“คุณชายของพวกเจ้าเขียนเองใช่หรือไม่” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวถามด้วยเสียงต่ำ 

 

 

คนใช้พยักหน้า กล่าวตอบด้วยความเคารพว่า “วันนี้ตอนเช้าคุณชายได้รับข่าวแล้ว หลังจากเขียนจดหมายส่งให้ข้า ก็นำทุกคนในจวนไปจวนจูทันที” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวกับเมิ่งฉีว่า “พี่รอง เจ้าใช้คนไปเรียกซ้อใหญ่มา ให้นางมาดูแลจางลี่สองแม่ลูก ข้ามีเรื่องออกไปข้างนอก” 

 

 

เมิ่งฉีรีบสั่งออกไป 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันหลังกลับเข้าไปในห้องด้วยสีหน้าเรียบๆ กล่าวกับจางหลี่ด้วยรอยยิ้มว่า “หลี่เอ๋อร์ ข้ามีเรื่องออกไปสักพัก เดี๋ยวให้ซ้อใหญ่จะมาดูแลพวกเจ้า” 

 

 

จางลี่กล่าวตอบว่า “เจ้าไปธุระของเจ้าเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงพวกข้า พวกข้าจะทานยาให้ตรงเวลาแน่นอน” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า หันหลัง รอยยิ้มบนใบหน้าหายไป เดินออกไป 

 

 

ชิงหลวนและจูหลีตามหลัง 

 

 

“พี่รอง ดูแลพวกเขาให้ดี ข้าจะกลับมาให้เร็วที่สุด” เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปด้วยกล่าวกับเมิ่งฉีที่ยืนอยู่ในเรือนไปด้วย 

 

 

เมิ่งฉีอ้าปาก อยากจะถามอะไร เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบจดหมายในมือยื่นให้เขา 

 

 

เห็นคำว่า ‘ช่วยด้วย’ บนกระดาษแล้ว เมิ่งฉีกลืนคำถามที่จะถามลงไป กำชับด้วยเสียงต่ำว่า “ระวังตัวด้วย” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรับคำสั่ง คนก็เดินออกมาด้านนอกเรือนแล้ว 

 

 

ซุนเชี่ยนฟังคำรายงานของคนใช้แล้วรีบเดินมาฝั่งนี้ ระหว่างทางเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวทั้งสาม กล่าวถามว่า “น้องเล็ก เกิดอะไรขึ้นหรือ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาข้างๆ นาง และหยุดเดิน กล่าวว่า “จูหลานมีอันตราย ข้าต้องรีบไปช่วยเขา เจ้าดูแลพวกเขาสองแม่ลูกให้ดี” 

 

 

ซุนเชี่ยนรีบพยักหน้า รีบไปดูแลจางลี่สองแม่ลูก 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้ามาในจวน ตรงไปที่บ้านพักคนงาน ตรัสสั่งเหวินเปียว “เหวินเปียว รวบรวมพี่น้องของเจ้าทุกคน ตามข้าไปทำเรื่องหนึ่ง” 

 

 

พี่น้องสำนักคุ้มภัยพวกนี้ อยู่ฟรีกินฟรีมาหลายวัน ในใจรู้สึกเกรงใจมานานแล้ว ได้ยินว่ามีเรื่องต้องการให้พวกเขาช่วย ต่างคนต่างออกมานอกห้องทันที ยืนในเรือน รอคำสั่งของเมิ่งเชี่ยนโยว 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกวาดสายตามองพวกเขาหนึ่งรอบ กล่าวว่า “เพื่อนของข้าเกิดเรื่อง ต้องการให้ข้าไปช่วย เรื่องวันนี้อาจมีอันตรายเล็กน้อย พวกเจ้าไม่ใช่คนของข้า เลือกที่จะไม่ไปได้” 

 

 

“แม่นางพูดอะไรเช่นนี้ ท่านไม่เพียงช่วยครอบครัวเจ้านายของพวกข้า ยังช่วยพวกข้า พวกข้าไม่สามารถเป็นคนลืมพระคุณแบบนั้นได้ มีเรื่องอะไรสั่งได้เลย” เหวินหยวนกล่าว 

 

 

คนอื่นๆ ล้วนเห็นด้วย 

 

 

“ได้” เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่พูดอะไรไร้สาระอีก กล่าวออกมาตรงๆ ว่า “น้ำใจของทุกท่านข้าจะจำไว้ ต่อไปจะต้องตอบแทนพวกเจ้าแน่นอน ตอนนี้ พวกเจ้าไปจูงม้าทุกตัวในเรือนไปนอกประตู รอไว้” 

 

 

ทุกคนรับคำสั่ง 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันหลังออกจากเรือนฝั่งนี้ ไปเรือนทหารองครักษ์ ตรัสสั่งตรงๆ ว่า “ทุกคนไปอำเภอกับข้า” 

 

 

ทหารองครักษ์ทุกคนเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของนาง รู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว ไม่กล้าชักช้า ทุกคนเดินตามหลังนาง ออกจากเรือน มาถึงหน้าประตูใหญ่ 

 

 

คนสำนักคุ้มภัยจูงม้ามาเรียบร้อยแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งบนรถม้าคันหน้าสุดที่เหวินเปียวขี่ คนที่เหลือทุกคนนั่งบนรถม้าคันอื่น 

 

 

เหวินเปียวยกแส้ขึ้น ตีม้าหนึ่งที ม้าเจ็บ วิ่งขึ้นมาทันที รถม้าคันอื่นๆ ตามหลังมาเรื่อยๆ  

 

 

รู้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวร้อนใจ เหวินเปียวเร่งม้าวิ่งไม่หยุดตลอดทาง ใช้เวลาไม่ถึงสี่ชั่วโมงก็ถึงอำเภอ 

 

 

“ไปจวนจู” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวด้วยเสียงเย็นชา 

 

 

เหวินเปียวรู้จักทาง ตรงมาถึงจวนจู 

 

 

หน้าประตูจวนจูเต็มไปด้วยผู้คนไม่น้อยที่มามุงดู เห็นรถม้าสิบกว่าคันหยุดจอดตรงนี้ ในใจอยากรู้อยากเห็น แต่ก็ค่อยๆ ขยับทางให้ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้า มาถึงหน้าประตูจวนจูด้วยสีหน้าเคร่งเครียด 

 

 

เซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนนำคนไม่น้อยยืนอยู่ที่หน้าประตู เผชิญหน้ากับคนใช้ของทางการสิบกว่าคนที่ถือมีดใหญ่ไว้ในมือ เเมื่อห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเดินมา ทั้งสองรีบเดินไปข้างหน้านาง เซี่ยเจียงเฟิงรีบกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ข้าได้รับข่าว ว่าหลังจากจางลี่สองแม่ลูกหายตัวไป เฉียวหมิ่นก็ทำร้ายจูหลาน…” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยกมือห้ามเขาพูดต่อไป เดินไปข้างหน้าคนใช้ของทางการทั้งหลาย ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ปีใหม่แล้ว ข้ามาสวัสดีปีใหม่ท่านลุง ท่านป้า ทุกท่านช่วยผ่อนผันหน่อยได้หรือไม่ เปิดทาง ให้ข้าเข้าไป” 

 

 

คนนำคนใช้ของทางการคนหนึ่งมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า ตะคอกว่า “ผู้ว่าการเขต มีคำสั่งให้ข้าทั้งหลายเฝ้าจวนจูให้ดี ห้ามคนเข้าออกเด็ดขาด” 

 

 

“ไม่ทราบว่าคนจวนจูนี้ทำผิดอันใด ผู้ว่าการเขตจึงต้องทำอย่างนี้กับพวกเขา” รอยยิ้มของเมิ่งเชี่ยนโยวไม่เปลี่ยน เสียงดังขึ้น กล่าวถามด้วยความสงสัย 

 

 

คนใช้ของทางการหมุนมีดใหญ่ในมือไปมา ข่มขู่นาง “ช่างกล้านัก นี่เป็นเรื่องที่เจ้าสามารถถามได้หรือ รีบออกไป ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่เกรงใจเจ้าแล้ว” 

 

 

“โอ้ ไม่ทราบว่าท่านจะไม่เกรงใจด้วยวิธีไหน” เมิ่งเชี่ยนโยวถามกลับด้วยรอยยิ้ม 

 

 

คนใช้ของทางการหมุนมีดใหญ่ในมือเร็วขึ้น ขู่ว่า “จับกุมทั้งหมดเข้าคุก” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพยักหน้า “ดีมาก อาหารทุกอย่างข้าเคยกินมาหมดแล้ว แต่ไม่เคยกินอาหารในคุกเลย ข้าอยากลองชิมดูจริงๆ” 

 

 

คนใช้ของทางการไม่คิดว่านางจะพูดแบบนี้ หยุดชะงักไป “เจ้า…” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขยับถอยหลังไปไม่กี่ก้าว พูดสั่งด้วยรอยยิ้มว่า “สิบห้านาที” 

 

 

ผู้คนที่มามุงดูไม่รู้ว่าคำพูดของนางหมายความว่าอย่างไร ระหว่างที่ไม่เข้าใจ เหวินเปียวนำคนสำนักคุ้มภัยมุ่งไปที่คนใช้ของทางการ 

 

 

ทหารองครักษ์ก็อยากต่อสู้ แต่ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือห้ามไว้ 

 

 

คนที่มามุงดูเห็นคนต่อสู้กัน กลัวว่าตนจะโดนลูกหลง ค่อยๆ ขยับถอยหลังกัน ถอยไปจนถึงจุดที่ปลอดภัย พินิจพิเคราะห์เมิ่งเชี่ยนโยว คาดเดาฐานะของนาง 

 

 

คนใช้ที่เซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนพามาก็ขยับถอยหลังเช่นกัน เพราะว่าพวกเขาไม่มีศิลปะการต่อสู้ มองดูคนใช้ของทางการหมุนมีดใหญ่ผ่าลงไปทางพี่น้องสำนักคุ้มภัย ในใจก็เกิดความกลัวมาก 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยืนตรงไม่ขยับ เซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนยืนอยู่ข้างๆ นาง 

 

 

ปกติคนใช้ของทางการมีศิลปะการต่อสู้เพียงเล็กน้อย และปกติก็ทำได้แค่ขู่ประชาชนที่ไม่มีอาวุธ ต่อหน้าคนสำนักคุ้มภัยที่คุ้มภัยมานานหลายปี ก็ไม่มีอะไรเลย ธูปครึ่งดอกยังไม่ทันดับ ก็ถูกจัดการหมดแน่ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าไปในจวนจู พูดสั่งเหวินเปียวด้วยเสียงเย็นชาว่า “ดูไว้ให้ดี ห้ามปล่อยไปแม้แต่คนเดียว” 

 

 

เหวินเปียวเหยียบลงบนตัวคนใช้ของทางการคนหนึ่งแล้วรับคำสั่ง 

 

 

ชิงหลวนและจูหลีเดินตามหลังนาง 

 

 

เซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนก็เดินตาม 

 

 

ทหารองครักษ์เดินตามหลังสุด 

 

 

ประตูใหญ่จวนจูปิดแน่น เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปถึงข้างหน้า เตะประตูออก เดินเข้าไป 

 

 

ในเรือนเงียบสงบ เงียบจนผิดปกติ 

 

 

ชิงหลวนและจูหลีรู้สึกถึงความผิดปกตินี้ รวบรวมสติขึ้นมาทันที 

 

 

ขาของเมิ่งเชี่ยนโยวหยุดชะงักไป แล้วเดินหน้าต่อไป 

 

 

มีหนึ่งคนกระโดดออกมาจากมุมอับในความมืดในเรือน แทงดาบยาวมาทางเมิ่งเชี่ยนโยว 

 

 

ชิงหลวนดึงดาบบนเอวออกมารับมือ 

 

 

“ปกป้องคุณชายเซี่ยและคุณชายอันให้ดี” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดสั่งโดยไม่หยุดเดิน 

 

 

ทหารองครักษ์หลายคนเดินหน้าออกมา ปกป้องอยู่ข้างๆ ทั้งสอง 

 

 

มีอีกคนกระโดดออกมา จูหลีก็ดึงดาบที่เอวออกมารับมือ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินตรงไปที่เรือนของจูหลาน 

 

 

มีคนหลายคนกระโดดออกมาพร้อมกัน แทงดาบคมในมือภายใต้แสงแดดทำให้เกิดแสงแห่งความเยือกเย็นมาทางเมิ่งเชี่ยนโยว 

 

 

ทหารองครักษ์หลายสิบคนออกมาบังหน้านางไว้ทันที 

 

 

คิ้วของเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ขมวดแม้แต่น้อย เดินหน้าต่อไป เดินไปด้วยตรัสสั่งไปด้วย “เหลือลมหายใจไว้” 

 

 

ตั้งแต่ประตูใหญ่จนถึงเรือนจูหลาน มีคนกระโดดออกมาสิบกว่าคน ที่ต้องการฆ่าเมิ่งเชี่ยนโยว ถูกทหารองครักษ์ขวางไว้ 

 

 

เสียงต่อสู้ดังจากหน้าประตูใหญ่จนถึงในเรือนจูหลาน 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยืนนิ่งอยู่กลางเรือนของจูหลาน อยากฟังเสียงเคลื่อนไหวภายในห้องจูหลาน 

 

 

เหมือนรู้ว่านางมาแล้ว เสียงแหบอันไม่น่าฟังของเฉียวหมิ่นดังออกมาจากในห้อง “เมิ่งเชี่ยนโยว เจ้าคนชั่ว ทำไมเดินถึงหน้าประตูแล้ว ไม่กล้าเข้ามา” 

 

 

นางพูดจบ เสียงแหบของจูหลานก็ดังขึ้นมา “อย่าเข้ามา” พูดจบ ไม่รู้ว่าโดนทำร้ายอะไร ร้องเสียงโอดโอยออกมา 

 

 

เสียงของเฉียวหมิ่นดังขึ้นมาอีกครั้ง “ทำไม กลัวนางเห็นเจ้าแบบนี้แล้วปวดใจ ข้าจะบอกเจ้า ข้าต้องการให้นางเห็นเจ้าแบบนี้ตอนนี้ นางเป็นคนดีบริสุทธิ์ไม่ใช่หรือ นางจะแต่งเข้าตระกูลอ๋องไม่ใช่หรือ ข้าจะดูซิ นางเห็นร่างของชายอื่นแล้ว ยังจะมีคนยอมรับนางอยู่หรือไม่” 

 

 

“เจ้ามันชั่วจริงๆ เจ้าไม่ตายดีแน่” จูหลานด่าด้วยความโมโห 

 

 

เฉียวหมิ่นหัวเราะออกมา “วางใจเถิด ข้าไม่ตายดี ก็จะลากเจ้าไปเป็นเบาะรองให้ข้า” พูดจบ กล่าวกับคนด้านนอกว่า “ทำไม กลัวแล้วหรือ ไม่กล้าเข้ามาแล้วหรือ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก้าวเดินหน้าอย่างไม่ลังเล เตะประตูออก เดินเข้าไป 

 

 

เซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนที่ถูกทหารองครักษ์คุ้มกันไว้ก็เดินตามเข้าไป เห็นสถานการณ์ข้างใน ตกใจกันใหญ่ รีบขยับขาไปบังหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวไว้ ด่าออกมาด้วยความโมโหว่า “เฉียวหมิ่น เจ้ามันบ้าไปแล้ว” 

 

 

เฉียวหมิ่นหัวเราะเสียงดังออกมา หลังจากหัวเราะเสร็จ จึงกล่าวด้วยเสียงเยือกเย็นว่า “ใช่ ข้าบ้าไปแล้ว เพราะพวกเจ้าทำให้ข้าบ้า พวกเจ้ามองนางทำลายใบหน้าของข้าต่อหน้าต่อตา ส่งข้าไปโรงเตี๊ยมของขุนนาง ทำให้ข้าถูกทำร้ายมากมายทุกวัน แต่ไม่มีใครคิดจะช่วย” 

 

 

“นั่นเพราะเจ้าหาเรื่องใส่ตัวเอง โทษใครไม่ได้” อันอี่หยวนกล่าวด้วยความโกรธ 

 

 

“ข้าหาเรื่องใส่ตัวเอง ข้าแค่อยากแต่งงานเป็นภรรยาของเขา ผิดตรงไหน” เฉียวหมิ่นกล่าวถามด้วยความโกรธ 

 

 

“เจ้าอยากแต่งงานเป็นภรรยาของเขาไม่ผิด ผิดที่เจ้าใช้วิธีที่ผิด ทั้งๆ ที่เจ้าสามารถแต่งเข้าจวนจูอย่างแน่นอน ใช้ชีวิตกับเขาไปจนแก่เฒ่า แต่เจ้าทำลายทั้งหมดด้วยมือของเจ้าเอง” เมิ่งเชี่ยนโยวที่ยืนอยู่ข้างหลังทั้งสองกล่าวออกมา 

 

 

“พูดจาเหลวไหล เป็นเพราะเจ้า เจ้าทำลายทุกสิ่งของข้า หากเจ้าไม่ปรากฏตัวออกมา ข้าจะอิจฉาได้อย่างไร จะถูกทำลายใบหน้าได้อย่างไร ถูกส่งไปโรงเตี๊ยมเพราะเจ้า ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเจ้า” เฉียวหมิ่นคลั่งร้องออกมาเสียงดัง 

 

 

“เจ้าผิดแล้ว เจ้ามีวันนี้ไม่ใช่เพราะข้า แต่เป็นเพราะเจ้าทำขึ้นมาเอง เจ้าใจแคบ แม้ว่าข้าไม่ปรากฏตัวออกมา ก็ยังมีคนอื่นปรากฏตัวออกมา เจ้าก็จบไม่ดีเหมือนกันแน่นอน” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว 

 

 

เฉียวหมิ่นหัวเราะออกมาเสียงดัง “ข้าตีสองแม่ลูกนั้นตาย ได้จูหลานมา แม้ว่าจะจบไม่ดีแล้วจะทำไม อย่างไรก็มีพวกเขาเป็นเพื่อนข้า เส้นทางไปอีกโลกของข้าก็ไม่เหงาแล้ว” 

 

 

“ใช่หรือ เกรงว่าแผนของเจ้าจะไม่เกิดขึ้นแล้ว ตอนนี้ลี่เอ๋อร์และเสี่ยวเอ๋อร์ยังมีชีวิตอยู่ดี” 

 

 

เฉียวหมิ่นหยุดหัวเราะ ตาโต มีอาการคลั่งและกล่าวอย่างไม่เชื่อว่า “เป็นไปไม่ได้ สองแม่ลูกชั่วนั่นยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ข้าไม่เชื่อ” 

 

 

พูดจบ กดมีดที่วางไว้บนคอของจูหลานแรงขึ้นอีก กล่าวว่า “เมิ่งเชี่ยนโยว ข้านับหนึ่ง สอง สาม หากเจ้ายังหลบอยู่หลังพวกเขา ข้าจะฆ่าเขาทันที” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวผลักร่างของเซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนออก ยืนอยู่ข้างหน้าจูหลานและเฉียวหมิ่น “ไม่ต้องนับแล้ว” 

 

 

เฉียวหมิ่นหัวเราะออกมาเบาๆ อีกมือลูบผ่านรอยกัดทั้งตัวของจูหลาน รอยขีดข่วน รอยบวมแดงทั่วครึ่งตัวบน มองเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยความยั่วยุ “เป็นอย่างไร พอใจกับร่างกายของจูหลานหรือไม่ ช่างน่าเสียดาย เจ้าหวังไว้ตั้งนาน แต่กลับยกให้คนอื่น เจ้าไม่รู้ว่าร่างนี้ของเขาทำให้คนรู้สึกดีมากแค่ไหน ทำให้ข้าขึ้นสวรรค์ได้ทุกครั้ง” 

 

 

“เจ้าหุบปาก” จูหลานที่ถูกมัดไว้บนเตียง ขยับไม่ได้ตะคอกออกมาเสียงดังด้วยความโมโห 

 

 

เฉียวหมิ่นหัวเราะหึๆ ฟังระดับเสียงแล้ว ยิ่งทำให้เสียงปานล่อแตกของนางยิ่งแหบไม่น่าฟังมากขึ้นไปอีก “นี่ อายจนโมโหไปแล้วหรือ ข้าแค่รู้สึกว่าคนรักเก่าของเจ้าคนนี้คิดถึงเจ้ามานานหลายปี แต่ไม่ได้ครอบครองเจ้า ก็เลยใจดีช่วยนางหน่อย” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ถูกกระตุ้นให้ตกใจแม้แต่น้อยกับภาพตรงหน้า ยิ้มออกมา กล่าวว่า “แท้จริงแล้วคุณหญิงเฉียวมีความชอบแปลกๆ แบบนี้นี่เอง ชอบบังคับผู้ชาย ดูท่าทางตอนที่อยู่โรงเตี๊ยมคงโดนสั่งสอนมาไม่น้อย” 

 

 

นางพูดจบ ภาพที่ถูกทำร้ายร่างกายในแต่ละวันก็ผุดขึ้นมาทันที เฉียวหมิ่นร้องเสียงดังโวยวายออกมา “เจ้าหุบปาก ไม่ ไม่” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะอีกครั้ง กล่าวว่า “คุณหญิงเฉียวจะปิดบังไปทำไม ดูท่าทางของเจ้าแล้ว เคยมีลูกมาก่อนแล้วแน่นอน ไม่ทราบว่าพ่อของลูกคือใครหรือ” 

 

 

ประโยคนี้ กระตุ้นเฉียวหมิ่นอย่างหนัก ความทรงจำที่ไม่น่าจดจำในทุกคืนวันที่ผ่านมาพวกนั้นได้ผุดขึ้นมาอีกครั้ง คลั่งขึ้นมา มีดที่วางไว้บนคอของจูหลานก็ขยับตามไปมา “พวกเขาบังคับข้าทั้งนั้น ข้าไม่ได้ยินยอม ในใจข้ามีแค่จูหลานคนเดียว ข้ายอมมีลูกกับเขาแค่คนเดียว” 

 

 

มองมีดขยับไปมา ใจของเซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนก็สั่นไปด้วย 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเพ่งมองการเคลื่อนไหวของนางอย่างตั้งใจ แต่ปากก็ยังคงเหน็บแนมกล่าวถามนางต่อ “ออ ใช่หรือ คุณหญิงเฉียวไม่ได้มีความสุขในนั้นจริงๆ หรือ หากเจ้าใช้ความตายขู่ กลัวว่าคงไม่มีใครกล้าทำอะไรเจ้าหรอกใช่หรือไม่” 

 

 

เฉียวหมิ่นคลั่งไปแล้วจริงๆ ตะโกนโวยวายเสียงดังออกมา มืออีกข้างปิดหูตัวเองส่ายหัวไปมา “เจ้าหุบปาก ห้ามพูดอะไรอีก” 

 

 

ขณะนั้นเอง สายตาเยือกเย็นของเมิ่งเชี่ยนโยวผ่านไป ปล่อยมีดสั้นในมือออกมาอย่างรวดเร็ว แทงตรงเข้าไปที่แขนที่เฉียวหมิ่นถือมีดไว้ ในเวลาเดียวกันคนก็มาถึงข้างหน้าเฉียวหมิ่นอย่างรวดเร็ว 

 

 

แขนถูกแทง มีดที่ถือไว้ตกลงมาบนตัวจูหลาน เสียงร้องเจ็บปวดยังไม่ทันร้องออกมา ก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวเตะออกไปทันที 

 

 

เซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนมาถึงข้างเตียงในเวลาใกล้เคียงกัน หยิบผ้าห่มข้างๆ มา ห่มปิดร่างที่เปลือยเปล่าของจูหลาน 

 

 

เฉียวหมิ่นถูกเตะออกไป ชนกับผนังห้อง แล้วเด้งกลับมา ตกลงบนพื้นอย่างแรง เลือดพุ่งออกมาจากปาก ไม่ขยับสักพัก 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้สนใจนาง เดินมาข้างเตียง มองจูหลานที่ถูกทรมานจนไม่เหมือนผู้เหมือนคน กล่าวถามว่า “ท่านลุง ท่านป้าล่ะ” 

 

 

จูหลานส่ายหัวไปมาด้วยความเจ็บปวด “ข้าไม่รู้ ข้าไม่ได้พบพวกท่านหลายวันแล้ว” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันหลังเดินออกไป “ลี่เอ๋อร์และเสี่ยวเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง” 

 

 

สายตาของจูหลานแสดงความดีใจออกมา 

 

 

เซี่ยเจียงเฟิงและอันอี่หยวนไม่ได้ตามออกไป มองเมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกไปไกลแล้ว จึงรีบช่วยกันแกะเชือกที่มัดจูหลานไว้ พยุงเขาขึ้นมา ช่วยเขาสวมใส่เสื้อผ้า 

 

 

ตลอดการช่วยเหลือ จูหลานทำได้แค่หายใจแรงๆ ปล่อยให้พวกเขาช่วยตนอย่างไร้เรี่ยวแรง 

 

 

มีทหารองครักษ์สองคนเดินเข้ามา ลากตัวเฉียวหมิ่นที่อยู่บนพื้นออกมาข้างนอก โยนไปข้างหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว 

 

 

“ท่านลุงและท่านป้าล่ะ” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวถามด้วยเสียงต่ำ 

 

 

เฉียวหมิ่นไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ  

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเหยียบขาข้างหนึ่งบนตัวนาง กล่าวถามอีกครั้ง “คนล่ะ” 

 

 

เลือดในปากของเฉียวหมิ่นยิ่งไหลออกมาเยอะมากขึ้น แต่ก็ยังคงไม่พูดอะไร ได้แต่มองนางด้วยความเคียดแค้น 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเหยียบแรงขึ้นอีก ใบหน้าของเฉียวหมิ่นแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกำลังจะกล่าวถามอีกครั้ง เสียงต่อสู้ด้านนอกหยุดลง ทหารองครักษ์ทุกคนค่อยๆ ขยับกลับมาเตรียมพร้อมในเรือน 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวค่อยๆ กระพริบตา 

 

 

เสียงของชายคมคนหนึ่งดังขึ้นมา “แม่นางเมิ่ง ออกมาพบกันหน่อย” 

 

 

ชิงหลวนและจูหลีกระโดดมาอยู่ข้างนาง เรียกด้วยเสียงต่ำว่า “นายหญิง” เหมือนกับจะห้ามนางออกไป 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ ห้ามพวกนางพูดต่อ เดินผ่านทหารองครักษ์อย่างไม่รีบร้อน มาถึงนอกเรือน 

 

 

เห็นแค่คนใช้ของทางการที่ยืนถือคันธนูและลูกศรยืนเรียงกันเป็นแถว ลูกศรอยู่บนคันธนู เตรียมยิง และคนที่อยู่ข้างหน้าคนพวกนี้ คือคนที่มีหน้าตาอัปลักษณ์คนหนึ่ง ชายที่สวมใส่ชุดขุนนาง เห็นนางออกมา ยิ้มออกมาเล็กน้อย กล่าวว่า “ได้ยินชื่อเสียงของแม่นางมานาน วันนี้ได้พบ เป็นหญิงที่เป็นแบบอย่างของสตรีจริงๆ ทำให้ข้าน้อยรู้สึกชื่นชมจริงๆ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย กล่าวตอบกลับไปอย่างเรียบๆ ว่า “ท่านชมเกินไปแล้ว ข้าไม่กล้ารับไว้จริงๆ” 

 

 

ชายหนุ่มหัวเราะออกมา “แม่นางเมิ่งเหมือนกับข่าวลือจริงๆ แต่ว่าช่างน่าเสียดาย ตั้งแต่วันนี้ กลัวว่าบนโลกนี้จะไม่มีคนอย่างแม่นางเมิ่งอีกต่อไปแล้ว” 

 

 

“งั้นหรือ” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวถามกลับไปด้วยความไม่เข้าใจ “ทำไมท่านถึงกล่าวเช่นนี้” 

 

 

“คนฉลาดอย่างแม่นางเมิ่ง จะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าที่ข้าพูดหมายความว่าอะไร” ชายหนุ่มกล่าวถามกลับไปด้วยรอยยิ้ม 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ยิ้มรับคำ “ข้าไม่รู้จริงๆ หวังให้ท่านช่วยอธิบายให้ข้าฟัง” 

 

 

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะอธิบายให้เจ้าฟัง ให้เจ้าตายไปอย่างเข้าใจ” ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้มไม่เต็มใจ 

 

 

“เชิญท่านพูด” เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงกล่าวกลับไปด้วยรอยยิ้ม 

 

 

“จวนจูได้ทำผิดอย่างร้ายแรง ข้าได้สั่งคนปิดแล้ว ห้ามคนเข้าออกเด็ดขาด แต่แม่นางเมิ่งกลับทำร้ายคนใช้ของทางการโดยพลการ บุกเข้ามา มีโทษผิดถึงขั้นโดนประหาร”