TQF:บทที่ 659 ความแค้นที่ไม่มีวันจบสิ้น (1)
“อิอิ นั่นมันก็จริง พรุ่งนี้เจ้าคนตัวโตจะมา ข้าจะดูซิว่าคนของสำนักมารจะเห็นราชวงศ์อยู่ในสายตารึเปล่า” หยูเฮงน้อยยิ้มอย่างมีเลศนัย
แม้ว่าเหล่าสำนักไม่ต้องกลัวอำนาจของราชวงศ์ แต่อำนาจของราชวงศ์ก็คืออำนาจของราชวงศ์ มันก็ยังเป็นอิทธิพลหนึ่ง โดยเฉพาะความน่ายำเกรงและความมีที่พึ่งในหมู่ประชากร อิทธิพลทั่วๆไปจะไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูของราชวงศ์
แค่สำหรับผู้ฝึกฝนวิทยายุทธระดับสูงแล้วไม่เห็นอำนาจของราชวงศ์อยู่ในสายตาเลยสักนิด อย่างไรซะในที่ถือคนแกร่งเป็นใหญ่ ขอแค่เป็นคนแข็งแกร่งก็ย่อมได้รับความเคารพนับถือจากผู้อื่น
“ก็ไม่แน่หรอก”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้ม ในใจเริ่มคาดหวังกับวันพรุ่งนี้
“อิอิ คุณหนู ข้าว่านะ ฟางซูเสวี่ยต้องเป็นตัวช่วยที่บ้านสามเรียกกลับมาแน่ ข้าว่านางไม่หาโอกาสสร้างเรื่องสิแปลก”
“ก็ปล่อยนางไปสิ”
“คุณหนู ข้านึกวิธีออกแล้ว”
ทันใดนั้นแววตาของหยูเฮงน้อยก็เปล่งประกาย นางปรบมืออย่างชอบใจ “คุณหนู พวกเราให้หญิงสาวเผ่าจิ้งจอกสักคนไปยั่วยวนเจ้าสำนักมารให้หลงไปเลย แล้วให้เจ้าสำนักมารทิ้งฟางซูเสวี่ยซะ ปล่อยให้พวกเขาสามีภรรยาฆ่ากันเองไป อย่างไรซะถ้าทำแบบนี้ละก็ไม่มีใครคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับพวกเราแน่ๆ”
“…..”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวอ้าปากค้างมองเจ้าตัวเล็กที่น่ารักน่าเอ็นดูตรงหน้าและพูดไม่ออกเป็นเวลานาน
หยูเฮงน้อยกระพริบตาและถามอย่างไม่เข้าใจเมื่อเห็นเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเงียบไปนาน “คุณหนู ทำไมไม่พูดล่ะ หรือว่าข้าพูดผิด หรือว่าวิธีนี้ไม่ดี”
“เปล่า ไม่ใช่ไม่ดี แต่มันเยี่ยมยอดไปเลยต่างหาก เจ้านี่สมเป็นางมารน้อยจริงๆ วิธีนี้โหดจริงๆ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้าอย่างไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ใช่แล้ว เพื่อกำจัดศัตรูแล้ว ย่อมใช้วิธีแบบนี้ได้”
“อิอิ คุณหนูอนุญาตแล้ว งั้นเรามาเล่นสนุกกันเถอะ” หยูเฮงน้อยดีใจมาก รอยยิ้มกว้างมากขึ้นอย่างมีความสุข
“เอาล่ะ แก้ปัญหาเรื่องในตอนนี้ก่อน”
“ได้ ไม่มีปัญหา คุณหนู ท่านไปผสมน้ำยาให้พวกคุณชาย ข้าจะไปคัดเลือกหญิงสาวเผ่าจิ้งจอก”
“อื้ม ไปเถอะ”
1 คน 1 ภูติแยกย้ายกันทำหน้าที่
พวกนางกำลังยุ่งอยู่ในมิติ ส่วนในชิงยางด้านนอกนั่นก็มีพายุกำลังก่อตัวขึ้น เรื่องที่เกิดขึ้นในตำหนักองค์ชาย 3 วันนี้เป็นที่รู้ไปทั่วทั้งเมือง
ชื่อของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวคุณหนูผู้เป็นญาติจากตระกูลฟางก็กระจายไปทั่วชิงยางด้วยความเร็วปานสายฟ้า
ข่าวซุบซิบหลายเรื่องออกมาและบุคคลที่ไร้สาระของเสี่ยวหยูเฮงคำพูดที่คลุมเครือและเสียดสีของเฉิงเสี่ยวเซียวกลายเป็นหัวข้อที่ร้อนแรงที่สุดทุกคนใช้มันเพื่อสร้างความสนุกสนานและหัวเราะเยาะคนข้างๆเขา
แน่นอนว่าข่าวที่เป็นที่สนใจที่สุดคือเรื่องที่หยูเฮงน้อยอัดคน และคำพูดต่างๆที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวได้พูดถากถางคุณชายจางไว้ ทุกคนต่างนำคำพูดมาหยอกล้อกับคนใกล้ตัวด้วยความตลกขบขัน
ที่โด่งดังที่สุดก็คงจะเป็นทำนองเพลงสายน้ำของเฉิงเสี่ยวเสี่ยว ไม่เพียงแต่เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาหนุ่มสาว แม้แต่เหล่านักปราชญ์อาวุโสเมื่อตั้งใจซึมซับความหมายของทำนองเพลงสายน้ำบทนี้ต่างก็ปรบมือร้องเยี่ยมด้วยกันทั้งนั้น
คุณชายกงซุนและคุณชายจางคิดว่านางเป็นหญิงสาวที่ไม่มีความรู้ความสามารถ คิดไม่ถึงเลยว่าทำนองเพลงสายน้ำที่นางเขียนโดยไม่ตั้งใจก็ทำให้พวกเขาหน้าแตกเสียงดัง ได้ข่าวจากตระกูลใหญ่ทั้ง 2 ว่าคุณชายทั้ง 2 ที่ทำให้ตระกูลต้องอับอายถูกตำหนิอย่างหนักจากผู้ใหญ่ในตระกูล
ไม่ว่าจะเป็นใครต่างก็รู้จักผู้หญิงที่ชื่อว่าเฉิงเสี่ยวเสี่ยวกันหมด ลือกันว่านางมีความงามที่คนทั้งเมืองต้องสยบ วิทยายุทธระดับก้าวสู่เทพเทวา และยังเป็นเจ้าแห่งการฝึกสัตว์ ความรู้ความสามารถก็เป็นที่โดดเด่น ทำให้เหล่าคุณชายสูงส่งยิ่งอยากจะยลโฉมของแม่นางเฉิงคนนี้มากขึ้น
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยสร้างวีรกรรมไว้ไม่น้อยที่ชิงยาง แต่ฐานหลักวิหารสวรรค์กลับเงียบสงบ
ในเขตต้องห้ามสักที่ ภูเขาตั้งตระหง่าน หมอกควันคละคลุ้งไปทั่ว นกกำลังร้อง พืชพรรณนานาชนิดแย่งกันขึ้น ดอกไม้ส่งกลิ่นหอมออกมาเรื่อยๆ ที่นี่เป็นพื้นที่ที่มีพลังวิญญาณอยู่มากมาย แล้วยังสามารถมองเห็นสัตว์พันธุ์หายากชนิดต่างๆ เป็นความงามที่เกินกว่าโลกใบนี้จะมีได้
มีร่างสง่างามร่างหนึ่งกำลังเดินอยู่ท่ามกลางเขตแดนนี้ พลังวิญญาณในหุบเขานั้นมากมายไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ว่าทิวทัศน์ที่นี่จะเป็นอย่างไรก็ไม่ได้ทำให้ร่างสง่างามนั้นหยุดฝีก้าวลงแม้แต่น้อย
เขายังคงเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งภาพตรงหน้าเขาปรากฏให้เห็นภูเขาอันสูงใหญ่ เมฆลอยคละคลุ้งกับแสงหลากสีเผยให้เห็นวิหารลางๆ ท่าทางโอ่อ่ายิ่งใหญ่และเก่าแก่เป็นอย่างมาก ประตูปิดสนิทราวกับต้องการปฏิเสธการเยี่ยมชมทั้งหมด
หน้าตาหล่อเหลาราวกับเป็นเทวดาแห่งสรวงสวรรค์ คนคุ้นเคยคนนี้ก็คือโม่ซวนซุนนี่เอง ตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจจะบรรลุวิทยายุทธก็มาที่เขตแดนต้องห้ามนี้เป็นอันดับแรก เขาต้องหาโอกาสวาสนาในตำหนักถ้ำของเจ้าโถงวิหารสวรรค์รุ่นแรก เขาต้องบรรลุในเวลาที่สั้นที่สุด เพื่อจะไปตามหาคนที่เขาคิดคะนึงถึงอยู่ตลอดเวลา
สถานที่โบราณตรงหน้านี้อยู่มาตั้งแต่โบราณกาล เต็มไปด้วยกลิ่นไอแห่งวันเวลา มีอักขระพ่นออกมาด้านนอกบางๆ
ไม่มีใครสามารถเข้ามาที่นี่ได้เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากตาแก่ซอมซ่อแห่งโถงวิหารสวรรค์
ขณะที่ก้าวไปข้างหน้าเขาก็ลำเลียงคาถาใจจักรพรรดิ์เลี่ยตะวันไปด้วย มีพลังลึกลับแผ่ซ่านออกมากจากตัวเขาที่ทำให้เกิดการสั่นไหวของวิหารเก่าแก่ที่อยู่ตรงหน้า และในขณะนั้นประตูที่ปิดสนิทก็ค่อยๆเปิดออก
เมื่อเห็นฉากนี้ นัยน์ตาลึกล้ำของโม่ซวนซุนจ้องเขม็งไปที่วิหารเก่าแก่ก่อนจะก้าวเข้าไป
หลังจากที่เขาเข้าไปประตูวิหารก็ปิดสนิทอีกครั้ง จากนั้นวิหารเก่าแก่ที่อยู่ที่นี่กลับค่อยๆจางหายไปจากใต้หล้านี้อย่างสิ้นเชิง
ตาแก่ซอมซ่อในที่ไกลๆราวกับสัมผัสได้ถึงบางอย่าง สีหน้าของเขาแข็งทื่อไปในขณะที่กำลังกินเหล้าอยู่ เนิ่นนานกว่าเขาจะได้สติกลับมา ในแววตามีความปีติยินดีเป็นอย่างมาก เอ่ยด้วยความชื่นใจ “ไม่เลวเลยนี่ สมแล้วที่เจ้าเด็กคนนี้เป็นผู้สืบสานจิตเทพของท่านอาจารย์บรรพบุรุษ เขายังได้รับการยอมรับจากเจ้าโถงรุ่นแรกให้เข้าไปในวิหารเก่าแก่อีกด้วย นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่มีใครมีคุณสมบัติพอที่จะเข้าไปในวิหารเก่าแก่ได้”
พูดมาถึงตรงนี้ตาแก่ซอมซ่อก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แต่ในที่สุดใบหน้าเหี่ยวย่นของเขาก็เผยรอยยิ้มที่สบายใจออกมาเสียที
มีแต่ให้ลูกศิษย์เข้าไปในวิหารเก่าแก่เท่านั้นการสืบสานทุกอย่างของพวกเขาโถงวิหารสวรรค์ถึงจะไม่หายไป การตามหาทายาทที่แท้จริงของโถงวิหารสวรรค์ก็เป็นความรับผิดชอบยิ่งใหญ่ตราบชั่วชีวิตของเขา
———————–