บทที่ 1060 ความลับที่ยิ่งใหญ

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

“พูดไปพูดมา..ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้าเอง!”
  “ข้าไม่ควรปล่อยให้จิวยื่อออกไปท่องยุทธภพและโลกที่กว้างใหญ่เช่นนั้น หลังจากนั้นข้ายิ่งไม่ควรให้นางไปอยู่ตระกูลหนิง อีกทั้งเมื่อเรื่องราวทุกอย่างได้จบลงแล้ว ข้ายิ่งไม่ควรทำให้จิวยื่อต้องหนีออกจากบ้านไป เพราะอย่างน้อยด้วยฐานะของตระกูลฉิน จิวยื่อกับหลิงยู่ก็คงไม่ต้องลำบากลำบนอยู่ข้างนอกเช่นนี้..”
  ชายชราได้เล่าความทุกข์ยากและความเจ็บปวดตลอดสิบแปดปีของตระกูลฉินออกมา เขาจึงดูเหนื่อยล้าหมดเรี่ยวหมดแรงอย่างที่สุด และน้ำเสียงก็ยากที่จะปกปิดความรู้สึกภายในได้ว่ากำลังเสียใจมากเพียงใด..
  เห็นได้ชัดว่าฉินฉางชิงพยายามอย่างที่สุดที่จะปกป้องตระกูลฉินไว้ตลอดหลายปีเขาจึงไม่ติดต่อฉินจิวยื่อเลย..
  หลิงหยุนจึงคาดเดาเอาว่าด้วยสาเหตุนี้ฉินตงเฉี่วยจึงยิ่งหมางเมินกับพ่อของตนเอง และรอยร้าวระหว่างพ่อกับลูกสาวก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อย..
  “ท่านปู่ฉิน..อย่าได้ตำหนิตัวเองเช่นนี้เลย เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ใช่ความผิดของท่านเลยแม้แต่น้อย!”
  “แล้วก็ไม่ใช่ความผิดของแม่ข้าด้วย!”
  หลิงหยุนนั่งนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่..แววตาของเขาเป็นประกายดุดันน่าหวาดกลัว และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกไปถึงสันหลัง
  “เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของสำนักกระบี่เทวะตระกูลหนิง และนางผู้หญิงใจคอเหี้ยมโหดอย่างตี๋เสี่ยวเจินต่างหาก..”
  ในเมื่อเห็นได้ชัดแล้วว่าเป็นความผิดของผู้ใดกันแน่แล้วเหตุใดยังต้องนับเป็นความผิดของตนเองอีกเล่า หลิงหยุนยังนึกคาดโทษตระกูลหนิงอยู่ในใจเงียบๆ
  “ท่านปู่..ท่านอย่าได้กังวลใจไปเลย! ในเมื่อข้ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ข้าจะแก้แค้นให้กับท่านแม่อย่างแน่นอน ข้าต้องให้สำนักกระบี่เทวะ และตี๋เสี่ยวเจินชดใช้อย่างสาสม!
  “ข้าจะรีบไปช่วยท่านแม่ออกมาจากสำนักกระบี่เทวะให้เร็วที่สุด!”
  ก่อนหน้านี้ตระกูลฉินอาจไม่อยู่ในสายตาของสำนักกระบี่เทวะแต่ในเวลานี้มีหลิงหยุนอยู่ทั้งคน ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน!
  “ที่แท้ก็มีพันธสัญญาส่งตัวหนิงหลิงยู่ให้กับตระกูลหนิงอย่างนั้นรึคงจะส่งไปเพื่อเป็นการคาราวะตี๋เสี่ยวเจินสินะ? พวกเจ้าอย่าได้ฝันไปเลย..”
  หลิงหยุนรำพึงรำพันออกมาอย่างเย้ยหยัน!
  ฉินฉางชิงเพียงแค่พยักหน้า..แต่ก็ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว!
  หลังจากที่ใช้เวลาสงบสติอารมณ์อยู่นานฉินฉางชิงจึงพูดขึ้นว่า “หลิงหยุน.. ในเมื่อข้าเลือกที่จะเล่าเรื่องราวในอดีตให้เจ้าฟัง เพราะข้าเชื่อว่าเจ้ามีความสามารถพอที่จะช่วยแม่ของเจ้าได้!”
  “แต่ข้ายังมีเรื่องที่จะต้องขอร้องเจ้า…”
  หลิงหยุนรีบร้องบอกทันที“ท่านปู่ฉิน.. ได้โปรดพูดออกมาเถิด”
  ฉินฉางชิงจึงพูดต่อว่า“ตั้งแต่หลิงยู่เกิดมา.. นางเองก็เพิ่งจะได้พบกับข้าซึ่งเป็นตาครั้งแรก และไม่รู้ว่าตระกูลฉินอยู่ที่ใดด้วยซ้ำ ข้าจึงอยากจะพาตัวนางกลับตระกูลฉิน เพื่อให้นางได้ทำความรู้จักกับคนในตระกูล..”
  หลิงหยุนถอนหายใจพร้อมกับขมวดคิ้ว“ท่านปู่ฉิน.. ท่านเป็นตาของหนิงหลิงยู่ คำขอเช่นนี้ย่อมสมเหตุสมผล เพียงแต่..”
  “เพียงแต่..นี่ก็ครบสิบแปดปีตามพันธสัญญาแล้ว หากตี๋เสี่ยวเจินกลับไปที่ตระกูลฉินอีกครั้งเล่า”
  แน่นอนว่าหลิงหยุนย่อมเป็นห่วงและกังวลถึงความปลอดภัยของหนิงหลิงยู่ เขาเกรงว่าหนิงหลิงยู่จะพบเจอกับปัญหาเมื่อเขาไม่อยู่ด้วย..
  ฉินฉางชิงส่ายหน้าและตอบกลับมาเสียงเบา“เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลไป! อย่าลืมว่าเวลานี้จิวยื่อเองก็ยังอยู่ที่สำนักกระบี่เทวะ ข้าเดาว่าตี๋เสี่ยวเจินจะจดจำพันธสัญญาข้อนี้ได้แน่นอน แต่ครั้งนี้ข้าจะไม่ยินยอมอีกแล้ว อย่างไรก็ต้องเอาความปลอดภัยของหลิงยู่เป็นที่ตั้ง!”
  หลิงหยุนคิดแล้วก็อยากจะบุกไปสำนักกระบี่เทวะและสังหารคนในสำนักให้ตายจนหมเ ให้สาสมกับที่พวกมันบุกมาสร้างความอัปยศให้กับฉินจิวยื่อครั้งแล้วครั้งเล่า แม้เรื่องราวจะผ่านมาสิบแปดปีแล้ว แต่หลิงหยุนก็ตั้งใจไว้ว่าจะต้องแก้แค้นแทนแม่ของเขาให้ได้!
  “ตกลง..ในเมื่อข้าเองก็ต้องไปจัดการภารกิจบางอย่างที่ปักกิ่ง ครั้งนี้ข้าเองก็คงไม่สามารถดูแลหลิงยู่ได้ ท่านพาหลิงยู่กลับไปตระกูลฉินชั่วคราวจึงน่าจะดีกับนางมากกว่า..”
  หลิงหยุนตกลงตามข้อเสนอของฉินฉางชิงและถามขึ้นว่า “แล้วน้าหญิงของข้าล่ะ เวลานี้นางยังไม่ต้องการพบหน้าท่าน?”
  ฉินฉางชิงตอบยิ้มๆ“สำหรับเรื่องตงเฉี่วยนั้น รอยร้าวระหว่างข้ากับนางไม่ได้ร้าวลึกมาก และครั้งนี้ที่นางหลบหน้าหลบตาข้าก็เพราะสาเหตุอื่น”
  ฉินฉางชิงนิ่งไปครู่หนึ่งจึงพูดขึ้นว่า“ข้าได้หมั้นหมายนางไว้กับคนผู้หนึ่ง และต้องการพานางกลับไปให้ได้พบหน้ากัน เมื่อรู้ว่าข้ามาจิงฉู นางจึงรีบหลบหน้าหลบตาข้าเช่นนี้…”
  “เจ้าลองคิดดู..ตงเฉี่วยอายุยี่สิบแปดปีแล้ว แต่กลับยังไม่ยอมแต่งงานแต่งการ ข้าเกรงว่านางจะ…”
  “นางจะมีชะตากรรมเช่นเดียวกับพี่สาวของนางและหากเกิดเรื่องในลักษณะเดียวกันอีกครั้ง ตระกูลฉินก็ยากที่จะทนรับไหว..”
  หลิงหยุนได้ฟังก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก..
  “หลิงหยุน..ข้ารู้มาว่าเจ้าไม่เพียงเป็นทายาทของตระกูลหลิง แต่เจ้ายังเป็นกำลังสำคัญของตระกูลหลิงอีกด้วย ตอนนี้พ่อของเจ้าก็ได้หายตัวไป เจ้าควรจะรีบตามหาพ่อให้พบก่อน ไม่เช่นนั้นตระกูลหลิงก็ยากที่จะขยับตัวทำอะไรได้..”
  “แต่ข้าอยากจะเตือนเจ้าไว้ว่า..การไปปักกิ่งครั้งนี้เจ้าจะต้องระมัดระวังคนสามกลุ่มนี้..”
  “พรรคมารตระกูลหลง และตระกูลเย่!”
  “หากข้าเดาไม่ผิด..เรื่องที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่ของเจ้านั้น ต้องมีผู้ชักใย และแอบใส่ไฟอยู่เบื้องหลัง ไม่เช่นนั้นตระกูลหลิงคงจะไม่ถูกชาวยุทธรุมบีบคั้นเช่นนั้นแน่!”
  “ในอดีตนั้น..ประเทศนี้มีสามตระกูลใหญ่ค้ำยันกันอยู่ ซึ่งก็คือตระกูลหลง ตระกูลหลิง และตระกูลฉิน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุเลวร้ายเช่นนั้นกับตระกูลหลิง และไม่นานก็เกิดเหตุกับตระกูลฉินอีกเช่นกัน คิดแล้วก็น่าเศร้าใจ..” novel-lucky
  เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ฉินฉางชิงก็ได้แต่ถอนหายใจ..
  หลิงหยุนครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วจึงถามขึ้นว่า“ท่านปู่ฉิน.. ข้ารู้ว่าตระกูลหลงนั้นยืนหยัดเป็นตระกูลใหญ่ในประเทศนี้มานับพันปี แต่เพราะเหตุใดตระกูลหลิงกับตระกูลฉินจึงไม่สามารถยืนหยัดนานเช่นตระกูลหลงได้..”
  หากตัดตระกูลหลิงออกไปก่อนอย่างน้อยตระกูลฉินก็เป็นถึงตระกูลที่ได้รับหน้าที่ให้ดูแลสุสานฉินซือหวงมานานกว่าสองพันปี เหตุใดจึงไม่สามารถเอาชนะสำนักกระบี่เทวะได้
  ฉินฉางชิงยิ้มขมขื่นพร้อมกับพูดขึ้นว่า“หากจะพูดถึงเรื่องนี้ ก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อสี่สิบปีก่อน..”
  “ในครั้งนั้น..ท่านปู่ของข้ายังหนุ่มแน่น ทั้งตระกูลฉินและตระกูลหลิงล้วนไม่มีผู้ใดเทียบได้ มียอดฝีมืออยู่มากมายนับไม่ถ้วน และมียอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-9 อยู่มากมาย..”
  “แต่ครั้งนั้นยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-9ของตระกูลหลิง ต่างก็เดินทางไปคุนหลุน ส่วนยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-9 ของตระกูลฉิน ก็เดินทางไปยังสุสานจักรพรรดิ..”
  แต่เมื่อพูดมาถึงตรงนี้..ฉินฉางชิงก็มีสีหน้าตกใจ คล้ายกับเพิ่งนึกได้ว่าได้พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา จึงรีบหยุดเล่าต่อทันที!
  ความลับที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้หลิงหยุนย่อมไม่ยอมปล่อยให้ผ่านไปอย่างแน่นอน เขาจึงรีบถามขึ้นว่า
  “ท่านปู่ฉิน..แล้วต่อจากนั้นล่ะ”
  ฉินฉางชิงมีท่าทางกระอักกระอ่วนและดูเหมือนไม่ต้องการที่จะพูดถึงเรื่องนี้อีก แต่ในที่สุดก็ตอบหลิงหยุนไปว่า
  “หลังจากนั้นก็ไม่มีผู้ใดได้กลับออกมาอีกเลย..”
  หลิงหยุนร้องออกมาอย่างตกใจ“ไม่มีผู้ใดได้กลับออกมางั้นรึ!”
  ฉินฉางชิงพยักหน้า“ใช่แล้ว!”
  “แล้วตระกูลหลงในครั้งนั้นล่ะ”
  ฉินฉางชิงยิ้มเล็กน้อยและพูดขึ้นว่า “เป็นเวลามากกว่ายี่สิบปีมาแล้ว.. ที่ตระกูลหลงเอาแต่เสาะหาสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับมังกร ยอดฝีมือมากมายของตระกูลหลงจึงถูกส่งไปที่เผิงไล๋!”
  “เผิงไล๋งั้นรึ”
  หลิงหยุนยังจำได้ว่า..ป้ายหยกมังกรเขียวนี้ก็ถูกค้นพบที่เผิงไหล๋เช่นกัน!
  กว่าสี่สิบปีมาแล้วที่ยอดฝีมือตระกูลหลิงไปคุนหลุนตระกูลฉินไปสุสานจักรพรรดิ ส่วนตระกูลหลงก็ไปเผิงไล๋..
  ฉินฉางชิงเล่าต่อว่า“ระหว่างที่ทำการเสาะหาสิ่งที่เกี่ยวข้องกับมังกรนั้น ตระกูลหลงก็ได้สูญเสียยอดฝีมือไปอย่างมากมายเช่นกัน!”
  ฉินฉางชิงพยักหน้า“ระหว่างที่ตระกูลหลงค้นหาสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับมังกรนั้น เขาก็ได้สร้างความเสียหายให้กับบุคคลอื่นไม่น้อยเลยทีเดียว..”
  จากนั้นฉินฉางชิงก็เงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุนพร้อมกับขอร้องว่า“หลิงหยุน.. เจ้าอย่าได้ถามอะไรข้าอีกเลย นี่เป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ของประเทศนี้ ต่อให้เจ้าถามท่านปู่ของเจ้า ข้าว่าเขาก็คงไม่ตอบเช่นกัน! แม้เจ้าจะเป็นผู้บ่มเพาะตนก็จริง แต่ก็ยังไม่แข็งแกร่งพอ..”
  เมื่อเห็นว่าชายชราไม่ต้องการพูดอะไรมากไปกว่านี้หลิงหยุนก็ได้แต่ยิ้ม และพูดขึ้นว่า “ถ้าท่านปู่ไม่สะดวกที่จะเล่า ข้าก็จะไม่ถาม..”
  หลิงหยุนได้แต่แอบคิดในใจ‘คิดว่าข้าจะไม่สามารถสืบรู้ได้ด้วยตัวเองงั้นรึ รอให้ข้าสะสางปัญหาทุกอย่างให้จบก่อน แล้วข้าจะไปสถานที่ทั้งสามนั้น!’
  จากนั้นหลิงหยุนก็เรียกโสมพันปีสมุนไพรเหอโชวู น้ำลายมังกรที่บรรจุใส่ขวด โอสถหลงหู่ และสมบัติล้ำค่าอีกมากมายออกมา..
  “ท่านปู่ฉิน..ท่านแม่เมตตาเลี้ยงดูข้ามานานถึงสิบแปดปี ขาจึงขอมอบสิ่งเหล่านี้ตอบแทนบุญคุณของท่านแม่ ขอท่านปู่ได้โปรดรับไว้ด้วย..”
  สีหน้าของฉินฉางชิงเต็มไปด้วยความตกใจและตะลึง หลิงหยุนจึงพูดต่อว่า “มิน่า.. เจ้าจึงฝึกฝนได้ก้าวหน้ารวดเร็วยิ่งนัก นี่เจ้า..”
  ฉินฉางชิงนิ่งอึ้งไปนาน..ในที่สุดก็ร้องออกมาอย่างตื่นเต้นดีใจ “สมบัติล้ำค่ามากมายเช่นนี้ ในเมื่อเจ้ามอบให้.. ข้าก็จะขอรับไว้..”
  นี่นับเป็นสมบัติล้ำค่าต่อการฝึกฝนยิ่งนักและมีประโยชน์ต่อการสร้างความแข็งแกร่งให้กับตระกูลฉินอีกครั้ง มีหรือที่ฉินฉางชิงจะปฏิเสธ..
  จากนั้นเขาก็ถามขึ้นว่า“สิ่งที่อยู่ในขวดนี้คือน้ำลายมังกรสินะ! หลิงหยุน.. นี่คือสิ่งที่ตระกูลหลงต้องการยิ่งนัก หากเจ้าไปปักกิ่งครั้งนี้ต้องระวังตระกูลหลงไว้ให้ดี ”
  หลิงหยุนตอบยิ้มๆ“ขอบคุณท่านปู่ฉินที่เตือนข้า.. ข้าจะระมัดระวังตัวให้มาก!”
  “ท่านปู่จะกลับตระกูลฉินเมื่อใด”
  ฉินฉางชิงยิ้มและตอบไปว่า“ข้าจัดการเรื่องทุกอย่างที่ต้องทำในจิงฉูเสร็จสิ้นแล้ว คาดว่าบ่ายนี้จะพาหลิงยู่กลับตระกูลฉินเลย..”
  “หลิงยู่ไปข้างนอกเช่นนี้ก็ดี..ข้าเองก็ไม่อยากให้นางได้รู้เรื่องที่เราคุยกัน อีกอย่างนางจะได้เตรียมตัวก่อนจะไปกับข้าด้วย..”
  “แต่ข้าเดาว่านางคงต้องไปตามหาน้าหญิง..”
  หลิงหยุนเข้าใจและรู้จักหนิงหลิงยู่ดี“ถ้าเช่นนั้นข้าจะรอหลิงยู่กลับมา และไปส่งพวกท่านสองคนที่สนามบิน”
  หนิงหลิงยู่กลับถึงบ้านเลขที่-9ในตอนเที่ยง หลังจากรับประทานอาหารกันเรียบร้อยแล้ว ทั้งสามคนก็นั่งรถไปที่สนามบินจิงฉู
  “หลิงยู่เจ้าไปอยู่ตระกูลฉินก็อย่าลืมหมั่นฝึกฝนล่ะ หากระหว่างฝึกฝนมีปัญหาอะไร ก็ขอคำแนะนำท่านปู่ฉินได้!”
  “จำไว้ว่าจะอยู่ขั้นใดไม่สำคัญขอเพียงแค่เจ้าหมั่นฝึกฝนทุกวันเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว!”
  ……..
  แม้ว่านี่จะเป็นการเดินทางไปกับตาแท้ๆของตนเองแต่ก็เป็นการไปจากเมืองจิงฉูครั้งแรกของหนิงหลิงยู่ เธอจึงได้แต่ร้องห่มร้องไห้
  “พี่ใหญ่..พี่ไปปักกิ่งต้องระวังตัวให้มากนะ! แล้วก็ต้องติดต่อฉันมาอย่างสม่ำเสมอด้วย..”
  หลิงหยุนยกมือขึ้นลูบไล้ศรีษะของหนิงหลิงยู่พร้อมกับตอบไปว่า“ไม่ต้องกังวลใจไปน้องสาวของพี่!”