บทที่ 1062 มีปัญหาเล็กน้อย

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

เวลาสองทุ่มตรง..เครื่องบินส่วนตัวของหลิงหยุน ก็ได้ร่อนลงที่สนามบินนานาชาติปักกิ่งอย่างปลอดภัย
  หลิงหยุนตั้งใจที่จะมาให้ถึงปักกิ่งในช่วงกลางคืนเพื่อที่จะได้ไม่เป็นที่สนใจของผู้คน และก่อนจะขึ้นเครื่องหลิงซิ่วก็ได้แจ้งกำหนดการเดินทางให้ตระกูลหลิงรับทราบแล้ว หลิงลี่จึงได้ส่งรถสามคันมาคอยรับอยู่ที่สนามบินล่วงหน้า ทันทีที่ทุกคนลงจากเครื่อง ก็สามารถเดินทางออกจากสนามบินได้ในทันที..
  รถทั้งสามคันที่หลิงลี่ส่งมานั้นเป็นรถแวนเจ็ดที่นั่งสีดำ และทุกคันล้วนมีผ้าม่านติดอยู่รอบคัน!
  ระหว่างที่กำลังจะเดินออกจากห้องโดยสารของเครื่องบินส่วนตัวนั้นหลิงหยุนก็ได้หันไปสั่งเจสเตอร์กับพอล
  “พอล..เจสเตอร์.. พวกเจ้าสองคนพานักโทษทั้งสี่ไปขึ้นรถคันหนึ่ง!”
  “เอ็ดเวิร์ด..เจ้านำตัวเฉินเจี้ยนกุ่ยไปไว้ในรถอีกคัน!”
  และครั้งนี้..หลิงหยุนก็ได้พานักโทษทั้งห้ากลับมาปักกิ่งด้วย
  หลังจากสั่งการไปแล้วหลิงหยุนก็หันไปพูดกับหลิงซิ่ว “พี่หลิงซิ่ว.. ทำตามที่ได้ตกลงกันไว้ เจ้ากับเหล่ากุ่ยกลับไปตระกูลหลิงพร้อมกับนักโทษทั้งสี่คนก่อน พอลกับเจสเตอร์จะทำหน้าที่คุ้มครองพวกเจ้าเอง!”
  “หลังจากไปถึงตระกูลหลิงแล้วให้ขังพวกมันทั้งสี่คนไว้ที่คุกใต้ดินของตระกูลหลิง และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพอลกับเจสเตอร์เฝ้าดูแล อย่าให้มีอะไรผิดพลาดเด็ดขาด!”
  หลิงซิ่วพยักหน้า“เจ้าไม่ต้องห่วง!”
  หลิงหยุนนิ่งไปครู่หนึ่งจึงหันไปยิ้มให้หลิงซิ่วพร้อมกับพูดขึ้นว่า“พี่หลิงซิ่ว.. เจ้ากลับไปบอกท่านปู่ว่าไม่ต้องเป็นห่วงข้า ความแข็งแกร่งของข้าในเวลานี้ สามารถอยู่ปักกิ่งได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆแน่นอน!”
  หลิงซิ่วยิ้มและตอบไปว่า“เจ้าเองก็ต้องระมัดระวังตัวให้มาก! หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว ก็รีบกลับไปหาท่านปู่ทันทีล่ะ แล้วก็อย่างลืมเรื่องที่ข้าบอกเจ้าด้วย!”
  “ขอบคุณพี่หลิงซิ่ว..ข้าทราบ!”
  “เอาล่ะทุกคน..ไปกันได้แล้ว!”
  หลิงหยุนเดินนำทุกคนออกจากห้องโดยสารเครื่องบินส่วนตัวและเมื่อลงมาถึงด้านล่างเขาก็ชี้ไปที่รถแวนสีดำคันใหญ่ จากนั้นก็หันมาชี้เฉินเจี้ยนกุ่ย แล้วหันไปพูดกับเกาเทียนหลง
  “เทียนหลง..เจ้าขับคันนี้ไปพร้อมกับมัน และเอ็ดเวิร์ด!”
  จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปโบกมือลาหลิงซิ่วพร้อมกับกระโดดขึ้นไปนั่งในตำแหน่งคนขับของรถอีกคัน
  “พี่หลิงซิ่ว..ข้าไปก่อนล่ะ!”
  พูดจบหลิงหยุนก็เหยียบคันเร่งขับออกจากสนามบินทันทีส่วนเกาเทียนหลงก็ขับตามรถของหลิงหยุนออกไปติดๆ..
  หลังจากเห็นรถสีดำสองคันเคลื่อนออกไปแล้วหลิงซิ่วก็หันไปบอกกับเหล่ากุ่ยว่า “เหล่ากุ่ยพวกเราก็ไปกันได้แล้ว!”
  ส่วนชางจวินกับซวู่รุ่ยนักบินทั้งสองคนนั้นยังคงอยู่ที่สนามบินปักกิ่งเพื่อจัดการเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการใช้สนามบิน..
  “โอ้โห!นี่รึเมืองหลวงของประเทศจีน แสงไฟช่างน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก.. โอ้.. ดูไฟนั่นสิ!”
  นี่เป็นครั้งแรกที่โม่วู๋เตามาปักกิ่ง..แสงสี และไฟในเมืองจึงดึงดูดความสนใจของเขายิ่งนัก เขาจ้องมองพร้อมกับกรีดร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นตลอดทาง!
  หลิงหยุนที่กำลังขับรถอยู่จึงได้แต่หันไปมองโม่วู๋เตายิ้มๆพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ดูท่าเจ้าคงจะไม่เคยออกมาดูโลกภายนอกเลยสินะ!”
  ภายในรถที่หลิงหยุนขับนั้นนอกจากโม่วู๋เตาแล้ว ก็ยังมีฉินตงเฉี่วย เกาเฉินเฉิน แล้วก็เสี่ยวเม่ยเม่ย
  หลิงหยุนพามาได้เพียงแค่สี่คนเท่านั้นเพราะบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นเพิ่งจะเปิดกิจการไปไม่กี่วัน ถังเมิ่งจึงต้องอยู่ทำหน้าที่ดูแลกิจการ เขาจึงไม่พาถังเมิ่งมาด้วย
  ส่วนตี้เสี่ยวอู๋นั้นก็มีหน้าที่ต้องฝึกวิชาให้กับศิษย์สำนักหมอสวรรค์ทั้งเจ็ดสิบสองคนเขาจึงต้องอยู่ที่จิงฉูเช่นกัน
  เมื่อได้กลับมาปักกิ่งอีกครั้ง..เกาเฉินเฉินก็ได้แต่นั่งมองภาพปักกิ่งในยามค่ำคืนอยู่อย่างเงียบๆ หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงรีบพูดปลอบใจ เพราะรู้ดีว่านางกำลังเป็นกังวลในเรื่องใดอยู่
  “เฉินเฉิน..คุณอย่าได้กังวลใจไปเลย ครั้งนี้ผมสามารช่วยรักษาคนในตระกูลเกาได้อย่างแน่นอน!”
  เกาเฉินเฉินยังคงไม่พูดไม่จาเธอเพียงแค่พยักหน้า และยิ้มให้กับหลิงหยุนเท่านั้น..
  หลิงหยุนขับรถพาทุกคนมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของปักกิ่งเส้นทางนี้คือเส้นทางที่มุ่งหน้าไปสู่บ้านของตระกูลหลิง ซึ่งหลิงหยุนเคยมาอาศัยอยู่เมื่อครั้งก่อนหน้านี้
  ก่อนที่เกาเทียนหลงจะออกเดินทางไปเมืองจิงฉูนั้นคนของตระกูลเกาทั้งหมดได้ถูกย้ายมาไว้ที่บ้านหลังนี้ตามเดิม..
  ยี่สิบนาทีต่อมาหลิงหยุนก็ขับรถเข้าสู่ถนนวงแหวนที่ห้า และในเวลาสามทุ่มตรงรถของหลิงหยุนกับรถของเกาเทียนหลง ก็ขับเข้าไปจอดอยู่หน้าบ้าน แต่เวลานี้ประตูรั้วได้ถูกปิดไว้สนิท..
  “เอ็ดเวิร์ด..ไปนำตัวเฉินเจี้ยนกุ่ยลงมา!”
  หลิงหยุนหันมองไปรอบๆจากนั้นจึงพยักหน้าให้กับทุกคนเป็นการส่งสัญญาณ ส่วนตัวเขานั้นเอื้อมมือข้างหนึ่งไปโอบร่างของเกาเฉินเฉินไว้ ก่อนจะพากระโดดข้ามรั้วเข้าไปด้านใน..
  จากนั้นฉินตงเฉี่วยเสี่ยวเม่ยเม่ย โม่วู๋เตา และคนอื่นๆ ก็พากันกระโดดเข้าไปตาม หลิงหยุนเดินนำทุกคนเข้าไปยังห้องรับแขกพร้อมกับหันไปทางฉินตงเฉี่วย
  “น้าหญิง..ท่านรอข้าอยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะเข้าไปช่วยคนก่อน!”
  จากนั้น..หลิงหยุน เกาเฉินเฉิน และเกาเทียนหลง ก็พากันเดินไปที่สวนด้านนอกอีกครั้ง
  “เอาล่ะ..นี่ก็ยังไม่ดึกมาก พวกเรารีบลงไปห้องใต้ดินทำการรักษาให้กับทุกคนดีกว่า!”
  “เอ็ดเวิร์ด..เจ้าไปนำตัวเฉินเจี้ยนกุ่ยมาได้แล้ว”
  สิ่งแรกที่หลิงหยุนตั้งใจจะทำเมื่อมาถึงปักกิ่งก็คือการรักษาคนตระกูลเกา!
  เกาเฉินเฉินและเกาเทียนหลงแทบจะรอคอยต่อไปไม่ไหวทั้งคู่พยักหน้าแล้วรีบตามหลิงหยุนออกไปที่สวนด้านนอกทันที ทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังห้องใต้ดินซึ่งหลิงหยุนเคยวางค่ายกลไว้ และหากใครไม่รู้ก็จะไม่สามารถหาทางเข้าได้เจอ..
  “เอ็ดเวิร์ด..เจ้ากับเฉินเจี้ยนกุ่ยรอข้าอยู่ด้านนอกก่อน!”
  จากนั้นหลิงหยุนก็เดินนำเกาเฉินเฉินกับเกาเทียนหลงผ่านเข้าไปในค่ายกลและเดินลงไปยังห้องใต้ดินที่ภายในแยกย่อยเป็นห้องเล็กๆ อีกสองสามห้อง และเวลานี้คนของตระกูลเกาทั้งหมดก็ซ่อนตัวอยู่ที่นี่
  ท่ามกลางความมืดสนิท..เกาเฉินเฉินร้องตะโกนออกไปเสียงดัง..
  “ท่านปู่..ท่านพ่อ.. ท่านแม่.. หลิงหยุนมาช่วยพวกท่านแล้ว!”
  ทันทีที่สิ้นเสียงร้องตะโกนของเกาเฉินเฉินก็มีเสียงคนกระโดดออกมาจากห้องต่างๆ และเวลานี้คนตระกูลเกาก็พากันออกมายืนอยู่ที่โถงด้านนอกแล้ว
  แต่เมื่อหลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจดูเขาเองก็ถึงกับใจหาย..
  เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งเดือน..คนตระกูลเกาทั้งสิบคนที่ปรากฏตัวในยามค่ำคืนเช่นนี้ ได้กลายร่างเป็นแวมไพร์เต็มขั้น ดวงตาของทุกคนแดงก่ำราวกับสีเลือด ใบหน้ากลายเป็นสีเขียว ดูราวกับปีศาจที่หลุดออกมาจากขุมนรกก็ไม่ปาน!
  “ห๊ะ” novel-lucky
  แม้แต่เกาเฉินเฉินซึ่งเคยเห็นแวมไพร์มามากมายแต่เมื่อต้องเห็นคนในครอบครัวกลายร่างเป็นแวมไพร์เต็มขั้นเช่นนี้ เธอเองก็อดที่จะหวาดกลัวจนหน้าซีดเผือดไม่ได้..
  หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงรีบเอื้อมมือออกไปโอบเอวไว้ และถ่ายเทพลังปราณของตนเองลงไปในร่างของเกาเฉินเฉิน เพื่อให้เธอสามารถสงบจิตสงบใจลงได้..
  “ท่านปู่เกา..!”หลิงหยุนเอ่ยทักทายร่างสูงใหญ่ที่กำลังเดินออกมาพร้อมกับยิ้มให้..
  “หลิงหยุนเจ้ามาแล้วรึเข้ามาคุยกันข้างในสิ!”
  หลิงหยุนเกาเฉินเฉิน และเกาเทียนหลง เดินลงบันไดไปยังโถงกว้างในห้องใต้ดิน หลิงหยุนบอกให้เกาเฉินเฉินนั่งลงพร้อมกับพูดผ่านกระแสจิต
  -เฉินเฉิน..คุณไม่ต้องตกใจกลัว! ทุกคนล้วนเป็นคนในครอบครัวของคุณ ผมจะรักษาพวกเขาภายในคืนนี้เอง!–
  “ท่านปู่..ท่านพ่อ.. ท่านแม่..”
  เกาเฉินเฉินและเกาเทียนหลง ต่างก็เอ่ยทักทายญาติผู้ใหญ่ด้วยความรู้สึกที่เศร้าใจยิ่งนัก!
  ระหว่างที่หลิงหยุนกำลังยืนสำรวจคนตระกูลเกาอยู่เงียบๆก่อนที่จะลงมือทำการรักษานั้น เขาก็ได้ยินเกาเทียนหลงพูดขึ้นมาว่า
  “ท่านปู่..เฉินเจี้ยนกุ่ยศัตรูคู่แค้นของตระกูลเกา ถูกจับตัวมาที่นี่แล้ว และเวลานี้มันก็อยู่หน้าห้องใต้ดินนี่เอง!”
  “อะไรนะ!”
  เกาจิ้นสงที่นั่งอยู่นั้นถึงกับลุกพรวดขึ้นมาทันทีและดูจากสีหน้าท่าทางของเขาแล้ว เกาจิ้นสงคงแทบอยากจะพุ่งออกไปแก้แค้นเฉินเจี้ยนกุ่ยในตอนนี้!
  แต่หลิงหยุนรีบห้ามไว้“ท่านปู่เกา.. เวลานี้พวกท่านยังไม่ปลอดภัยจากการควบคุมของมัน ข้าไม่มั่นใจว่าพลังอำนาจของมันจะมีผลต่อพวกท่านมากน้อยเพียงใด..”
  แม้ว่าเฉินเจี้ยนกุ่ยจะถูกทรมานจนเหลือเพียงลมหายใจระรวยแต่คนตระกูลเกาล้วนได้รับเลือดของเฉินเจี้ยนกุ่ยเข้าไปจนกลายเป็นบริวารของมัน หากให้เฉินเจี้ยนกุ่ยเข้ามาตอนนี้ หลิงหยุนเกรงว่าจะเกิดปัญหาขึ้น!
  -ท่านปู่ได้โปรดสงบจิตสงบใจก่อน..ข้ามาที่นี่คืนนี้ก็เพื่อทำการรักษาทุกท่าน ส่วนเรื่องการแก้แค้นนั้น เมื่อพวกท่านหายดีเมื่อไหร่ ค่อยแก้แค้นมันก็ยังไม่สาย!-
  หลิงหยุนเตือนเกาจิ้นสงผ่านกระแสจิตแต่จากแววตาของเกาจิ้นสงนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมเปลี่ยนใจ และคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
  หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า‘ดูท่าเฒ่าเกาผู้นี้กำลังคิดที่จะกระทำการอะไรบางอย่างอยู่สินะ!’
  และหลิงหยุนก็คาดเดาไม่ผิด..เขาเห็นเกาจิ้นสงลังเลอยู่นาน ในที่สุดก็พูดขึ้นว่า “หลิงหยุน.. ข้ากลายเป็นแวมไพร์มากว่าหนึ่งเดือนแล้ว และรู้สึกว่าเวลานี้จิตใจของข้าอยู่ในขั้นที่ควบคุมตัวเองได้ เจ้ารักษาให้กับพวกเขาก่อน ยังไม่ต้องรักษาให้กับข้า!”
  “อะไรนะ”
  “ท่านปู่”
  “ท่านพ่อ..”
  เมื่อได้ฟังเกาจิ้นสงพูดเช่นนั้นทั้งเกาเฉินเฉิน เกาเทียนหลง และเกาซิงฉาง ต่างก็พากันร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ จากนั้นก็นิ่งอึ้งไป..
  หลิงหยุนเองก็ถึงกับถอนหายใจออกมาเช่นกัน..
  การเป็นแวมไพร์นั้นแม้ว่าจะมีข้อเสียอยู่มากแต่ก็มีข้อดีไม่น้อยเช่นกัน อย่างน้อยร่างของแวมไพร์ก็เป็นร่างที่สามารถมีชีวิตยืนยาวได้ หรือไม่ก็ไม่มีวันตายหากไม่พบเจอศัตรูที่เก่งกาจ!
  ยากนักที่มนุษย์ปกติจะสามารถมีชีวิตที่ยืนยาวได้เช่นแวมไพร์!
  เวลานี้เกาจิ้นสงมีอายุแปดสิบปีแล้วหากรักษาหายและกลายเป็นมนุษย์เช่นเดิม ต่อให้อยู่ในขั้นเซียงเทียนก็คงอยู่ได้นานที่สุดเพียงแค่สามสิบปี!
  นั่นไม่สามารถเทียบได้กับชีวิตที่ยืนยาวของแวมไพร์เลยแม้แต่น้อย..
  หลิงหยุนรู้ดีว่าเกาจิ้นสงกำลังคิดอะไรอยู่จึงได้แต่พูดขึ้นว่า “ท่านปู่.. ความคิดของท่านนั้นข้าเข้าใจดี แต่ท่านต้องไตร่ตรองให้ดี หากเฉินเจี้ยนกุ่ยตายไป แล้วตัวท่านเล่าจะเป็นเช่นใด”
  เกาจิ้นสงจะไม่ตายตามไปงั้นหรือ
  เกาจิ้นสงได้ฟังก็ถึงกับมีท่าทีลังเลขึ้นมาทันที..
  “ท่านปู่ได้โปรดทบทวนด้วย..”
  “ท่านปู่ได้โปรดเปลี่ยนใจเถิด!”
  คนตระกูลเกาทุกคนต่างก็คุกเข่าลงกับพื้นเพื่อขอร้องให้เกาจิ้นสงทบทวน และเปลี่ยนความคิดใหม่!
  ในเวลานั้นหลิงหยุนเองก็ได้เปิดจิตหยั่งรู้ขึ้นมาจับไว้ที่ร่างของเกาจิ้นสงและพบว่าเกาจิ้นสงมีท่าทีผิดปกติคล้ายกำลังจะเคลื่อนไหว หลิงหยุนจ้องเกาจิ้นสงนิ่งในระหว่างที่กำลังรอให้เขาเปลี่ยนใจอยู่
  ดวงตาแดงก่ำราวกับเลือดของเกาจิ้นสงเองก็จับจ้องอยู่ที่ร่างของหลิงหยุนเช่นกัน..
  เกาจิ้นสงนั้นรู้ว่าครั้งนี้หลิงหยุนจะต้องสามารถรักษาคนตระกูลเกาได้เขาจึงต้องการที่จะหนีออกไป แต่ก็รู้ว่ายากนักที่จะผ่านหลิงหยุนไปได้..
  แต่ดูเหมือนว่าหลิงหยุนจะเข้าใจความคิดของเกาจิ้นสงดีเขาจึงได้บอกกับเกาจิ้นสงผ่านกระแสจิตอีกครั้ง
  -ท่านปู่เกา..ได้โปรดเปลี่ยนใจเถิด! หากท่านต้องการมีชีวิตนิรันดร์ ข้าย่อมมีหนทางอื่น!–