บทที่****196: สายฟ้าที่น่าเกรงขาม

แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะเพิ่งผ่านพ้นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่มาเมื่อคืน แต่เจ้าอ้วนกลับทนไม่ไหวที่จะต้องอยู่ในบรรยากาศพาตื่นตัวเช่นนี้ เขาจึงเริ่มทำการต่อสู้อีกครั้งยาวนานกว่าสองชั่วโมง ทั้งสามคนหยุดกิจกรรมทั้งหมดลงในเวลาใกล้รุ่งสาง

แม้จะมีการต่อสู้ที่ดุเดือดในช่วงกลางคืน แต่เจ้าอ้วนยังเต็มไปด้วยพลัง เขาไม่มีอาการเหนื่อยล้าใดทั้งสิ้น แต่หานหลิงเฟิงยังคงกังวลอยากให้เขาพักผ่อนก่อนสักหนึ่งวัน เลื่อนการต่อสู้ออกไปในวันพรุ่งนี้แทน อย่างไรก็ตามเจ้าอ้วนปฏิเสธความคิดนี้โดยไม่กล่าวอะไรต่อและไม่แยแสต่อคำพูดของนางอย่างสิ้นเชิง

หลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้ว เจ้าอ้วนรับประทานอาหารเช้าและไปยังลานฝึกฝนกับหานหลิงเฟิงและมู่ซื่อหรง

เมื่อทั้งสามคนมาถึง สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย แน่นอนว่าฝ่ายหนึ่งเป็นคนของนักบวชฮัวอวิ๋นและอีกฝ่ายหนึ่งเป็นของคุณชายใหญ่และคุณชายรอง

เมื่อมองเห็นว่าเจ้าอ้วนมาแล้ว ใบหน้าของทุกคนซีดขาวและตกใจกับภาพตรงหน้าอย่างมาก

ในอดีตเจ้าอ้วนเป็นเพียงหมาป่าเดียวดาย แต่ในวันนี้เขามีหญิงสาวที่งดงามอยู่ข้างกายถึงสองคน สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือมู่ซื่อหรงผู้เย่อหยิ่งยืนอยู่ด้านหลังอย่างเชื่อฟัง ด้วยท่าทางที่สงบเสงี่ยม นางดูราวกับเป็นลูกแกะที่อยู่ในเงื้อมมือของหมาป่า

แม้ว่าเรื่องที่หานหลิงเฟิงติดตามเจ้าอ้วนจะเป็นเรื่องที่น่าตกใจ แต่ก็ไม่ได้น่าประหลาดใจมากนัก แต่มู่ซื่อหรงนั้นแตกต่างออกไป นางเป็นหญิงสาวที่ดุร้ายราวกับพยัคฆ์อีกทั้งยังคอยสาปแช่งเจ้าอ้วนอยู่เสมอ เหตุใดนางจึงสงบลงอย่างง่ายดายเช่นนี้? มันเกิดอะไรขึ้น?

ทุกคนที่มองเห็นภาพเหล่านี้ ต่างซุบซิบกันอย่างไม่อาจอดกลั้น มีเพียงนักบวชฮัวอวิ๋นเท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และคิดว่าในที่สุดมู่ซื่อหรงก็เข้าใจว่าจะต้องทำตัวอย่างไร ไม่แปลกที่นางจะเชื่อฟังเจ้าอ้วน เขาอดไม่ได้ที่จะลูบเคราอย่างมีความสุข

เมื่อทั้งสามคนแสดงความเคารพ นักบวชฮัวอวิ๋นที่สนับสนุนเจ้าอ้วนพูดจาออกมาอย่างอารมณ์ดี “ฮ่าฮ่า ยอดเยี่ยมมากเด็กน้อย เจ้าสามารถเกลี้ยกล่อมหลานสาวของข้าที่ดุร้ายราวกับพยัคฆ์ให้สงบลงได้ ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”

“เหอะ เหอะ” นอกจากเสียงหัวเราะอันขื่นขมแล้วเจ้าอ้วนจะสามารถกล่าววาจาอะไรออกไปได้อีก?

ในขณะนั้น ฉุ่ยจิ้งเดินออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ศิษย์พี่ ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่านจะเป็นบุรุษมากรักเช่นนี้ ท่านช่างมีโชคในเรื่องของสตรีจริง ๆ!”

แม้ว่านางจะเผยรอยยิ้มที่สดใสมากเพียงใด เจ้าอ้วนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความเย็นชาที่ส่งมาถึงหัวใจของเขา ในขณะนั้นเขารีบคิดอธิบายทันที “ไม่ใช่เช่นนั้น ศิษย์น้องเข้าใจข้าผิด ที่จริงแล้วข้า…”

“มันไม่สำคัญว่าท่านจะเป็นคนเช่นไร!” ฉุ่ยจิ้งไม่เปิดโอกาสให้เขาอธิบายสิ่งใดพร้อมกับเดินออกไปทันที

“รอก่อน!” ไม่ว่าเขาจะโง่แค่ไหน แต่เขารับรู้ได้ทันทีว่าฉุ่ยจิ้งกำลังโกรธหรืออาจจะกำลังหึงหวง แต่เขาไม่ต้องการให้นางเข้าใจผิดเช่นนี้ เขาพุ่งไปด้านหน้าเพื่อจะอธิบายให้นางฟังถึงสถานการณ์ที่กำลังเป็นไป

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ มู่ซื่อหรงพุ่งเข้ามาด้านข้างพร้อมจับแขนเจ้าอ้วนไว้พร้อมกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่เศร้าโศก “พี่ชายอ้วนอย่าทิ้งข้าไปได้หรือไม่?”

ในขณะนั้นมู่ซื่อหรงแสดงสายตาที่เสียใจราวกับสามีของนางจะทิ้งนางไปจริง ๆ ในขณะนั้นสายตาทุกคนที่จับจ้องมายังเจ้าอ้วนได้แสดงใบหน้าของความโกรธราวกับสิ่งที่เขากำลังจะทำมันเป็นความผิดใหญ่หลวง

โดยเฉพาะนักบวชฮวิ๋นที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่หยั่งลึกในอารมณ์ “เจ้าอ้วนอย่าได้คิดรังแกหลานสาวของข้า!”

แม้ว่าเจ้าอ้วนจะมีสามารถจัดการกับมู่ซื่อหรงได้ แต่เขาก็ยังเกรงกลัวต่อความเกรี้ยวกราดของนักบวชฮัวอวิ๋นอยู่ดี แล้วใครกันที่ขอร้องให้เขาปราบปรามนางจนอยู่หมัดในช่วงคืนวานที่ผ่านมา? เช้าวันนี้มู่ซื่อหรงแทบจะไม่สามารถลงจากเตียงได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มันไม่ดีนักที่จะกดดันเจ้าอ้วนด้วยการกระทำนี้ เจ้าอ้วนรู้สึกหมดสิ้นหนทางเขาจึงได้แต่หัวเราะออกมาอย่างขื่นขม “ข้าข่มเหงอันใดนางงั้นหรือ? เห็นกันอยู่ชัดเจนว่านางต่างหากที่ข่มเหงข้า!”

“เหอะ เจ้ายังคงทำตัวประหนึ่งเทวดาทั้งที่รับผลประโยชน์ทุกอย่างไว้แต่เพียงผู้เดียวงั้นหรือ?” นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวออกมาอย่างโกรธจัด

แม้ว่าเขาจะรู้สึกคับข้องใจ เจ้าอ้วนไม่ได้อธิบายสิ่งใดต่อ ทำได้เพียงแต่พ่นลมหายใจออกมาเท่านั้น

มู่ซื่อหรงเริ่มกล่าวขอร้องแทนเจ้าอ้วนทันที “ท่านปู่ไม่ต้องกล่าวสิ่งใดแล้ว ทั้งหมดเป็นความผิดข้าเอง! มันเป็นเพราะข้าไม่เชื่อฟังและคิดแค้นในอดีต แต่จงมั่นใจได้ว่าข้าจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน ข้าสัญญา!”

“ดู จงดู! ดูเสียว่าหลานสาวของข้าเป็นเช่นไร!” นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวออกมาอย่างร่าเริง “ข้าจะบอกอะไรเจ้าอย่างหนึ่ง การอบรมเลี้ยงดูของตระกูลฮัวนั้นทำได้อย่างดีเยี่ยมเสมอมา!”

“ขอรับ!” เจ้าอ้วนตอบกลับพร้อมกับความขื่นขมภายในจิตใจ ‘ดีกับผีน่ะสิ ข้าสงสัยว่าจะมีใครเหมาะสมที่จะอยู่ในตำแหน่งแม่มดที่ชั่วร้ายมากกว่ามู่ซื่อหรง? ถ้าหากไม่ใช่เจ้าที่ตามใจนางเช่นนี้ นางคงไม่ทำตัวแบบนั้น! แล้วในตอนนี้นางกำลังทำตัวน่ารำคาญเสียด้วย!’

แน่นอนว่าเจ้าอ้วนได้แค่คิดในใจไม่กล้าแม้แต่จะกล่าวสิ่งใดออกไป เมื่อเห็นเจ้าอ้วนเลิกต่อปากต่อคำ นักบวชฮัวอวิ๋นพยักหน้าอย่างพอใจพร้อมกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ เรื่องภายในครอบครัวเราค่อยคุยกันในวันหลัง คุณชายใหญ่และคุณชายรองพร้อมแล้วที่นี่ การต่อสู้นี้ควรจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการเสียที เจ้าจงจำไว้ว่าข้าต้องการให้พี่ใหญ่จินตาย!” นักบวชฮัวอวิ๋นกระซิบกับเจ้าอ้วนผ่านสัมผัสวิญญาณด้วยใบหน้าที่เหี้ยมโหด

แท้จริงแล้วเรื่องนี้ไม่ประหลาดเลยที่เขาจะเกลียดพี่ใหญ่จินเข้าไส้ ก่อนที่เจ้าอ้วนจะปรากฏตัวออกมา เหล่าสี่พี่น้องสร้างปัญหามากมายให้กับคนของฝ่ายนักบวชฮัวอวิ๋น ศิษย์นับสิบคนที่มีความสามารถต่างได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการกระทำของพวกเขา และการฝึกฝนของพวกเขาจะล่าช้าไปเพราะการถูกทำร้ายในครั้งนี้ แม้ว่าจะเป็นการต่อสู้อย่างยุติธรรม แต่สถานการณ์ดังกล่าวก็ไม่อาจถูกยับยั้งได้ ไม่เพียงแต่นักบวชฮัวอวิ๋นที่กังวลใจเพราะนั่นหมายถึงชื่อเสียงของเขาถูกทำลายไปด้วย แต่ด้วยสถานะของเขาเป็นถึงอาวุโสจึงทำได้เพียงยืนมองและไม่สามารถเข้าไปข้องเกี่ยวได้ ในตอนนี้เขามีไพ่ตายนั่นก็คือเจ้าอ้วน แน่นอนว่าเขาจะใช้ประโยชน์จากมันอย่างเต็มที่

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าอ้วนพยักหน้าพร้อมกับเดินเข้าสู่กลางลานฝึก

สนามนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างพิเศษเพื่อให้เหมาะกับการต่อสู้ ที่จริงแล้วมันไม่จำเป็นมากนักเพราะสุดท้ายผู้ฝึกตนมักจะขึ้นไปต่อสู้กันบนท้องฟ้าเสียมากกว่า ดังนั้นสนามแห่งนี้จึงกว้างใหญ่เพียงพันฟุตเท่านั้น

ในขณะนี้พี่ใหญ่จินได้ยืนรอเจ้าอ้วนอยู่กลางสนามฝึกแล้ว

เจ้าอ้วนไม่คิดจะกล่าวอะไรที่ไม่จำเป็นและหยุดอยู่ในอากาศห่างจากพี่ใหญ่จินเพียงไม่กี่ฟุต เขามองลงมาที่พี่ใหญ่จินพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง “ฮ่าฮ่า ข้ารอคอยวันที่จะได้เก็บกวาดพี่ใหญ่จินมานานแสนนาน!”

“ข้าก็เฝ้ารอให้ใครบางคนตายตกไปมาอย่างยาวนานแล้วเช่นกัน!” จินกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างเย็นชา

“ฮ่าฮ่า นับว่ามีความกล้าหาญ!” เจ้าอ้วนหัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ข้าหวังว่าท่านจะมีความสามารถที่จะลุกมาโอ้อวดได้ในภายหลัง!”

ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาหันไปมองคุณชายใหญ่และคุณชายรองพร้อมถามว่า “การต่อสู้นี้เริ่มได้หรือยัง?”

“แน่นอน!” คุณชายรองตอบกลับอย่างสงบ “ข้าขอประกาศเริ่มการต่อสู้ได้!”

หลังจากที่คุณชายรองกล่าวจบ จินคำรามออกมาและเริ่มทุบตีร่างกายของตนเองเพื่อเปลี่ยนแปลงมันให้กลายเป็นทองคำ “จ้าวสวรรค์นิรันดร์! จงออกมา!”

ในขณะที่ทุกคนได้เห็นภาพนั้น ทั้งหมดแปลกใจทันทีเพราะไม่มีใครรู้ถึงต้นกำเนิดของมัน มีเพียงนักบวชฮัวอวิ๋นเท่านั้นที่ตะโกนออกมาเมื่อเขาเห็นมัน “หุ่นศักดิ์สิทธิ์? คุณชายใหญ่เจ้าคิดจะใช้สิ่งนี้ในการต่อสู้ที่ยุติธรรมงั้นหรือ?”

เมื่อทุกคนโดยรอบได้ยิน แน่นอนว่าทั้งหมดอยู่ในอาการตกใจทันที หุ่นศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้ได้ครั้งเดียวและมันมีมูลค่ามหาศาล หลังจากที่ใช้มันจะเพิ่มพลังให้ผู้ที่ใช้มันอย่างมาก ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานแตกต่างไปจากเดิมอย่างมากไม่ว่าจะเป็นด้านกายภาพหรือปราณจิตวิญญาณ

หุ่นศักดิ์สิทธิ์ที่พี่ใหญ่จินใช้งานในขณะนี้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตนเพาะกายใฝ่ฝันถึง มันอาจได้รับการปรับแต่งขึ้นมาโดยคุณชายใหญ่ ดังนั้นความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นสองถึงสามเท่า กล่าวได้ว่าเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับจินตันเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้เขายังได้รับการฝึกฝนทักษะการต่อสู้มาจากคุณชายใหญ่ แน่นอนว่าการต่อสู้ของเขาจะคล้ายคลึงกับคุณชายใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งที่สมบูรณ์แบบ ในตอนนี้พี่ใหญ่จินสามารถต่อสู้กับผู้ฝึกตนระดับจินตันได้อย่างไม่เคอะเขิน

แต่ภายใต้สถานการณ์ปกติ การฝึกซ้อมภายในสำนักเรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้ที่ยุติธรรม การใช้สิ่งของเช่นนี้ทำให้ดูเกินเหตุไป ดังนั้นนักบวชฮัวอวิ๋นจึงกล่าวทักท้วงอย่างไม่อาจอดกลั้น

แต่คุณชายใหญ่ตอบกลับมาอย่างสงบนิ่ง “หืม ทำไมเขาจะใช้มันไม่ได้? มันก็แค่สมบัติไม่ใช่หรือ? คนของเจ้าก็สามารถใช้สมบัติได้เช่นกัน แล้วทำไมเราจะทำไม่ได้?”

“มันเหมือนกันงั้นหรือ?” นักบวชฮัวอวิ๋นตะโกนออกมาอย่างหมดความอดทน “เจ้ากำลังโกง เจ้าคนไร้ยางอาย!”

“หืม ข้าไม่คิดเช่นนั้น!” คุณชายใหญ่ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่ ท่านกำลังคิดมากเกินไป! ดูเสีย ซ่งจงยังไม่คัดค้านสิ่งใดเลย!”

จริงอย่างที่เขาว่า เมื่อนักบวชฮัวอวิ๋นมองออกไป เขาพบว่าเจ้าอ้วนไม่ได้สนใจมันเลยสักนิด ใบหน้าของเขาสงบนิ่งและกำลังรอให้พี่ใหญ่จินใช้งานหุ่นศักดิ์สิทธิ์อย่างเต็มที่

สำหรับนักบวชฮัวอวิ๋นที่เห็นเช่นนั้น เขาได้แต่พึมพำกับตนเองอย่างช่วยไม่ได้ “อาจจะเป็นไปได้ว่าเจ้าเด็กนั่นอาจจะกลัวจนไร้สติไปแล้วก็ได้ ในกรณีนี้มันมากเกินไปที่พวกเจ้าทั้งหมดจะทำเช่นนี้ ด้วยอำนาจทั้งหมดของข้า ข้าขอประกาศให้การต่อสู้ทั้งหมดจบลงเพียงเท่านี้!”

“อา ถ้าหากซ่งจงยอมรับที่จะไม่ต่อสู้กับพี่ใหญ่จินและยินยอมรับความพ่ายแพ้ เราจะหยุดการต่อสู้นี้ทันที!” คุณชายใหญ่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

นักบวชฮัวอวิ๋นไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่และสุดท้ายเขาได้รับคำตอบว่าไม่ควรจะเสียซ่งจงไปเพียงเพราะเหตุผลเล็กน้อยเช่นนี้ เนื่องจากเขาได้สูญเสียศิษย์มือดีไปจนหมดสิ้นแล้ว และในตอนนี้เขาก็ได้รับกำไร จึงไม่จำเป็นที่จะต้องต่อสู้อีก ดังนั้นเขาจึงตะโกนออกไป “ซ่งจง!!!”

ในขณะที่เขาตะโกนเช่นนั้นออกไป เขาส่ายหัวทันทีพร้อมคิดในใจ ‘ทำไมเป็นชื่อที่น่าเกลียดเช่นนี้’ จากนั้นเขาดำเนินการต่อ “อ้วนน้อย พวกเขาไร้ยางอาย หยุดเล่นกับพวกเขาเถิด เพียงแค่เจ้ายอมรับความพ่ายแพ้ ข้าจะไม่ถือโทษเจ้าแต่อย่างใด!”

แท้จริงแล้วเจ้าอ้วนได้เตรียมพร้อมที่จะโจมตีแล้ว แต่เขายังรั้งตนเองไว้ ดังนั้นเขาจึงได้ยินบทสทนาของคุณชายใหญ่และนักบวชฮัวอวิ๋น เมื่อเห็นว่านักบวชฮัวอวิ๋นยอมที่จะใช้ใบหน้าของตนเองเพื่อปกป้องเขาไว้อย่างไร ภายในใจของเจ้าอ้วนเต็มไปด้วยความประทับใจ และเชื่อเต็มหัวใจว่าอาวุโสผู้นี้พร้อมจะยืนเคียงข้างเขาอย่างจริงจัง เขาไม่ได้กล่าวอะไรให้มากความเพียงแต่หัวเราะและพูดสั้น ๆ “ท่านอาจารย์ลุง แม้ว่าซ่งจงผู้นี้จะไม่มีพรสวรรค์ แต่ข้าไม่ใช่คนที่มีนิสัยขี้ขลาด! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเข้าร่วมการต่อสู้นี้!”

“เจ้าอย่าเพิ่งใจร้อน!” เมื่อนักบวชฮัวอวิ๋นได้ยินเช่นนั้น เขารีบกล่าวทันที “หุ่นศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะไปแลกเปลี่ยนด้วย แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับจินตันยังไม่สามารถเอาชนะได้!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เจ้าอ้วนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ผู้ฝึกตนระดับจินตันไม่เพียงพอให้ข้ารู้สึกเกรงกลัว!”

เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น ทั้งหมดตกใจทันที ในตอนนี้พวกเขาคิดว่าเจ้าอ้วนกำลังโอ้อวดอยู่เท่านั้น แม้แต่นักบวชฮัวอวิ๋นยังไม่เชื่อว่าเขาจะมีความสามารถที่จะต่อสู้กับผู้ฝึกตนระดับจินตันได้

แต่ในตอนนี้เจ้าอ้วนไม่สนใจกับสิ่งรอบข้างอีกต่อไป เขาเพียงแต่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คนผู้โง่เขลา เจ้าพร้อมที่จะรับความตายหรือยัง?”

เมื่อพี่ใหญ่จินได้ยินเช่นนั้น เขาโกรธจัดพร้อมคำรามออกมาทันที “ไขมันบัดซบ เข้ามาเลยถ้าหากเจ้ายังคงเป็นบุรุษ! ดูกันว่าเจ้าจะสามารถทำให้บิดาผู้นี้ร่ำไห้ได้หรือไม่!”

“ฮ่าฮ่า ยอดเยี่ยม!” เจ้าอ้วนตอบกลับอย่างร่าเริง “ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ก็ขอให้เจ้ามีความสุขกับสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของข้า!”

เมื่อเขากล่าวจบ เจ้าอ้วนยกมือขึ้นทันที สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าสีสันแตกต่างกันออกไปปรากฏขึ้นบนมือขวาของเขา ส่วนมือซ้ายนั้นเป็นสีเข้มกว่า ซึ่งแทบจะมองไม่เห็นเมื่ออยู่ในเวลากลางวัน แต่ส่วนที่อยู่ในมือขวานั้นผู้คนสามารถมองเห็นได้ชัดเพราะมันส่องสะท้อนกับแสงอาทิตย์

ช่วงเวลาที่สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้น มันหมุนไปรอบมือของเขาพร้อมกับค่อย ๆ หลอมรวมเข้าด้วยกัน เกิดเป็นบอลสายฟ้าสองลูกที่มีส่วนผสมของธาตุทั้งห้ารวมกัน จากนั้นเจ้าอ้วนกดทั้งสองฝ่ามือเข้าหากัน เขาผสมบอลทั้งสองให้รวมเป็นหนึ่งเดียว สร้างลูกบอลสายฟ้าขนาดใหญ่และมีสีสันที่หลากหลายอยู่ภายใน

ขณะที่ลูกบอลสายฟ้าถูกสร้างขึ้น เจ้าอ้วนคำรามออกมาพร้อมกับขว้างมันไปที่พี่ใหญ่จิน ลักษณะที่มันพุ่งไปราวกับดาวตก

ในเวลานั้นเจ้าอ้วนไม่ลืมที่จะตะโกนออกไป “อย่าลืมดูแลสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์หยินหยางแห่งธาตุทั้งห้าของข้าด้วย!”

เมื่อเห็นสายฟ้านับสิบกำลังพุ่งไปที่พี่ใหญ่จิน นักบวชฮัวอวิ๋น คุณชายใหญ่ และคุณชายรองไม่สามารถเก็บความประหลาดใจนี้เอาไว้ได้

นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่ตกใจสุดขีด “สวรรค์ นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?”

“บัดซบ!” คุณชายใหญ่และคุณชายรองไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาได้อีก พวกเขาได้แต่สาปแช่งในใจพร้อมพุ่งทะยานไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว

ซึ่งต่อจากนี้ทุกคนที่อยู่โดยรอบมองเห็นว่าสายฟ้าพุ่งเข้าชนร่างกายของพี่ใหญ่จิน มันสร้างการระเบิดขนาดใหญ่ พื้นดินทั้งหมดสั่นไหวราวกับโลกใบนี้จะพังทลายลง พืชทั้งหมดล้มตายทันทีในรัศมีพันฟุต ผู้ฝึกตนที่อยู่โดยรอบไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือเขาได้ ทั้งหมดทำได้เพียงใช้แสงศักดิ์สิทธิ์เพื่อปกป้องตนเอง

เมื่อการระเบิดจบลง ทุกคนมองไปที่ศูนย์กลางของสนามฝึกฝนพร้อมกับค่อยสูดลมหายใจเข้าอย่างช้า ๆ สนามทั้งหมดได้หายไปแล้ว สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือปล่องขนาดใหญ่ลึกราวร้อยฟุต มีควันพวยพุ่งออกมาราวกับมีอุปกรณ์พ่นควันอยู่ภายในนั้น เมื่อเห็นฉากตรงหน้าทุกคนต่างอดไม่ได้ที่จะคิดกับตนเองว่า ‘นี่เจ้าอ้วนมันเป็นผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิหรือจินตันกันแน่? มันไม่ร้ายกาจเกินไปหน่อยหรือไร?’