บทที่****199: ฉุ่ยจิ้งผู้เงียบงันและเศร้าโศก

ภายในสำนักเสวียนเทียนนั้นมีลานอยู่หลายแห่ง หนึ่งในนั้นมีสถานที่ซึ่งมีน้ำตกเล็ก ๆ อยู่และเต็มไปด้วยฝูงมัจฉาแหวกว่าย ลานแห่งนี้เป็นสถานที่ของฉุ่ยจิ้ง เรียกมันว่าจันทราคติ

เจ้าอ้วนเดินทางมาถึงลานจันทราคติ ฉุ่ยจิ้งนั่งอยู่บนก้อนหินใกล้กับสระน้ำ นางจ้องมองเหล่ามัจฉาที่แหวกว่ายอยู่ภายในน้ำอย่างเงียบเชียบ นางรู้สึกถึงการมาถึงของเจ้าอ้วนจากนั้นจึงหันศีรษะอย่างช้า ๆ และจ้องมองเขา

แม้ว่านางจะไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาแต่แววตาของนางนั้นได้อธิบายความรู้สึกโศกเศร้าภายในจิตใจออกมาแล้วหมดสิ้น เจ้าอ้วนรู้สึกถึงความรู้สึกนั้นอย่างรวดเร็วราวกับถูกมีดกรีดที่กลางใจของตน มันเป็นความเจ็บปวดที่ไม่สามารถอธิบายได้ คำพูดมากมายที่เขาเตรียมมามากมายในก่อนหน้านี้ได้ถูกกลืนลงไปจนหมด

ทั้งสองยืนจ้องมองกันอยู่เช่นนั้นจนกระทั่งพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าไป ในตอนนี้ทั้งสองคนได้ถูกปลุกขึ้นจากภวังค์ด้วยระฆังแห่งราตรี พวกเขาจ้องมองกันตลอดทั้งวันที่ผ่านมา แต่ไม่มีการฝึกฝนแบบคู่เกิดขึ้น แต่มันกลับเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายภายในใจของทั้งสอง

เมื่อฉุ่ยจิ้งหลุดออกจากสถานการณ์เช่นนั้น นางยิ้มออกมาอย่างขมขื่นพร้อมกล่าวว่า “ศิษย์พี่ไม่ได้มาพร้อมกับสาวงามงั้นหรือ? เหตุใดท่านจึงมาพบคนที่โดดเดี่ยวเช่นข้าด้วยล่ะ?”

“ศิษย์น้องช่างเข้าใจหยอกล้อ ข้าน่ะหรือจะมีสาวงามข้างกาย มันเป็นเพียงฉากบังหน้าเท่านั้น!” เจ้าอ้วนรีบอธิบายออกไป “เจ้ารู้ดีว่าภายในใจข้าคิดเช่นไร!”

“เหอะ เจ้าน่ะหรือ!” ฉุ่ยจิ้งคร่ำครวญพร้อมกับลุกขึ้นยืน

“แม้ว่าที่นี่จะไม่มีชาวิถีเต๋าเพื่อต้อนรับท่าน แต่จงตามมาเถิด ข้ามีไวน์ที่หมักเองอยู่ ท่านจะต้องชอบมัน!” จากนั้นนางจึงเดินไปที่จันทราของตนเอง

“แน่นอนว่าจะต้องเป็นเช่นนั้น!” เจ้าอ้วนตอบกลับพร้อมรีบเดินตามไปทันที

ถัดมาชั่วครู่ทั้งสองคนเดินมาถึงห้องนั่งเล่นที่อยู่ภายใน ฉุ่ยจิ้งหยิบขวดไวน์ออกมาหนึ่งขวดพร้อมกับเทให้เจ้าอ้วนและกล่าวว่า “ท่านลองลิ้มรสมันก่อน!”

“ย่อมได้!” เจ้าอ้วนตอบรับเสียงเบาพร้อมดื่มมันอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เขาดื่มมันลงไป เขารู้สึกราวกับว่าความขมได้ถาโถมลำคอของเขาอย่างรุนแรง มันไม่ใช่ไวน์ที่เขาเคยดื่ม รสชาติของมันคล้ายกับถุงน้ำดีอย่างไรอย่างนั้น! เหตุการณ์นี้ทำให้ใบหน้าของเจ้าอ้วนกลายเป็นสีเขียว เขาหวังในใจว่าจะได้บ้วนน้ำลายทิ้งสักหน่อยในตอนนี้

แต่มันเป็นไวน์ที่ฉุ่ยจิ้งตั้งใจที่จะรินมันให้กับเขา เจ้าอ้วนไม่กล้าที่จะหักหาญน้ำใจของนาง ดังนั้นเขาจึงกลั้นหายใจเพื่อดื่มมันลงไปให้หมดในครั้งเดียว รสขมที่รุนแรงนั้นระเบิดอยู่ภายในท้องของเขาเอง สิ่งนี้ทำให้เขาไม่สบายตัวอย่างมาก

แต่เพื่อความสบายใจของฉุ่ยจิ้ง เจ้าอ้วนทำได้เพียงยิ้มและกล่าวออกมาว่า “ยอดเยี่ยมมาก รสชาติของมันยอดเยี่ยมมาก!” แม้ว่าเขาจะยิ้มอยู่ แต่ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ไม่อาจกลบเกลื่อนนั้นราวกับว่าเขากำลังร่ำไห้อยู่ภายในใจ

เมื่อฉุ่ยจิ้งเห็นเช่นนั้น นางยิ้มรับพร้อมกล่าวว่า “ถ้าหากว่ามันยอดเยี่ยม ท่านต้องดื่มมันให้มากขึ้นอีก!” ขณะที่นางกล่าวเช่นนั้น นางเริ่มรินไวน์อีกครั้ง

เจ้าอ้วนจะไปเอาความกล้าหาญจากไหนให้นางรินอีกแก้ว? เขารีบซ่อนแก้วไวน์พร้อมกล่าวอย่างรวดเร็ว “ศิษย์น้อง หยุดก่อน ความรุนแรงของมันมากเกินกว่าข้าจะรับได้!”

หลังจากที่ฉุ่ยจิ้งได้ยินเช่นนั้น ความโศกเศร้าแสดงขึ้นบนใบหน้าของนางทันที “ศิษย์พี่ บอกข้ามาเถิดว่าไม่อาจทนเห็นข้าในสายตาได้ จึงไม่ยอมดื่มไวน์ร่วมกับข้า?”

“ไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ใช่เลย!” เจ้าอ้วนเห็นเช่นนั้นเขารู้สึกกลัวทันที พร้อมกับรีบอธิบาย “คือว่า…”

“ท่านไม่จำเป็นต้องอธิบาย ศิษย์น้องเข้าใจดี!” ฉุ่ยจิ้งกล่าวต่อและไม่ยินยอมให้เขาอธิบายอะไรต่อ “ความจริงแล้วท่านก็ไม่เคยเห็นข้าอยู่ในสายตาอยู่แล้ว ท่านดูถูกข้าและรังเกียจที่จะร่วมดื่มกับข้า!”

“อา ข้า… ข้าจะดื่มมัน เช่นนี้ดีหรือไม่?” เจ้าอ้วนถูกฉุ่ยจิ้งต้อนเข้าจนมุมโดยอย่างสมบูรณ์ เขาจึงต้องยื่นแก้วไวน์ของตนออกไปอีกครั้ง

“เป็นเช่นนั้น!” เมื่อฉุ่ยจิ้งได้ยินดังนั้น นางแสดงรอยยิ้มจางออกมาทันทีพร้อมกับรีบรินไวน์ให้กับเขา

เจ้าอ้วนไม่สามารถต้านทานรสชาติที่รุนแรงของมันจนถึงขั้นที่เขาไม่สามารถบังคับเปลือกตาของตนเองไม่ให้ปิดลงไม่ได้ ความขมของมันกำลังโจมตีลำไส้เขาอย่างรุนแรง

เจ้าอ้วนรีบกล่าวออกมาทั้งที่ภายในใจของเขาแทบจะระเบิดออกจากความอึดอัดนี้ “เท่านี้… เจ้าพอใจหรือยัง?”

“ยัง ผู้ใดที่เข้ามาภายในจันทราคติของข้าจะต้องดื่มมันสามแก้ว!” ฉุ่ยจิ้งกล่าวพร้อมกับยกขวดไวน์ขึ้น “ศิษย์พี่ ท่านเหลืออีกหนึ่งแก้ว!”

“งั้นหรือ?” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงท้อแท้ “ศิษย์น้อง เจ้าละเว้นข้าไว้สักคนได้หรือไม่?”

“โดยปกติแล้วไม่ได้ มันเป็นธรรมเนียมของจันทราคติ ศิษย์น้องผู้นี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงมันได้!” ฉุ่ยจิ้งกล่าวพร้อมกับยิ้มออกมา

“ธรรมเนียม? เจ้าพักอยู่ที่นี่มานานหนึ่งถึงสองปีแล้ว เมื่อไหร่กันที่มันมีกฏเช่นนี้ขึ้นมา?”  เจ้าอ้วนถามออกมาอย่างระมัดระวัง

“มันถูกนำมาใช้เมื่อศิษย์พี่เดินเข้ามา!” ฉุ่ยจิ้งกล่าวอย่างเขร่งขรึม “ถ้าหากศิษย์พี่ต้องการที่จะมาเยี่ยมเยือนข้าในอนาคต ก็จะต้องดื่มมันอย่างน้อยสามแก้วอย่างต่อเนื่อง!”

“ว่าอะไร?” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขาไม่เข้าใจพร้อมกับถามออกไปทันที “เจ้ารู้มานานแล้วงั้นหรือว่าไวน์นี้มีรสขม? เจ้ากำลังเล่นตลกกับข้า ถูกต้องหรือไม่?”

“เป็นเช่นนั้น!” ฉุ่ยจิ้งตอบกลับอย่างซื่อตรง “ไวน์นี้ทำมาจากถุงน้ำดีของอสรพิษ มันจะลดความต้องการของท่าน ทำให้ท่านเป็นคนที่ใจเย็นมากกว่านี้ ทุกครั้งที่ท่านมาเยี่ยมเยียน ข้าจะนำสิ่งนี้ออกมาเพื่อบริการให้ท่านดื่ม!”

“สิ่งนี้มีไว้เพื่ออะไรกันแน่?” หลังจากที่เจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวออกมาอย่างไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “มันมีไว้เพื่อทรมานข้างั้นหรือ?”

“เนื่องจากข้าไม่สามารถขัดขวางความต้องการที่ร้อนแรงของศิษย์พี่ได้ จึงมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้ศิษย์พี่จดจำลานจันทราคติและจดจำศิษย์น้องผู้นี้ได้!” ขณะที่นางกล่าวเช่นนั้น ใบหน้าของนางโศกเศร้าอย่างยิ่ง “ศิษย์พี่รู้หรือไม่ว่าท่านทำให้หัวใจของข้านั้นรู้สึกขื่นขมเสียยิ่งกว่าไวน์ขวดนี้เสียอีก!”

เหตุผลดังกล่าวทำให้เจ้าอ้วนกลายเป็นหินไปทันที ในขณะนั้นราวกับว่าเขาได้รับรู้ถึงความทุกข์ภายในหัวใจของนาง จากนั้นความรู้สึกเกลียดตนเองได้ถาโถมเข้ามาภายในหัวใจเขาอย่างไม่หยุดหย่อน ความรู้สึกผิดต่าง ๆ ทำให้เจ้าอ้วนขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เขาโยนแก้วไวน์ของตนเองทิ้งไปพร้อมกับคว้าขวดไวน์ที่อยู่ในมือของฉุ่ยจิ้งและดื่มมันลงไปทั้งหมดราวกับมันคือน้ำเปล่า

หลังจากที่ดื่มมันแล้ว เขาไม่ได้คิดถึงความรุนแรงของมันที่กำลังระเบิดอยู่ภายในท้องอีกต่อไป พร้อมกับกล่าวออกมาเสียงดัง “ศิษย์น้องฉุ่ยจิ้ง เหตุใดเจ้าจึงคิดว่าเพียงไวน์สามแก้วจะทำให้ข้ารู้สึกถึงความทุกข์ในใจของเจ้า? แน่นอนว่าข้าจะรู้สึกถึงมันได้ ข้าจะต้องดื่มมันทั้งขวด! เมื่อใดที่ข้ามาที่นี่ ข้าจะทำเช่นนี้ทุกครั้ง!”

เจ้าอ้วนรู้สึกเสียใจทันทีพร้อมกับคิดภายในใจ ‘เหตุใดข้าจึงต้องกล่าวเกินกว่าเหตุ? ไวน์นี้เพียงแค่สามแก้วก็สามารถสังหารข้าได้แล้ว แต่ข้ากลับกล่าวออกไปว่าจะดื่มหนึ่งขวด? นี่ไม่ใช่การฆ่าตัวตายงั้นหรือ?’

แต่หลังจากที่ฉุ่ยจิ้งได้ยินเช่นนั้น น้ำตาทั้งหมดไหลอาบท่วมสองแก้มของนางทันที พร้อมกล่าวว่า “ตัวเลวร้าย… ท่านมักจะนำโชคร้ายมาให้ข้าเสมอ!”

เดิมทีฉุ่ยจิ้งไม่ค่อยพอใจเมื่อต้องพบเจอกับเจ้าอ้วนด้านนอก แต่เขาไม่เคยที่จะยอมแพ้ ดังนั้นนางจึงคิดที่จะหยุดเขาโดยใช้ไวน์ที่ทำจากถุงน้ำดีของอสรพิษเพื่อให้เจ้าอ้วนต้องพบเจอกับความยากลำบาก แต่ในตอนนี้ฉุ่ยจิ้งก็พ่ายแพ้ให้กับเจ้าอ้วนอีกครั้ง นางไม่เคยคาดหวังว่าเจ้าอ้วนจะเป็นบุรุษที่ดื้อด้านเช่นนี้ เขาไม่ได้คิดอะไรกับความเจ็บปวดที่ได้รับ เขาดื่มมันลงไปจนหมดขวดและลั่นวาจาว่าจะทำเช่นนี้ทุกครั้งที่มาพบนาง

เหตุการณ์เช่นนี้ทำให้หัวใจของฉุ่ยจิ้งหวั่นไหว นับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปนางรู้ดีว่าไม่อาจหลีกหนีโชคชะตาของตนเองได้ นางจะต้องมีชะตากรรมร่วมกับเจ้าอ้วนมากขึ้นเรื่อย ๆ นางไม่มีวันที่จะแยกออกจากเขาได้อีกต่อไป

เจ้าอ้วนไม่รู้เลยว่านางกำลังกล่าวถึงสิ่งใด การได้เห็นฉุ่ยจิ้งที่กำลังนิ่งเงียบเช่นนี้ เขาทำได้เพียงปล่อยเสียงหัวเราะที่โง่เขลาออกมา

เมื่อฉุ่ยจิ้งเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงใจของเจ้าอ้วน ความโกรธทั้งหมดได้เลือนหายไปทันที พร้อมกับยิ้มอย่างขื่นขมและกล่าวว่า “ท่านรู้หรือไม่ว่าสิ่งที่ท่านทำอยู่นั้นได้ข่มเหงเส้นทางของข้า!”

“สวรรค์ โลก และจิตใต้สำนึกของข้า มีสิ่งใดกันที่ไปข่มเหงเจ้า? ไม่ใช่เจ้าหรอกหรือที่รังแกข้าตลอดมา?” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาอย่างคนเมาและไม่สามารถควบคุมตนเองได้

“เหอะ ท่านเป็นบุรุษมากรัก ตนเองมีความสุขอยู่เพียงผู้เดียว ทำให้ข้าต้องสับสน รู้สึกโดดเดี่ยว มันไม่ใช่การข่มเหงข้างั้นหรือ?” ฉุ่ยจิ้งกล่าวออกมาอย่างโศกเศร้า

“เรื่องนั้น…” เจ้าอ้วนพ่ายแพ้ต่อคำพูดเหล่านั้นทันที พร้อมกับกล่าวออกมาอย่างขื่นขม “ก็ได้ ก็ได้ เป็นข้าผิดเอง เป็นข้ารังแกเจ้า ศิษย์น้องฉุ่ยจิ้งพอจะเห็นแก่ไวน์ขวดนี้แล้วละเว้นข้าได้หรือไม่?”

“เหอะ จากสิ่งที่ท่านกล่าวออกมาราวกับว่าท่านได้สูญเสียทุกอย่างไป!” ฉุ่ยจิ้งกล่าวอย่างขื่นขม

“ไวน์ที่ทำจากถุงน้ำดีของอสรพิษซึ่งข้าครอบครองไม่ใช่ธรรมดา มันมาจากอสรพิษขั้นสามและผ่านการปรุงแต่งมาอย่างดี หลังจากที่ดื่มมันแล้ว ท่านจะสามารถฝึกฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีผู้คนมากมายที่ต้องการดื่มมันแต่ไม่อาจทำได้! ในครั้งนี้นับว่าท่านก็ได้รับประโยชน์อีกครั้ง แต่ท่านกลับแสดงใบหน้าราวกับว่าสูญเสียเช่นนั้นงั้นหรือ!”

“คือว่า…” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขายิ้มออกมาอย่างขื่นขม “เป็นความผิดของข้าเอง!”

“เข้าใจก็ดีแล้ว!” ฉุ่ยจิ้งยิ้มออกมาอย่างพอใจพร้อมกล่าวต่อว่า “โอ ข้ามีบางอย่างต้องบอกท่าน!”

เจ้าอ้วนมองเห็นท่าทีที่จริงจังของฉุ่ยจิ้ง เขารู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างที่ไม่ดีแน่นอนพร้อมกับรีบถามออกไปอย่างรวดเร็ว “อะไรงั้นหรือ?”

“แท้จริงแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก การระบายความร้อนของไวน์นี้ค่อนข้างจะมากโข ข้าคิดว่าท่านคงจะไม่มีอารมณ์จะไปต่อสู้กับมู่ซื่อหรงสักสองสามเดือน!” นางกล่าวออกมาอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับปิดปากหัวเราะอย่างสบายใจ

เจ้าอ้วนไม่ใช่คนโง่ เขาเข้าใจทันที มันหมายความว่าอารมณ์ทางเพศของเขาจะหายไปสักสองสามเดือน จากนั้นเขาบ่นอุบออกมาทันที “ศิษย์น้อง ข้านั้นให้เกียรติเจ้าเสมอ แต่เหตุใดเจ้าจึงทำให้ข้ากลายเป็นคนไร้สมรรถภาพนานเช่นนี้?”

“เหอะเหอะ!” ฉุ่ยจิ้งหัวเราะออกมาพร้อมกล่าวว่า “ข้าเพียงบอกให้ท่านดื่มมันเพียงสามแก้วเท่านั้น เพื่อให้ท่านหมดอารมณ์ไปสักสองสามวัน ใครจะไปคาดคิดมาก่อนว่าท่านจะดื่มมันลงไปทั้งหมด แน่นอนว่าผลข้างเคียงของมันยาวนานหลายเดือน! ท่านจะสามารถตำหนิผู้ใดได้ในเมื่อท่านเป็นคนดื่มมันเอง?”

“เรื่องนั้น…” เจ้าอ้วนไม่มีอะไรจะกล่าวต่อพร้อมกับยิ้มอย่างขื่นขม “ก็ข้าไม่ได้รู้ล่วงหน้ามาก่อนไม่ใช่หรือไร?”

“รู้ตอนนี้ก็ยังไม่สายไป!” ฉุ่ยจิ้งกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ถ้าอย่างนั้น…” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาอย่างเขินอาย “ในภายหลังข้าดื่มเพียงสามแก้วก็เพียงพอใช่หรือไม่?”

“คงไม่ได้ เพราะศิษย์พี่กล่าวกับข้าว่าจะดื่มมันหนึ่งขวด อย่าบอกนะว่าท่านกำลังจะผิดคำสาบาน?” ฉุ่ยจิ้งยิ้มออกมา “ศิษย์พี่ซ่ง ท่านเป็นอัศวินผู้ยิ่งใหญ่ในหัวใจของข้า ท่านไม่สามารถทำให้ข้าผิดหวังได้!”

หลังจากที่เจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น จากความมึนเมาแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดทันที การติดสินบนจะเป็นอันตรายกับตัวเขาเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถจัดการปัญหาเช่นนี้ได้

ในทางกลับกัน ฉุ่ยจิ้งกลับมีอารมณ์ที่ดีขึ้นมากพร้อมกับถามเขาว่า “แล้วก็… ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ศิษย์พี่ซ่งจะมาพบข้า ท่านมีสิ่งใดอยากจะกล่าวก็กล่าวออกมาเถิด ข้ารับปากว่าจะปฏิบัติตาม!”

เจ้าอ้วนที่ได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเขาเปล่งประกายทันทีพร้อมกับรีบพูดออกไป “ในการพบกันครั้งหน้าสามารถลดการดื่มลงได้หรือไม่?”

“ไม่ได้ เรื่องนี้ท่านควรเลิกคิดเสีย!” ฉุ่ยจิ้งปฏิเสธทันที “มันจะดีกว่าถ้าหากท่านพูดเรื่องอื่นบ้าง ถ้าไม่เช่นนั้น ข้าจะขอตัวไปพักผ่อนก่อน ถ้าหากท่านต้องการพบข้าอีกขอให้มาใหม่ในวันพรุ่งนี้ และในเวลานั้น ฮี่ฮี่ ข้าจะบริการท่านด้วยถุงน้ำดีของอสรพิษอีกครั้ง!”

“ลืมมันไปเสีย เรามากล่าวถึงเรื่องที่มันมีสาระดีกว่า!” เจ้าอ้วนกล่าวออกไปพร้อมกับเปลี่ยนสีหน้าทันที “ข้าอยากจะถามเจ้าว่าดอกบัวแห่งองค์ประกอบธาตุทั้งห้าสามารถนำไปทำอะไรได้บ้างจึงจะดี!”

“ดอกบัวแห่งองค์ประกอบธาตุทั้งห้า?” หลังจากฉุ่ยจิ้งได้ยินเช่นนั้น นางกล่าวออกมาอย่างมีความสุข “สิ่งนั้นอยู่ในมือของท่าน!”

เจ้าอ้วนตกใจทันทีเมื่อพบว่าฉุ่ยจิ้งนั้นแสร้งทำเป็นไม่เคยรู้มาก่อน ทั้งที่นางนั้นรู้ว่าเขาซุกซ่อนสิ่งใดไว้บ้าง เขาจึงไม่ได้กล่าวอะไรต่อ

เมื่อฉุ่ยจิ้งเห็นใบหน้าที่เจ็บปวดเช่นนั้น นางกล่าวออกมา “ท่านไม่ต้องตกใจ เรื่องนี้ไม่ได้เกิดจากการทำนายหรอก ท่านอาจารย์เป็นคนบอกข้า!”

“อาจารย์ของเจ้า?” เจ้าอ้วนมึนงงทันที “นางรู้ได้อย่างไร?”

“จำได้หรือไม่ว่าเมื่อหลายปีก่อนบังเอิญค้นพบเหมืองหินจิตวิญญาณและมอบมันให้กับสำนักใช่หรือไม่?” หลังจากนั้นฉุ่ยจิ้งกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ท่านอาจารย์ได้รับข่าวนี้เช่นกัน หลังจากการสอบสวน นางพบว่าสิ่งที่ควรค้นหาคือดอกบัวแห่งองค์ประกอบธาตุทั้งห้า ซึ่งอยู่ในเหมืองหินจิตวิญญาณแห่งนั้น มันจะต้องใช้ปราณจิตวิญญาณแห่งธาตุทั้งห้าเพื่อหล่อเลี้ยงมัน และผลตอบแทนก็คือน้ำแห่งองค์ประกอบธาตุทั้งห้า แต่ในบ่อน้ำแห่งนั้นกลับไม่มีดอกบัวแห่งองค์ประกอบธาตุทั้งห้าอยู่”

ฉุ่ยจิ้งเผยยิ้มอ่อนออกมาพร้อมกล่าวต่อ “ในตอนนั้นท่านอาจารย์จึงได้ทำนายทิศทางของดอกบัวแห่งองค์ประกอบธาตุทั้งห้าว่ามันไปอยู่ที่ใด อย่างไรก็ตามมีบางสิ่งบางอย่างทำให้นางแปลกใจ เพราะไม่สามารถรับรู้ถึงที่อยู่ของดอกบัวได้เลย อย่างไรก็ตามแม้ว่าดอกบัวแห่งองค์ประกอบธาตุทั้งห้าจะไม่อยู่แล้ว แต่ทุกอย่างย่อมมีเบาะแสทิ้งไว้เบื้องหลังเสมอ แน่นอนว่าเรื่องนี้แปดในสิบเกี่ยวข้องกับพวกศิษย์พี่ทั้งสามคน แต่นางไม่สามารถค้นหาดอกบัวแห่งองค์ประกอบธาตุทั้งห้าได้ว่าอยู่ที่ใด มันคงดูไม่ดีนักถ้าหากจะเดินเข้าไปถามศิษย์ตรง ๆ โดยไม่มีหลักฐานใด ดังนั้นเรื่องนี้จึงถูกพักไว้ชั่วคราว ก่อนที่นางจะเข้าสู่การเก็บตัวฝึกฝน นางให้ข้าเฝ้ามองท่านไว้เพราะว่าดอกบัวแห่งองค์ประกอบธาตุทั้งห้านั้นอยู่ในมือท่าน ใช่ไหม?”

“เรื่องนั้น…” หลังจากที่เจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขาทำได้เพียงยิ้มและกล่าวว่า “อาการของเจ้านั้นรุนแรงแล้ว แต่ทว่าอาจารย์ของเจ้ากลับรุนแรงเสียยิ่งกว่า ข้าคิดว่ามันเป็นความลับมาตลอดแต่ที่ไหนได้กลับถูกค้นพบแล้วโดยนาง! ก็ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก อาจารย์ของเจ้าได้บอกกล่าวกับผู้อื่นหรือไม่?”

“แน่นอนว่านางไม่ได้ทำเช่นนั้น!” ฉุ่ยจิ้งกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เดาว่าท่านนั้นโชคดี ความจริงแล้วเรื่องนี้ควรรายงานต่อสำนัก แต่ท่านอาจารย์กล่าวว่าดอกบัวแห่งองค์ประกอบธาตุทั้งห้านั้นมีโชคชะตาของมันเอง และมันสามารถกินได้อีกด้วยเมื่อบานสะพรั่ง ดังนั้นนางจึงทำเป็นตาบอดไม่รู้เรื่องราว! ศิษย์พี่ซ่ง ท่านเก็บรักษามันได้อย่างไรกัน?”

“ประเสริฐ! อืม มันควรเป็นเช่นนั้น” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

ความจริงแล้ว แม้ว่าดอกบัวจะต้องใช้เวลายาวนานมากกว่าร้อยปีเพื่อดูแลมันก่อนที่มันจะบานสะพรั่งได้ ภายในมิติลึกลับของเจ้าอ้วนนั้นเต็มไปด้วยปราณจิตวิญญาณแห่งองค์ประกอบธาตุทั้งห้าอย่างหนาแน่นเพื่อเลี้ยงดูมัน มันจะตอบแทนเจ้าอ้วนด้วยการมอบน้ำแห่งองค์ประกอบธาตุทั้งห้าออกมาอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นจึงทำให้การเจริญเติบโตของดอกบัวนี้รวดเร็วเพิ่มขึ้นอย่างมากจากที่ใช้เวลาหลักร้อยปีเหลือเพียงหลักสิบปีเท่านั้น