บทที่****198: คืนและวันแสนเร้าใจ
หลังจากที่ได้ยินเสียงตะโกนของทุกคน ใบหน้าของคุณชายรองเผยความโกรธจนเขียวคล้ำ แต่เขาไม่อาจต่อว่าศิษย์ทั้งหมดนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงตะโกนออกไปว่า “พวกเจ้าจะเสียงดังกันทำไม? เงียบซะ!”
เหล่าคนที่ส่งเสียงเชียร์ทั้งหมดไม่กล้าที่จะต่อต้านผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินและรีบกลับสู่ความสงบทันที
คุณชายใหญ่กล่าวกับเจ้าอ้วนด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ “ยอดเยี่ยมมาก ซ่งจง วันนี้เจ้าช่างดูน่าเกรงขามเสียจริง!”
“หามิได้ ข้าไม่สามารถนำตนเองไปเปรียบเทียบกับเหล่าสี่พี่น้องได้! พวกเขาสามารถกวาดทุกคนที่อยู่ในสำนักเสวียนเทียนได้ด้วยพลังของเขาเอง! แม้แต่อาจารย์ลุงของข้ายังบาดเจ็บสาหัสเพราะพวกเขา!” เจ้าอ้วนกล่าวเสริมอย่างดุเดือด “ศิษย์เพียงแค่ใช้วิธีการเดียวกับพวกเขาเท่านั้น!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น คุณชายใหญ่และคุณชายรองหมดคำที่จะกล่าวทันที เหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เป็นเพราะซ่งจงต้องการแก้แค้นให้กับอาวุโสของตนและเขาไม่ได้ทำผิดกฏ ในตอนนี้ฝ่ายของคุณชายใหญ่เป็นผู้เริ่มต้นการเป็นปฏิปักษ์ก่อน เจ้าอ้วนนั้นมาจากตระกูลหงและไม่เกี่ยวข้องกับนักบวชฮัวอวิ๋นแม้แต่น้อย แต่ในความจริงอาจกล่าวได้ว่าพวกเขามีความขัดแย้งบางอย่าง แต่เนื่องจากการกระทำที่มากไป เหล่าสี่พี่น้องทุบตีทุกคนที่พบเจอ จึงทำให้เหล่าศิษย์ฝ่ายนักบวชฮัวอวิ๋นรวมตัวกันเพื่อสร้างปัญหาให้กับฝ่ายคุณชายใหญ่ กล่าวได้ว่าการที่ชื่อเสียงของทั้งสองต้องเสื่อมเสียไปในวันนี้เป็นเพียงของหวานเท่านั้น
เมื่อคิดเช่นนี้ ทั้งสองเริ่มรู้สึกเสียใจเพียงแต่ไม่ได้แสดงออกมาบนใบหน้า คุณชายใหญ่กล่าวกับเจ้าอ้วนด้วยน้ำเสียงที่ลึกล้ำ “แม้ว่าสิ่งที่เจ้ากล่าวออกมาจะถูกต้อง แต่เจ้าควรรู้ว่าเมื่อไหร่ควรที่จะต้องหยุด! ข้าจะให้โอกาสเจ้าหยุดในวันนี้ แต่ถ้าหากเจ้าต้องการที่จะมีปัญหากับข้าในอนาคต แน่นอนว่าเจ้าจะต้องดูแลตัวเองให้ดี!”
ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น คุณชายใหญ่และคุณชายรองไม่ให้โอกาสเจ้าอ้วนตอบสิ่งใดพร้อมกับพาศิษย์ของตนเองเดินออกไป
หลังจากที่คุณชายใหญ่และคุณชายรองจากไปแล้ว ฝูงชนเริ่มโห่ร้องให้กับชัยชนะของเจ้าอ้วนทันที หลังจากเหตุการณ์นี้จบลง เจ้าอ้วนกลายเป็นบุคคลที่ร้อนแรงที่สุดในสำนักเสวียนเทียนเสียแล้ว ความนิยมของเขาในตอนนี้มากเสียยิ่งกว่าครั้งที่ฉุ่ยจิ้งสั่งสอนบทเรียนให้กับพี่ใหญ่จินเสียอีก ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิต่างก็ยกย่องและให้เกียรติเขาอย่างมาก แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับจินตันยังยอมรับในความแข็งแกร่งของเขา เจ้าอ้วนไม่ใช่ศิษย์ระดับธรรมดาอีกต่อไปในเมื่อผู้ฝึกตนระดับจินตันปฏิบัติกับเขาราวกับเป็นบุคคลที่ระดับเทียบเท่ากัน
ในวันนี้นักบวชฮัวอวิ๋นได้จัดงานเลี้ยงอย่างยิ่งใหญ่เพื่อฉลองให้กับเหตุการณ์ทั้งหมด นอกจากนี้เขายังประกาศว่าจะให้เจ้าอ้วนหมั้นกับมู่ซื่อหรง ซึ่งกล่าวไว้ว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ได้วางแผนมาเนิ่นนานแล้ว แม้แต่สินสอดทองหมั้นก็ได้มอบให้เจ้าอ้วนทั้งหมดแล้วเรียบร้อย
ในขณะนั้น เจ้าอ้วนงุนงงอย่างถึงที่สุด เขาไม่รู้เรื่องสินสอดมาก่อนเลย ในตอนสุดท้ายนักบวชฮัวอวิ๋นเริ่มพูดกับเขา “ดาบแห่งธาตุทั้งห้าคือสินสอด อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดว่าข้าจะแลกเปลี่ยนสิ่งของเช่นนั้นกับระฆังผุพังของเจ้า!”
ในขณะที่ทุกคนได้ยินเช่นนั้น พวกเขาเข้าใจทันทีพร้อมกับยกย่องนักบวชฮัวอวิ๋นที่มีปัญญาเฉียบแหลม แม้แต่เจ้าอ้วนยังอดไม่ได้ที่จะชื่นชมเขา เห็นได้ชัดว่าในเวลานั้นนักบวชฮัวอวิ๋นไม่มีแผนจะให้เจ้าอ้วนแต่งงานกับมู่ซื่อหรงแม้สักนิด และดาบแห่งธาตุทั้งห้าที่เขาสูญเสียมันไปเป็นเพราะความโลภของตัวนักบวชฮัวอวิ๋นเอง แต่นักบวชฮัวอวิ๋นสามารถพลิกสถานการณ์ที่จะทำให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียงมาเป็นเช่นนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงใช้โอกาสอันดีในตอนนี้บอกว่ามันคือสินสอดอย่างรวดเร็ว ประการแรกนั้นเพื่อแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่าเขามองเห็นว่าเจ้าอ้วนสำคัญอย่างมาก ประการที่สองคือจะแสดงให้รู้ว่าเขาไม่ได้ถูกหลอก
เจ้าอ้วนไม่กล้ากล่าวสิ่งใดนอกเหนือจากนี้และทำได้เพียงกัดฟันยอมรับมันไปแบบนั้น เมื่อเห็นว่าเจ้าอ้วนยอมรับแล้ว นักบวชฮัวอวิ๋นดึงเขาเข้ามาเพื่อดื่มด้วยกัน อาจกล่าวได้ว่างานเลี้ยงในคืนนี้เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม ระยะเวลาล่วงเลยไปถึงเกือบรุ่งสางกว่าที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไป
เจ้าอ้วนกลับมายังลานม่านหมอกพร้อมกับมู่ซื่อหรงและหานหลิงเฟิง แม้ว่าการแต่งงานของทั้งคู่ยังไม่ถูกจัดขึ้น แม้กระทั่งวันที่ยังไม่ถูกตัดสินใจ แต่เรื่องราวทั้งหมดก็เป็นไปอย่างเปิดเผย ด้านอาวุโสก็ได้ตกลงกันเสร็จสิ้นแล้ว ไม่มีใครพูดถึงการกระทำของมู่ซื่อหรงได้ในตอนนี้
แม้ว่าเจ้าอ้วนจะอึดอัดกับสถานะเหล่านี้ แต่เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธหญิงงามที่พร้อมจะปรนนิบัติเขา
โดยเฉพาะลักษณะนิสัยของมู่ซื่อหรงเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง นับตั้งแต่ที่นางฝึกฝนวิชาเบญจสตรีศักดิ์สิทธิ์สังหาร นางรู้สึกว่านางตื่นตัวมากขึ้นเมื่อถูกกระตุ้นโดยเจ้าอ้วน ถ้าหากเขาอ่อนโยน นางจะไม่มีความสุข แต่กลับพึงพอใจเมื่อเจ้าอ้วนรุนแรงกับนาง
เจ้าอ้วนคิดอย่างรวดเร็วว่ามู่ซื่อหรงอยู่ในประเภทชื่นชอบความเจ็บปวด เนื่องจากเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่สามารถทำตนเป็นนักบุญได้เช่นกัน หลังจากที่กลับบ้านมาพร้อมกับความเมา เขาอดไม่ได้ที่จะมีอารมณ์หลังจากเห็นแผ่นหลังของมู่ซื่อหรงที่อยู่ตรงหน้า เขาไม่พูดอะไรสักคำ กระชากนางและกดร่างกายให้อยู่ภายใต้เอวของเขา
ตอนแรกมู่ซื่อหรงกรีดร้องออกมาเพราะตกใจ จากนั้นนางก็แสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมา นางช่วยเจ้าอ้วนจัดการกับสายรัดเอวของเขาพร้อมกับเผยยิ้มยั่วยวนออกมา หลังจากนั้นมังกรของเจ้าอ้วนก็ถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอของนาง
เมื่อหานหลิงเฟิงเห็นฉากเช่นนั้นตรงหน้า นางเขินอายและไม่รู้จะทำอย่างไร ในช่วงเวลาที่นางกำลังมึนงงอยู่นั้น เจ้าอ้วนคว้าตัวของนางมาพร้อมกับฉีกท่อนบนของนางออกเผยให้เห็นผิวขาวที่ถูกปกปิดอยู่ด้านใน ขณะที่ใบหน้าเคลื่อนเข้าใกล้เนินเขาลูกนั้น พอสัมผัสที่ส่วนปลายยอด ปากนั้นก็ทำการดูดอย่างหิวกระหายและรุนแรง
หลังจากนั้น หานหลิงเฟิงสูญเสียการควบคุมร่างกายโดยสมบูรณ์ นางปล่อยให้เจ้าอ้วนจัดการกับร่างกายนางอย่างที่ใจเขาต้องการ ทั้งสามคนม้วนขึ้นไปอยู่บนเตียงและเข้าสู่โลกแห่งความบ้าคลั่งของพวกเขาอย่างรวดเร็ว
การต่อสู้ที่ดุเดือดนี้ยาวนานจนถึงเวลาเที่ยงวัน หลังจากที่พักผ่อนกันสักครู่หนึ่ง ความปรารถนาของเจ้าอ้วนถูกปลุกขึ้นอีกครั้งโดยมู่ซื่อหรงและดำเนินการไปจนถึงเวลาค่ำ
ในเช้าวันถัดมา เจ้าอ้วนนอนเปลือยกายอยู่บนเตียงของตนเอง โดยมีมู่ซื่อหรงที่ก้มอยู่ระหว่างขาของเขาเพื่อใช้ปากนวดเฟ้น สำหรับหานหลิงเฟิงนางเสิร์ฟอาหารเช้าพร้อมกับเปลือยกายให้เขาได้สัมผัสกับยอดอกของนาง
หานหลิงเฟิงไม่อาจอดทนต่อการหยอกล้อของเจ้าอ้วนได้และดุเขาเสียงเบาในขณะที่หายใจหอบ แต่เจ้าอ้วนกลับตอบนางด้วยอารมณ์หยอกล้อ “นี่เรียกว่านมรับอรุณ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หานหลิงเฟิงกรอกตาไปมาด้วยความโกรธจนแทบจะตายอยู่ตรงนั้น
หลังจากที่เขาไปถึงสวรรค์ เขาถอนตัวเองออกมาจากมู่ซื่อหรงเพื่อไปชำระกาย จากนั้นเขากล่าวกับทั้งสองว่า “ข้าจะไปพบศิษย์น้องฉุ่ยจิ้ง พวกเจ้าจะไปทำอะไรก็ไปทำก่อนเถิด!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หานหลิงเฟิงที่อยู่ในสภาวะปกติจึงไม่ได้กล่าวอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่มู่ซื่อหรงกรอกตาไปมาพร้อมกับคว้าต้นขาของเขาไว้ จากนั้นนางคร่ำครวญออกมา “พี่ชายซ่ง อย่าบอกข้านะว่าท่านชอบยัยฉุ่ยจิ้ง?”
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาด้วยความหงุดหงิด “อย่าบอกนะว่าข้าไม่ควรชอบนาง?”
“ย่อมไม่!” มู่ซื่อหรงรีบตอบกลับ “พี่ชายซ่งสามารถชอบนางได้ แต่…”
“แต่อะไรกัน?” เจ้าอ้วนขมวดคิ้วแน่น
“เพียงแต่เรื่องของเรื่องคือ ฉุ่ยจิ้งไม่อาจแต่งงานได้!” มู่ซื่อหรงรีบตอบอย่างรวดเร็ว
“แต่งงานไม่ได้? ทำไม?” เจ้าอ้วนยังคงมึนงง
“เพราะว่าวิชาเทวะจันทราวารีจะต้องฝึกฝนโดยหญิงสาวพรหมจรรย์เท่านั้น ถ้าหากถูกทำลายไป สิ่งที่ฝึกฝนมาจะสูญหายไปทั้งหมดและไม่สามารถฝึกฝนมันได้อีกต่อไป นางจะกลายเป็นผู้ฝึกตนประเภทวารีธรรมดาเท่านั้น!” มู่ซื่อหรงกล่าวพร้อมยักไหล่อย่างไม่สนใจ “ท่านน่าจะรู้ดีว่าหากนางไม่มีวิชาเทวะจันทราวารี ความแข็งแกร่งของนางก็ไม่อาจเทียบกับข้าได้!”
“มันเป็นปัญหางั้นหรือ?” เจ้าอ้วนขมวดคิ้ว จากนั้นเขากล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะ “แต่ก็ไม่เป็นไร ข้าเพียงต้องการคุยกับนางเท่านั้นและให้พวกเจ้าแก้ปัญหาทางด้านร่างกายให้กับข้าเมื่อข้าต้องการ อย่างนี้เป็นเช่นไร?” เมื่อเจ้าอ้วนกล่าวออกมาเช่นนั้น เขาจับหน้าอกของนางอีกครั้งพร้อมกับเริ่มจู่โจม
“อ๊ะ!” มู่ซื่อหรงส่งเสียงออกมาทันทีพร้อมกับกล่าวกับเขาด้วยลมหายใจติดขัด “สามารถทำเช่นนั้นได้ ข้าจะอยู่ที่นี่เสมอเมื่อท่านต้องการ!”
“เจ้าช่างโง่เขลาเสียจริง!” เจ้าอ้วนผลักนางออกอย่างช้า ๆ พร้อมกับสวมเสื้อคลุมและกล่าวว่า “รอข้าที่นี่ ข้าจะกลับมาดูแลเจ้าอีกครั้งในคืนนี้!”
“ตกลง!” มู่ซื่อหรงตอบกลับ “ข้าจะชำระล้างให้สะอาดแล้วรอให้ท่านมาย่ำยีข้าในคืนนี้!”
“ฮ่าฮ่า!” เจ้าอ้วนจูบนางเพื่อบอกลาและเดินออกไป
เมื่อเห็นว่าเจ้าอ้วนออกไปแล้ว มู่ซื่อหรงกล่าวกับหานหลิงเฟิงด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะไปชำระล้างร่างกายก่อนเพื่อที่จะมีค่ำคืนที่งดงามกับเขาอีกครั้ง เจ้าจะมาด้วยหรือไม่?”
“แน่นอน!” หานหลิงเฟิงตอบรับพร้อมถามกลับอย่างมึนงง “ศิษย์พี่มู่ เหตุใดท่านจึงทำตัวแปลกไป?”
“แปลก?” เมื่อมู่ซื่อหรงได้ยินเช่นนั้น นางตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม “ฮ่าฮ่า เจ้าช่างพูดเหลือเกิน เจ้ากำลังจะกล่าวว่าข้าทำตัวเป็นหญิงสาวชั่วช้าที่ยินยอมให้เจ้าไขมันบัดซบเหยียบย่ำอย่างเสียสติงั้นหรือ?
หานหลิงเฟิงตกใจและรีบอธิบายทันที “ศิษย์พี่มู่ ข้าไม่ได้กล่าวเช่นนั้น!”
“ข้ารู้แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้พูดออกมา!” มู่ซื่อหรงหัวเราะ “มันเป็นเพียงข้าที่มักมากในกามเท่านั้น! ข้าชอบความรู้สึกที่โดนพี่ชายซ่งย่ำยีและข้ายินยอมเพียงแค่เขาเท่านั้น ทุกครั้งที่เขากดขี่ร่างกายข้าอย่างรุนแรง ข้ารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากและไม่สามารถควบคุมตนเองได้!”
ในขณะที่นางกล่าวเช่นนั้น มือข้างหนึ่งของนางจับอกอูมของตนเอง ส่วนอีกข้างนั้นเอื้อมลงไปทักทายน้องสาวของตนเอง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสุข หานหลิงเฟิงที่ยืนอยู่ข้างนางรู้สึกสูญเสียการควบคุมและสรุปได้ว่ามู่ซื่อหรงได้เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ จากนั้นนางจึงไม่กล่าวสิ่งใดต่อแต่เปลี่ยนหัวข้อสนทนาแทน “ก็ได้ ข้าเข้าใจแล้ว ไปชำระกายกันเถอะ!” ในขณะที่กล่าวเช่นนั้น นางรีบเดินออกไปทันที
เมื่อเห็นหานหลิงเฟิงเดินออกไปแล้ว มู่ซื่อหรงเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาพร้อมกับคิดในใจ ‘แน่นอนว่าข้ายินดีที่จะถูกเหยียบย่ำโดยเจ้าไขมันบัดซบนั่น ถ้าไม่เช่นนั้นข้าจะดูดเขาให้แห้งได้อย่างไร? เพียงแค่รอก่อนเถิดเจ้าไขมันบัดซบ สักวันข้านี่แหละจะทำให้เจ้าต้องไปเกิดใหม่!’