ตอนที่ 937 มีเรื่องอะไรอีก

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

ภายใต้น้ำเสียงโศกเศร้าหลายคนเริ่มเกิดความเห็นใจต่อทั้ง 49 คน เพราะท้ายที่สุดแล้วคนพวกนี้ก็คือเพื่อนพ้องที่ใช้ชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมา ทุกคนเองก็ล้วนบ่นกับภาระที่ต้องแบกไว้เพื่อค่าย แต่ทุกคนก็ต่างมุ่งหวังที่จะพัฒนาค่ายเขี้ยวหมาป่าาให้ดียิ่งขึ้นกันทั้งนั้น
  ”ชูฮันคนพวกนี้…” ซางจิ่วตี้เอ่ยไม่เต็มเสียงเท่าไหร่ เธอรู้ดีว่ามันไม่เหมาะสมที่จะขัดชูฮันในเวลาเช่นนี้ และเธอก็รู้ดีว่าชูฮันไม่ชอบให้ใครมาแทรกเวลาที่ชูฮันกำลังอะไรอยู่ หากซางจิ่วตี้ก็อยากจะสลัดความชั่วร้ายในใจของชูฮันออกไป ไม่อย่างนั้นเธอไม่อยากจะนึกเลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
  ชูฮันจะต้องฆ่าทั้งหมดแน่และทุกคนก็รู้ดีว่าคนพวกนี้ไม่มีทางหนีชูฮันได้พ้น!
  หากมันดูไม่เป็นการดีต่อตัวชูฮันเองที่จะฆ่าทั้ง49 คนต่อหน้าทุกคนแบบนี้และมันคงสร้างความกดดันและความเครียดต่อผู้คนทั้งค่ายเป็นแน่ นี้คือค่ายผู้รอดชีวิตที่ซึ่งคนส่วนใหญ่เป็นผู้รอดชีวิต ไม่ใช่ค่ายกองทัพสำหรับทหาร วิธีการของชูฮันมันดุดันเกินไป สถานการณ์และความคิดที่ผู้คนมีต่อชูฮันอาจจะพลิกผันได้!
  หากไม่ทันที่ซางจิ่วตี้จะได้พูดต่อชูฮันไม่คิดปล่อยโอกาสให้ใครได้แย้งขึ้นมาอีก เขาเงื้อมขวานซิ่วโหลขึ้น——-
  ”ฟิ้ว~”
  ”พัฟ!พัฟ!—–”
  ลำแสงสีดำตวัดผ่านในอากาศเลือดสาดกระเซ็นกระจาย ศีรษะทั้งหลายกลิ้งไหลไปกับพื้นราวกับลูกบอลพร้อมกับตาที่ยังเบิกค้างไว้
  ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของหลายคนถูกปล่อยออกมาร่างที่โชกเลือกทั้งหลายนอนกองคาพื้นภายใต้ขวานซิ่วโหลของชูฮันที่ไม่ลังเลจะฆ่าคนทรยศเลยสักนิด!   เงียบกริบ——
  เลือดสีแดงสดจำนวนมากไหลทะลักออกมาจนพื้นดินเจิ่งนองทำให้ภาพดูน่าสยดสยองทุกอย่างเกิดต่อหน้าต่อหน้าตาของทุกคน ศีรษะ 50 ศีรษะกลิ้งไหลไปตามพื้นและร่างที่ไร้ศีรษะนอนกองตายทับกันอยู่แทบเท้าชูฮัน
  ภาพที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่สร้างความตกใจต่อทุกคนแต่แม้แต่ผู้ดูแลค่ายอย่างซางจิ่วตี้ก็ยังช็อค รวมถึงเกาช้าวฮุ่ยที่ตะลึงจนขาเกือบทรุด
  ทุกคนรู้ดีว่าชูฮันเป็นคนไม่มีความอดทนและเด็ดขาดมากแค่ไหนและรู้ดีว่าสิ่งที่ทำให้ชูฮันหมดความอดทนง่ายมากที่สุดคือการถูกทรยศ ทุกคนรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องที่จริงจังอย่างมากในกฏระเบียบทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่าซึ่งก็เกี่ยวข้องกับกฏของค่ายเช่นกัน
  หากไม่มีใครคิดว่าชูฮันจะฆ่าทันทีแบบนี้แถมยังฆ่าหมดทุกคนพร้อมกันในพริบตาเดียวโดยไม่พูดอะไรสักคำเดียว!
  สิ่งแรกที่ชูฮันทำหลังจากกลับมาถึงค่ายคือ…ฆ่า!
  ”ชำระหนี้ที่พวกแกติดไว้ให้กับชีวิตของเพื่อนทหารที่ต้องตายไป”นัยน์ตาสีดำสนิทของชูฮันอัดแน่นไปด้วยพลังอำนาจ ชูฮันเอ่ยคำพูดโกรธแค้นและแฝงไปด้วยความเศร้าโศกพร้อมกับเงยหน้าขึ้นจ้องเขม็งไปที่ร่างไร้วิญญาณทั้งหลายที่นอนกองอยู่ที่พื้นด้วยความเลือดเย็น
  พรึบ!
  เกือบจะทันทีทันใดทุกคนที่แววตาของชูฮันก็รีบก้าวถอยหลังหนีด้วยความหวาดกลัว รัศมีความน่ากลัวของชูฮันที่แผ่ออกมามันรุนแรงมากจนบรรยายไม่ถูก
  เหล่าผู้รอดชีวิตในค่ายที่มุงดูอยู่รอบนอกนั้นยิ่งหวาดกลัวจนสติหลุดพวกเขารีบถอยหนีกันยกใหญ่ ในตอนนี้ชูฮันเหมือนกับถูกปีศาจเข้าสิงไปแล้ว ในใจของทุกคนกลัวจนอยากจะวิ่งหนีไปซะเดี๋ยวนี้หากก็ไม่กล้าทำ
  มีผู้คนเป็นหมื่นที่มามุงดูกันอยู่ที่ลานจตุรัสใจกลางค่ายหากไม่มีใครกล้าพูดหรือส่งเสียงใดๆทั้งนั้น ไม่มีใครกล้าจะมองชูฮันเลย ไม่ต้องพูดถึงสบตาด้วยซ้ำ และในขณะที่บรรยากาศกำลังแปลกๆและเต็มไปด้วยความอึดอัด จู่ๆ——
  ”ปัง!”
  ขวานยักษ์ซิ่วโหลถูกง้างขึ้นสูงและกระแทกลงพื้นดังกัมปาท!
  ”แกร๊ก!กรึก!”
  ทันใดนั้นมันก็เกิดรอยแตกร้าววิ่งเป็นเส้นไปตามพื้นพื้นที่ถูกโจมตีอย่างแรงจนเกิดการสั่นสะเทือน รอยแตกยังคงวิ่งต่อไปตามหลังอีกสักพัก
  หัวใจของซางจิ่วตี้แทบจะหลุดออกมาจากอกรวมถึงผู้คนนับไม่ถ้วน สีหน้าของทุกคนมองมาที่ชูฮันราวกับคนแปลกหน้าที่พวกเขาไม่รู้จัก
  อย่างไรก็ตามในตอนนี้แววตาของชูฮันยังคงอัดแน่นไปด้วยความโกรธอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าความโกรธที่สะสมมาเป็นเวลานานกำลังจะระเบิดออกมาในอีกไม่ช้า นัยน์ตาดำสนิทของเขากวาดสายตาไล่มองทุกคน ให้ความรู้สึกราวกับพ่อที่กำลังมองลูกที่ทำให้เขาผิดหวัง
  ”ที่นี้คือค่ายเขี้ยวหมาป่า!”ชูฮันคำรามลั่นท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบกริบ “แต่ดูพวกแกทั้งหนอนบ่อนไส้ ผู้ลี้ภัยและพวกขยะที่บ่อนทำลายค่ายลงไปเรื่อยๆ! ในฐานะที่ที่นี้ให้ที่ได้พวกแกได้พักอาศัยเพื่อหนีตาย พวกแกไม่สำนึกกันเลยเหรอไง? คิดสิว่าตัวเองทำอะไรเพื่อค่ายเขี้ยวหมาป่าแล้วบ้าง?!!!”
  ความรู้สึกหวาดกลัวก่อตัวขึ้นในใจของเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งหลายทันทีโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ระดับแนวหน้าอย่างซางจิ่วตี้ที่สัมผัสความรู้สึกของชูฮันได้
  หลังจากฆ่าคนแล้วเขายังโกรธขึ้นกว่าเดิมอีก?
  หรือว่าไฟแห่งความโกรธของชูฮันจะลามไปทั่วทั้งค่าย?
  แล้วชูฮันไม่คิดจะให้คำอธิบายอะไรเกี่ยวกับการกระทำก่อนหน้านี้และผลกระทบให้ทุกคนทราบเลยเหรอ?
  นี้มันอะไรกันอีก?!
  ”ตึก!ตึก!”
  เสียงพื้นรองเท้าบู้ทของชูฮันดังกระทบพื้นชูฮันเดินย่ำช้าๆเป็นจังหวะผ่านตรงหน้าชาวบ้านเป็นหมื่นคน แววตาที่แสดงออกถึงการหมดความอดทนนั้นกวาดมองทุกคนคมกริบ ซางจิ่วตี้ไม่รู้ว่าชูฮันรู้ได้ยังไง แต่แน่นอนว่าสำหรับชูฮันที่ใช้ชีวิตในโลกาวินาศมากว่าสิบปี มีหรือที่เขาจะไม่รู้ธรรมชาติของคนพวกนี้?
  พวกผู้ลี้ภัยที่ไร้ยางอายและน่ารังเกียจมีค่าน้อยกว่าขยะซะอีก!
  ”เห็นฉันฆ่าแล้วกลัว? ฉันได้ยินว่าพวกแกต้องคุ้ยอาหารในขยะกินก็เลยโกรธแค้นค่ายเขี้ยวหมาป่า?” ชูฮันพูดต่อ ด้วยแววตาดุดันและเต็มไปด้วยจิตสังหารแรงกล้าที่ไล่กวาดมองทุกคน และยิ่งเมื่อไม่มีใครกล้าส่งเสียงอะไร เสียงของชูฮันจึงยิ่งดังเข้าหูทุกคนชัดเจน
  หลายคนก้มหน้าลงต่ำเพื่อปกปิดสีหน้าของตัวเองเป็นอย่างที่ชูฮันพูด และคำพูดของชูฮันก็ยิ่งไปกระตุ้นอารมณ์ที่พยายามเก็บซ่อนของคนพวกนี้เข้าไปอีก
  ”ไอ้พวกเศษขยะ!”ทันใดนั้นชูฮันก็ตะโกนด่าดังลั่นด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม มันเต็มไปด้วยพลังและความกดดันอย่างมากเมื่อออกมาจากปากชูฮัน จากนั้นก็ตามด้วย “ตายไปยังดีกว่า!”
  ”พรึบ!”
  ทันใดนั้นสายตาหลายคู่ก็ตวัดมองมาที่ชูฮันด้วยความโกรธจัดสีหน้านับไม่ถ้วนที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังมาที่ชูฮันชัดเจน กลุ่มคนพวกนี้ที่คือกลุ่มคนที่อพยพมาที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าใหม่ๆเพราะสงครามครั้งนี้ และในที่สุดหลังจากการดูถูกของชูฮันหลายครั้ง พวกเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
  ผู้ดูแลค่ายอย่างซางจิ่วตี้และหยางเทียนและเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกหลายคนมองหน้ากันและกันอีกครั้งนี้มันคือเรื่องอะไร?
  ”พวกเราไม่ใช่ขยะ!”ในที่สุด หลังจากความเงียบอันยาวนาน ก็มีเสียงตะโกนใส่ชูฮันจากชายหนุ่มที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน
  ”แค่เพราะพวกเรามาอาศัยในค่ายของแกต้องดูถูกเหยียดหยามกันขนาดนี้เลย?” เมื่อมีคนแรกเอ่ย คนที่เหลือก็เริ่มตะโกนใส่ชูฮันตามกันมา สีหน้าของชูฮันแสดงออกถึงความโมโหและไม่พอใจชัดเจน
  ”แกมันก็แค่พลเอกไม่เคยทำหน้าที่ผู้นำค่ายด้วยซ้ำ? เสียดายที่ทุกคนเห็นแกเป็นไอดอล!”
  ”ฉันมองแกผิดไปจริงชูฮัน!”
  ”ถ้าไม่ใช่เพราะมีกองทัพซอมบี้บุกมาฉันก็ไม่มาไอ้ค่ายเขี้ยวหมาป่านี่ของแกหรอก!”
  ”คงเป็นอย่างข่าวลือจริงๆจุดนี้ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความแล้ว แม้กระทั่งฆ่าคนแกยังไม่มีความละอายแก่ใจหรือรู้สึกผิดเลยสักนิด ทุกคนคืออดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของแกทั้งนั้น!”
  เสียงตะคอกต่อว่าของทุกคนเริ่มดังขึ้นเรื่อยทันใดนั้นทั้งจตุรัสก็ตกอยู่ในความโกลาหลจนเกือบจะกลายเป็นจลาจล