูฮันฆ่าไปนั้นทุกคนก็ไม่มีโอกาสได้รู้ว่าเขาทำความผิดอะไรแต่คาดว่าก็คงไม่ผิดไปจากคนอื่นๆ
  ตอนนี้ทุกคนกลัวจนหัวหดกันหมดพวกเขากลัวว่าตัวเองจะเป็นคนต่อไปที่จะนอนตายอยู่ใต้เท้าชูฮัน โดยเฉพาะเมื่อรู้สึกกำลังโดนชูฮันจ้องมาที่ตัวเองไม่วางตา
  ดังนั้นเมื่อชูฮันเปิดให้ทุกคนได้สารภาพโดยให้เวลาคนละสามวินาทีพวกเขาจึงไม่ลังเลที่จะรีบสารภาพสิ่งที่ตัวเองทำลงไปออกมา
  ส่วนชูฮันก็ปล่อยให้ทั้ง49 คนได้พูด ได้สารภาพ แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกแกจะหนีรอดจากความตายไปได้?
  ”พลเอกชูฮันมะ-หมดแล้วครับ” คนสุดท้ายที่สารภาพเสร็จสบตาชูฮันพร้อมพูดอ้อนวอนชูฮันด้วยความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอด “ผมไม่ได้ตั้งใจจะนำหายนะมาให้ค่ายเขี้ยวหมาป่าเลยครับ ท่านไว้ชีวิตผมเถอะครับ? ผมไม่กล้าทำผิดอีกแล้ว!”
  เสียงร้องไห้อ้อนวอนของแต่ละคนดังระงมแข่งกันไปหมดทั้ง 49 คนคุกเข่าสะท้อนอยู่ต่อหน้าชูฮัน ร้องขอการให้อภัยด้วยท่าทางนอบน้อมที่สุด