บทที่ 1259 เปลืองอารมณ์ / บทที่ 1260 ถือว่าเธอโชคดี

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1259 เปลืองอารมณ์

ดูจากความทรงจำที่ผุดขึ้นมาก่อนหน้านี้ เธอกับคุณตาน่าจะเป็นคนจีน อีกอย่างคุณตาก็บอกเธอชัดเจนว่าพ่อแม่เธอตายไปแล้ว

แต่เมื่อครู่ ชายฉกรรจ์คนนี้กลับบอกว่าแบดเจอร์แห่งพันธมิตรอู๋เว่ยหายตัวไปตั้งแต่กลับไปเยี่ยมพ่อแม่ในรัฐอิสระ

พ่อแม่ของแบดเจอร์ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยยังอยู่ แต่ตามที่คุณตาบอก พ่อแม่ของเธอตายไปนานแล้ว ฉะนั้นดูยังไงเธอกับแบดเจอร์ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยก็ไม่น่าจะเป็นคนคนเดียวกันได้

“หัวหน้า…หัวหน้าก็คือหัวหน้าของพวกเรา…” ชายฉกรรจ์ที่เป็นหัวหน้ากอดขาเยี่ยหวันหวั่น เหมือนไม่ยอมปล่อยเด็ดขาด

“พวกคุณจำคนผิดแล้วจริงๆ…ฉันเป็นคนจีน แล้วพ่อแม่ของฉันก็ตายไปนานแล้วด้วย…มีแค่คุณตาคนเดียว หัวหน้าของพวกคุณเป็นคนรัฐอิสระ หายตัวไปหลังจากกลับไปเยี่ยมพ่อแม่…พ่อแม่ฉันตายไปแล้วทั้งคู่ ยังไงก็ไม่น่าจะใช่คนคนเดียวกันมั้ง…” เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองชายฉกรรจ์ด้วยสีหน้าจนปัญญา

“ใช่ไหมล่ะ…ลูกพี่ ผมบอกแล้ว ผู้หญิงคนนี้จะเป็นแบดเจอร์ของพันธมิตรอู๋เว่ยเราได้ยังไง…แค่ออร่าก็ไม่ใช่แล้ว…ถ้าเป็นแบดเจอร์ แค่รถไม่กี่คันจะรับมือไม่ได้…ต้องให้พวกเราเข้ามาช่วยเชียวเหรอ…” พอเยี่ยหวันหวั่นพูดอย่างนี้ ชายฉกรรจ์อีกคนก็รีบเอ่ยขึ้น

“หัวหน้า หัวหน้าโกหกพวกผมใช่ไหม…” ชายฉกรรจ์ที่กอดขาเยี่ยหวันหวั่นเหมือนยังไม่ยอมแพ้

“ฉันไม่ได้โกหกพวกคุณจริงๆ ฉันพูดเรื่องจริงทุกคำ” เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจ

“หรือว่า…พวกเราจะจำผิดจริงๆ?” ชายฉกรรจ์ที่เป็นหัวหน้าขมวดคิ้ว ประกายสงสัยแวบผ่านดวงตา

แต่ถ้าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่แบดเจอร์แห่งพันธมิตรอู๋เว่ยจริงๆ อย่างนั้นเธอใช้ท่าพิเศษที่แบดเจอร์คิดค้นขึ้นมาเองได้ยังไง

“แต่ท่าพยัคฆ์กระโจนที่ทำเมื่อกี้ล่ะ…หรือเพราะมันมืดเกิน ฉันเลยตาฝาดไปเองเหรอ…” ชายฉกรรจ์ที่เป็นหัวหน้าจ้องเยี่ยหวันหวั่นพลางพึมพำกับตัวเอง

เมื่อได้ยิน เยี่ยหวันหวั่นชะงักเล็กน้อย เมื่อครู่ตอนที่เกือบโดนรถชน เธอทำไปโดยสัญชาตญาณล้วนๆ ไม่ได้มีอะไรพิเศษอย่างที่ชายฉกรรจ์พูดเลย ท่าพยัคฆ์กระโจนอะไร ท่าช้างนั่งล่ะสิไม่ว่า

“พี่ใหญ่ ผมว่านั่นไม่ใช่ท่าพยัคฆ์กระโจนหรอก พี่ต้องมองผิดเพราะมันมืดเกินไปแน่ๆ…อีกอย่างถึงผู้หญิงคนนี้จะเหมือนรูปของแบดเจอร์ แต่ดูดีๆ แล้วก็ไม่ได้เหมือนขนาดนั้น…ไม่ใช่แบดเจอร์หรอก แบดเจอร์เป็นถึงใคร ใครจะกล้าขับรถไล่ล่าแบดเจอร์ ไอ้อ่อนพวกนั้นแค่พวกเราชี้นิ้วเดียวก็จัดการได้สบายๆ แล้ว อย่างพวกมันเหรอจะกล้าไล่ล่าแบดเจอร์? ล้อเล่นรึเปล่า!” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งแสดงความเห็น

จากนั้น เยี่ยหวันหวั่นยิ้มอย่างจนใจ เธอบอกแล้วว่าพวกเขาจำคนผิด ดูท่าจะเป็นเรื่องจริงดังคาด

“นี่…” ชายฉกรรจ์ครุ่นคิด ไม่นานก็พยักหน้า เอ่ยว่า “นายพูดมีเหตุผลอยู่…แบดเจอร์จะมาอยู่เมืองจีนได้ไง อีกอย่างทักษะด้านการต่อสู้ของแบดเจอร์ของพวกเรา…ไม่มีทางถูกพวกไก่อ่อนตามล่าแน่นอน…”

ไม่นาน ชายฉกรรจ์ที่เป็นหัวหน้าก็ปล่อยขาเยี่ยหวันหวั่น เหมือนเริ่มยอมรับความจริงช้าๆ

พวกเขาแค่ช่วยผู้หญิงจีนธรรมดาๆ คนหนึ่ง อาจเพราะอยากกลับพันธมิตรอู๋เว่ยมาก จึงพลาดคิดว่าเยี่ยหวันหวั่นเป็นแบดเจอร์…

“เฮ้อ ช่างเถอะๆ ดูเหมือนฉันจะจำคนผิด เปลืองอารมณ์ฉันจริงๆ” หัวหน้าชายฉกรรจ์ยืนขึ้นมา มองเยี่ยหวันหวั่นแล้วถอนหายใจ

————————————————————————————-

บทที่ 1260 ถือว่าเธอโชคดี

“ยังไงก็ตามแต่ ต้องขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือ” เยี่ยหวันหวั่นขอบคุณชายฉกรรจ์ทั้งหลาย

เมื่อครู่ ถึงแม้ชายฉกรรจ์จะไม่ยื่นมือมาช่วย รถยนต์พวกนั้นก็ทำอะไรเธอไม่ได้อยู่ดี แต่ถ้าเธอจะจัดการด้วยตัวเอง ต้องใช้เวลานานเลยทีเดียว

“แม่สาวน้อย ถือว่าเธอโชคดีที่มาเจอพวกฉันเข้า จำไว้ล่ะ คราวหน้าอย่าออกมาวิ่งกลางดึกอย่างนี้อีก คนเลวๆ มีเยอะจะตาย!” ชายฉกรรจ์ที่เป็นหัวหน้าแนะนำเยี่ยหวันหวั่นอย่างจริงใจ น้ำเสียงเหมือนผู้ใหญ่สอนผู้น้อย

เยี่ยหวันหวั่นแค่พยักหน้าให้ ไม่ได้พูดอะไรมาก

กลัวแต่พวกเขาเองก็อาจไม่ใช่คนดีอะไร ฟังจากที่ชายฉกรรจ์พูดเมื่อครู่ สาเหตุที่พวกเขาโดนไล่ออกจากพันธมิตรอู๋เว่ย เหมือนจะเป็นเพราะทำภารกิจที่เบื้องบนมอบหมายให้ไม่สำเร็จ นั่นคือทำลายตระกูลหนึ่ง แต่กลับปล่อยให้สุนัขบ้านนั้นหนีไปได้ตัวหนึ่ง…

มือของชายฉกรรจ์พวกนี้ต่างก็เปื้อนเลือดมาไม่น้อย

หลังจากขอบคุณกลุ่มชายฉกรรจ์อีกครั้ง เยี่ยหวันหวั่นก็รีบโบกแท็กซี่ มุ่งหน้ากลับคฤหาสน์กุหลาบ

บนแท็กซี่ เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้ว ช่วงนี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเกินไปแล้ว

ตระกูลเยี่ย ตระกูลซือ บวกกับเรื่องของตัวเอง…

สิ่งเดียวที่เธอได้กลับมาคือ เสี้ยวความทรงจำเดิมของตัวเองที่ผุดขึ้นมาในสมองเธอ

แต่ความทรงจำที่ไม่สมบูรณ์นี้กลับชัดเจนมาก

นอกจากคุณตาแล้ว เยี่ยหวันหวั่นยังจำทิวทัศน์ของสวนในเขตวิทยาลัยได้รางๆ …

เพียงแต่ สวนในเขตวิทยาลัยในความทรงจำของเธอต่างกับสวนในเขตวิทยาลัยทั่วไปมาก เหมือนว่าจะมี…เลือด และเสียงร้องไห้คร่ำครวญดังไม่ขาดสาย

แต่ความทรงจำพวกนี้ไม่ได้สมบูรณ์ สิ่งที่เธอจำได้มีเพียงแค่ส่วนเล็กๆ เท่านั้น

ตอนนี้ เยี่ยหวันหวั่นยิ่งอยากรู้เกี่ยวกับโลกของตัวเองมากกว่าเดิม คุณตาที่เข้มงวดมากคนนั้นของเธอเป็นใครกันแน่ และพ่อแม่ของเธอตายได้อย่างไร…

ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนหมอกหนา ยิ่งเยี่ยหวันหวั่นเดินฝ่าหมอกเข้าไปกลับยิ่งหลงทางอยู่ในนั้น มองไม่เห็นอะไร

จากสถานการณ์ในตอนนี้ ทางที่ดีที่สุดคือหาซือเยี่ยหานให้เจอโดยเร็ว แล้วให้ซือเยี่ยหานบอกความจริงกับเธอ

เธอเป็นใครกันแน่ คุณตาของเธอเป็นใคร แล้วทำไมซือเยี่ยหานถึงหนีไปรัฐอิสระโดยไม่ให้ตระกูลซือรู้เลย…

ขอแค่หาตัวซือเยี่ยหานเจอ ปริศนาทุกอย่างก็จะคลี่คลายได้!

นอกจากนี้ ปัญหาใหญ่ยังมีเรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลเยี่ยด้วย

ตอนนี้พ่อของเธอเยี่ยเส่าถิงกับเยี่ยมู่ฝานถูกสอบสวนตามกระบวนการแล้ว ถ้าหากเธอหาคนร้ายตัวจริงไม่เจอ และหาหลักฐานมัดตัวเหลียงเหม่ยเซวียนกับพ่อบ้านหวงที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้ เกรงว่า…

ถึงแม้เธอจะไม่ใช่เยี่ยหวันหวั่น แต่ก็ไม่อาจปล่อยผ่านเรื่องในบ้านไปโดยไม่สนใจ ที่ผ่านมาเธอเห็นพวกเขาเป็นเหมือนคนในครอบครัวไปแล้ว แม้เธอจะไม่ใช่เยี่ยหวันหวั่น แต่เธอจะไม่ปฏิเสธความสัมพันธ์และความรู้สึกที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาแน่นอน

พอนึกว่าเยี่ยหวันหวั่นตัวจริงตายไปแล้ว ถึงเธอจะไม่ได้ตั้งใจสวมรอยเป็นเยี่ยหวันหวั่น ก็ยังรู้สึกผิดกับพี่ชายและพ่อแม่อยู่ดี…

ปมความแค้นของเธอกับเหลียงเหม่ยเซวียนและพ่อบ้านหวง ครั้งนี้ถือว่าเริ่มต้นขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว เยี่ยหวันหวั่นเองก็นึกไม่ถึงว่าพ่อบ้านหวงจะจ้างคนมาฆ่าเธออย่างนี้…

ไม่นาน รถแท็กซี่ก็จอดข้างคฤหาสน์กุหลาบ เยี่ยหวันหวั่นจ่ายเงินแล้วจึงเปิดประตูรถออกจากที่นั่งข้างหลัง

สวี่อี้รออยู่ในคฤหาสน์กุหลาบนานแล้ว พอเห็นเยี่ยหวันหวั่นลงจากรถก็รีบเดินเข้ามาหา “คุณหนูหวันหวั่น เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าครับ?”

สวี่อี้โทรหาเยี่ยหวันหวั่นหลายสายแต่ก็โทรไม่ติดเลย ด้วยเหตุนี้จึงอดเป็นห่วงไม่ได้

“เกิดเรื่องนิดหน่อยเลยมาช้าน่ะ เข้ามาคุยข้างในกันเถอะ” เยี่ยหวันหวั่นพาสวี่อี้เดินเข้าไปข้างใน