ถังเจิ้นหวารู้ดีว่าสิ่งที่ถังซีกล่าวนั้นสมเหตุผล แต่ท่านก็ยังรู้สึกเศร้าที่ซีซีจะหายตัวไปตลอดกาล
เมื่อรู้ว่าถังเจิ้นหวากำลังคิดอะไรอยู่ ถังซีก็เม้มริมฝีปาก นั่งลงข้างถังเจิ้นหวา กล่าวกับท่านว่า “คุณปู่คะ ตอนนี้บริษัทเราก็มั่นคงแล้ว เมื่อคุณปู่อาการดีขึ้นหนูจะเดินทางไปต่างประเทศ หนูอยากเรียนต่อปริญญาเอกที่สหรัฐอเมริกาค่ะ ในที่สุดตอนนี้หนูก็มีโอกาสแล้ว”
“ปริญญาเอกหรือ” ถังเจิ้นหวามองเธอแล้วถอนหายใจ “หนูตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม”
ถังซีพยักหน้า “ค่ะ หนูจัดการขั้นตอนต่างๆ เรียบร้อยแล้ว หนูจะไปอเมริกาหลังจากจัดการเรื่องบริษัทแล้ว และหนูสามารถสอนโหรวโหรวเรื่องวิธีบริหารจัดการเอ็มไพร์กรุปทางโทรศัพท์ได้ค่ะ”
“ป้ายังรู้สึกว่า…” ถังหย่าถอนหายใจ มองหน้าถังซี “ทันทีที่ป้ากลับมา หนูก็ตัดสินใจมอบเอ็มไพร์กรุปทั้งหมดให้โหรวโหรว ทำให้ป้ารู้สึกราวกับว่า ป้ากลับมาเพื่อจะมารับทรัพย์สมบัติของตระกูลถัง ป้าไม่สบายใจเลยในเรื่องนี้ ซีซี หนูยังคงบริหารบริษัทจากทางไกลได้ หนูไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้นะจ๊ะ”
ถังซียิ้ม กล่าวว่า “หนูรู้ค่ะว่าเป็นเรื่องยากสำหรับคุณป้า ที่จะยอมรับทุกอย่างได้ในทันที แต่หนูวางแผนไว้แบบนี้ตั้งแต่ก่อนที่เราจะพบคุณป้า เพราะฉะนั้นคุณป้าไม่ต้องรู้สึกผิดเลยค่ะ”
ถังซีพยายามโน้มน้าวถังหย่าเต็มที่ และในที่สุดก็สำเร็จ
…
ที่สถานีตำรวจ ด้วยหลักฐานที่ถังซีให้ไว้ บวกกับคำสารภาพของถังเจี๋ยเหริน และหลักฐานอื่นๆ ที่ตำรวจรวบรวมมาได้ เป็นไปไม่ได้เลยที่ฉินซินหยิ่งจะปฏิเสธสิ่งที่เธอกระทำ และฉินเปิ่นหยวนก็ถูกนำตัวมาที่สถานีตำรวจด้วย
เมื่อรู้ว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสารภาพ ฉินเปิ่นหยวนก็ยอมรับในสิ่งที่เขากระทำ
โครงการของฉินกรุปและกลุ่มกิจการร่วมค้าฉินถูกระงับทั้งหมด เนื่องจากไม่มีเงินทุน ฉินกรุปตกอยู่ในวิกฤติการณ์ทางการเงินครั้งใหญ่ เมื่อท่านประธานถูกจับกุม และราคาหุ้นของบริษัทก็ดิ่งลงต่ำสุด
ใกล้จะล้มละลาย
…
ที่ดูไบ
เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ลู่หลีได้รับการผ่าตัด แม้เขาจะไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องไอซียูอีกต่อไป แต่ก็ไม่มีสัญญาณบ่งบอกเลยว่าเขาจะฟื้น
เฉียวเหลียงกับหลินหย่วนอยู่นอกห้องพักฟื้นคนไข้ มองเข้าไปดูลู่หลีที่ยังนอนอยู่ในอาการโคม่าผ่านทางหน้าต่าง ทั้งคู่ดูวิตกกังวล
หลินหย่วนกล่าวว่า “ผมสืบรู้มาว่าคนพวกนั้นทำงานให้กับผู้ชายคนหนึ่งชื่อวิลเลียม ซึ่งดูเหมือนจะมาจากเกาะนอกกฎหมายนั้นเหมือนกัน”
เฉียวเหลียงขมวดคิ้วและมองหน้าหลินหย่วน “ที่ผมบอกให้คุณร่วมมือกับเซียวเหยา สืบหาว่าใครคือคนทรยศในองค์กรเรา ไปถึงไหนแล้ว”
“ยังหาตัวไม่ได้เลยทั้งคนทรยศในองค์กรเราและในองค์กรเขา ผมคิดว่าพวกมันอาจซ่อนตัวอยู่ ผมมาคุยกับคุณเรื่องนี้นั่นแหละ ผมคิดว่าผมเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าคุณ ในการไปตามจับคนทรยศ” หลินหย่วนมองหน้าเฉียวเหลียง เมื่อเห็นเฉียวเหลียงยังคงไม่แสดงท่าทีใดๆ เขาก็กล่าวต่อไปว่า “หลงเซี่ยวต้องการคุณ นอกจากนี้คุณยังต้องดูแลลู่หลี…”
เฉียวเหลียงมองดูลู่หลี จากนั้นก็หันไปสบตาหลินหย่วนและพยักหน้า “ตกลง ส่งข่าวผมทุกระยะก็แล้วกัน”
หลินหย่วนพยักหน้า จากนั้นดูเหมือนว่าเขาจะคิดอะไรออกบางอย่าง จึงกล่าวกับเฉียวเหลียงว่า “คุณจะไม่บอกเหวินนิ่งจริงๆ เหรอ ว่าลู่หลีอยู่ที่ไหน” เขาถอนหายใจ นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวต่อไป “ผมคิดว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิด แม้ว่าครั้งนี้ลู่หลีจะบาดเจ็บสาหัส แต่เหวินนิ่งไม่ได้มีส่วนรู้เห็นด้วย แต่คุณกลับระบายความโกรธแค้นลงที่เธอ พูดตามตรงนะ ผมคิดว่าไม่ยุติธรรมกับเธอ”
เฉียวเหลียงมองหน้าหลินหย่วนแล้วเลิกคิ้ว “คุณคิดว่าผมโทษเธอเหรอ”
“ก็แล้วไม่ใช่เหรอ” หลินหย่วนมองหน้าเฉียวเหลียง “อย่าปฏิเสธเลย”
เฉียวเหลียงก้มศีรษะลง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ “ทำไมเหวินนิ่งถึงไม่รู้แผนการที่พวกเขาจะกระทำต่อลู่หลีล่ะ นั่นเป็นเพราะผู้บังคับบัญชาเธอรู้ถึงความสัมพันธ์ของเธอกับลู่หลีแล้ว ถ้าขืนผมปล่อยให้เหวินนิ่งเจอลู่หลี คนเหล่านั้นก็จะรู้ว่าลู่หลียังมีชีวิตอยู่ ผมไม่อยากให้ลู่หลีต้องบาดเจ็บมากไปกว่านี้”
หลินหย่วนมองหน้าเฉียวเหลียงอย่างลังเล แต่ก็พยักหน้าในที่สุด “เอาล่ะ แล้วแต่คุณ แล้วนี่คุณจะกลับเมืองจีนเมื่อไหร่”
เฉียวเหลียงส่ายศีรษะ “ยังหรอก ผมยังไม่กลับไปจีนเร็วๆ นี้ โหรวโหรวกำลังจะถ่ายทำภาพยนตร์ และแม่ผมจะใช้เวลาช่วงตรุษจีนกับตระกูลหยาง ผมไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงทั้งสองคน เพราะฉะนั้นผมจะอยู่ที่นี่ ดูแลลู่หลี”
…
หลังจากถังเจิ้นหวาออกจากโรงพยาบาล ถังซีก็เดินทางไปต่างประเทศด้วยข้ออ้างเรื่องการเรียนต่อ เซียวโหรวค่อยๆ เข้าควบคุมเอ็มไพร์กรุป ในเวลาเดียวกันเธอก็ยุ่งอยู่กับการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างร่างกาย
และเธอยังพบด้วยว่า คะแนนประสบการณ์ของเธอเพิ่มขึ้นทั้งหมด
หลังจากผ่านพ้นเทศกาลตรุษจีนเธอก็เริ่มถ่ายทำภาพยนตร์ และอาชีพการแสดงของเธอเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
ถังหย่าและคนอื่นๆ พยายามทัดทานไม่ให้เธอรับงานภาพยนตร์ เพราะทุกคนเกรงว่าร่างกายเธอจะรับงานหนักเกินไปไม่ไหว เนื่องจากเธอต้องบริหารจัดการทั้งเดอะควีน และเอ็มไพร์กรุปไปด้วยในเวลาเดียวกัน แต่ถังซียืนยันที่จะรับงานนี้ จนพวกเขาต้องยอมแพ้ไปในที่สุด
แล้วถังซีก็เริ่มเข้าฉากถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอ
หลังจากอ่านบท ถังซีต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ามีฉากการต่อสู้ด้วยวิชากังฟูมากมาย เธอรีบไปถามหนิงเหยี่ยน “ผู้กำกับหนิงคะ ในบทก่อนหน้านี้ไม่มีฉากกังฟูเลย ทำไมตอนนี้มีฉากต่อสู้เยอะจังเลยล่ะคะ”
ร่างกายเธอจะรับงานเช่นนี้ไหวหรือ
หนิงเหยี่ยนมองหน้าเธอแล้วยักไหล่ หันไปพูดคุยกับคนอื่นๆ ต่อไป หลังจากพูดจบเขาก็หันกลับมาหาถังซี “บทนั้นเป็นของเฮ่อหว่านอี ส่วนนี่เป็นของเธอ ฉันต้องการให้เธอทำความคุ้นเคยกับบทของกันและกันก่อน”
“…” ถังซีมองหน้าหนิงเหยี่ยนอย่างพูดไม่ออก “แต่ฉันแสดงฉากแบบนี้ไม่ได้!”
“ฉันจะให้เวลาเธอหนึ่งสัปดาห์ ทำความคุ้นเคยกับบทนี้” หนิงเหยี่ยนทดสอบเครื่องอุปกรณ์ พร้อมกับกล่าวต่อไปโดยไม่หันกลับมามองเธอ “ฉันจะจ้างครูสอนกังฟูมาให้ เธอจะได้เรียนกังฟูตอนกลางวันและอ่านบทตอนกลางคืน การถ่ายทำจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการหลังจากนี้หนึ่งสัปดาห์”
ถังซีพยักหน้าอย่างหมดหวัง เธอไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการถ่ายทำภาพยนตร์ จึงได้แค่เพียงทำตามคำแนะนำของหนิงเหยี่ยน หลังจากนั้นหนิงเหยี่ยนก็แนะนำครูสอนกังฟูให้ถังซี
แม้จะต้องเจอกับการเข้าฉากถ่ายทำซ้ำๆ หลายครั้ง แต่ถังซีก็ยังคงพยายามแสดงทุกฉากให้สมบูรณ์ที่สุด
ในช่วงสามเดือน ยกเว้นการขอลาสองครั้ง ถังซีใช้เวลาที่เหลือทั้งหมดในการถ่ายทำ และทุ่มเทให้กับการแสดงภาพยนตร์
“โหรวโหรว มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับพี่ชายเธอหรือเปล่า เขาไม่รับโทรศัพท์หรือส่งข้อความตอบกลับมาตั้งสองเดือนแล้ว” วันหนึ่งหลังเลิกงาน เฮ่อหว่านอีพาถังซีหลบไปนั่งด้านหนึ่ง และถามเสียงเบา