แค่ รปภ สิบนาย จะเป็นคู่ต่อสู้ของเย่เทียนได้ยังไง ผ่านไปเพียงครู่เดียว ก็โดนเย่เทียนล้มหมด
ตู้เฮิงฉุนเห็นท่า มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาชี้เย่เทียน พูดด้วยความตะลึง “แก แกเป็นนักบู๊”
เย่เทียนที่จัดการพวก รปภ กากๆได้แล้ว ตบมือเรียบๆ มองตู้เฮิงฉุนด้วยรอยยิ้มจางๆ “เถ้าแก่ตู้ก็คือเถ้าแก่ตู้ มีความรู้ไม่ธรรมดาเลยนะ!”
“แก แกต้องการอะไร อย่าเข้ามานะ!”
พอเห็นว่าเย่เทียนเดินมาหาตัวเอง ตู้เฮิงฉุนถอยหลังด้วยสัญชาตญาณ
เย่เทียนล้ม รปภ สิบนายได้รวดเร็วขนาดนี้ ลำพังเขาแค่คนเดียวจะเป็นคู่มือเย่เทียนได้ยังไง?
แต่ไม่นานนักเขาก็ตั้งสติได้ แสร้งทำเป็นสุขุม “อย่าคิดว่าแกเป็นนักบู๊แล้วจะทำอะไรก็ได้นะ ฉันเป็นประธานของตู้ซื่อกรุ๊ป ถ้าแกทำให้ฉันหมดทางเลือกจริงๆ ต่อให้ฉันต้องเดิมพันด้วยทั้งตู้ซื่อกรุ๊ปก็ไม่มีทางปล่อยให้แกได้อยู่ดีกินดีแน่”
“เถ้าแก่ตู้ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คุณคิดว่าผมจะกลัวคุณเหรอ”
เย่เทียนเบ้ปากอย่างดูถูก “คุณเป็นคนฉลาด ครั้งนี้ผมมาหาคุณโดยเฉพาะ เราไม่จำเป็นต้องมัวพูดเรื่องไร้สาระอยู่หรอก?”
“แกต้องการอะไรกันแน่?”
ตู้เฮิงฉุนมีสีหน้าอึมครึม เย่เทียนพูดชัดเจนขนาดนี้แล้ว เขาจะไม่รู้อีกได้ยังไงว่าเป้าหมายของเย่เทียนไม่ใช่ตู้เคอหลินตั้งแต่แรก แต่เป็นเขาต่างหาก!
“ง่ายมาก!”
เย่เทียนดีดนิ้วเสียงดังอย่างได้ใจ เขายิ้มอย่างมีเลศนัย “ผมแค่มีเรื่องหนึ่งที่ไม่ค่อยเข้าใจ หวังว่าเถ้าแก่ตู้จะบอกกันตามตรง”
“เรื่องอะไร?”
ตู้เฮิงฉุนคิ้วขมวดเป็นปม แต่ตอนนี้ตัวเองเหมือนเป็นเนื้อบนเขียงที่รอโดนแล่ เขาไม่มีทางเลือกเลย
ยังไงซะที่นี่ก็ไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัย ใครจะรู้ว่าจะมีคนขึ้นมาเมื่อไหร่ เย่เทียนไม่อ้อมค้อมกับตู้เฮิงฉุน เขาพุ่งตรงเข้าประเด็น “เรื่องของแก๊งหย่งเย่ คุณรู้อะไรบ้าง?”
“หย่งเย่!”
ตู้เฮิงฉุนหน้าถอดสีทันที แต่ไม่นานนักก็ระงับอารมณ์ไว้ได้ เขาส่ายหัวรัว “หย่งเย่อะไร ฉันไม่รู้ว่าแกพูดเรื่องอะไร”
“เถ้าแก่ตู้ เมื่อกี้ผมเพิ่งบอกว่าคุณเป็นคนฉลาด ตอนนี้กลับโง่เขลาลงแล้วเหรอ”
เย่เทียนสังเกตการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าตู้เฮิงฉุนอยู่ตลอด ย่อมเห็นความแตกตื่นที่แวบผ่านไป มุมปากกระตุกยิ้มเย็น “บางทีคุณอาจจะไม่รู้ ผมมีวิธีที่จะทำให้คนอื่นทรมานยิ่งกว่าตายอย่างน้อยหนึ่งพันวิธี”
“ผมยกตัวอย่างที่ง่ายที่สุด ดวงตาของมนุษย์บอบบางที่สุด หากเร็วพอ หลังจากม่านตาถูกทำลายแล้ว ดวงตาก็จะรู้สึกเหมือนโดนโยนลงไปในน้ำเดือด 100 องศา ทรมานสุดๆ”
“ที่น่าตื่นเต้นคือ คนเรามีดวงตาสองข้าง หากข้างไหนเสียการมองเห็นไป อีกข้างไม่ได้รับผลกระทบ คนเรายังสามารถรู้สึกได้เต็มร้อย”
“แน่นอนว่าต่อให้ดวงตาเสียการมองเห็นไปทั้งสองข้างก็ไม่เป็นไร ยังไงซะร่างกายมนุษย์ใหญ่ขนาดนี้ มีที่ให้เล่นเยอะแยะไป”
เย่เทียนเลียริมฝีปากแห้งผาก ใบหน้าสดใสนั้นเมื่อสะท้อนในสายตาของตู้เฮิงฉุนแล้วกลับไม่แตกต่างอะไรจากปีศาจร้าย!
“เถ้าแก่ตู้ คุณวางใจได้ บังเอิญผมเป็นหมอพอดี รับรองว่าคุณจะได้ลิ้มรสครบทุกขั้นตอน ไม่ปล่อยให้คุณตายไปกลางคันแน่นอน”
“เพราะฉะนั้น ไม่ทราบว่าเถ้าแก่ตู้อยากจะเริ่มจากตาขวาหรือตาซ้ายดีล่ะครับ”
เย่เทียนหัวเราะอย่างชั่วร้าย ให้ความรู้สึกโหดเหี้ยมน่ากลัวอย่างอธิบายไม่ถูก
“ฉัน ฉัน…..”
ตู้เฮิงฉุนกลืนน้ำลายด้วยสัญชาตญาณ เกราะป้องกันในใจทลายลง หยาดเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดออกมาจากหน้าผากอย่างดูไม่ได้
ยังไงซะเขาก็ไม่ใช่คนธรรมดา เห็นอะไรมามาก เขาดูออกว่าเย่เทียนไม่ได้ล้อเล่นแน่นอน
“ฉัน ฉันพูดไม่ได้”
แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น ตู้เฮิงฉุนก็ยังส่ายหัวด้วยความลนลาน และปฏิเสธ “ถ้าฉันบอก พวกเขาไม่ปล่อยเฉี่ยวเฉี่ยวและเคอหลินไว้แน่!”
“เถ้าแก่ตู้ ผมเข้าใจความรู้สึกคุณสุดๆ แต่….”
เย่เทียนยิ้มเย็นพลางส่ายหัว และพูดเสียงเย็นชา “ถ้าผมไม่ได้ข้อมูลที่อยากได้จากตัวคุณ ผมต้องสงสัยแน่ๆว่าลูกๆของคุณรู้ ถึงตอนนั้นผมต้องไปหาพวกเขาแน่นอน ถ้าถึงขั้นนั้นจริงๆ ไม่แน่ลูกๆของคุณอาจจะได้ลิ้มรสที่ทรมานกว่าความตายเหมือนคุณก็ได้!”
คำพูดข่มขู่ของเย่เทียนดังขึ้นข้างหู ตู้เฮิงฉุนสีหน้าย่ำแย่ถึงขีดสุด ตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้
“ถ้า ถ้าฉันบอกแก แกจะปล่อยฉันไปใช่มั้ย? จะปล่อยลูกๆของฉันไปใช่มั้ย?”
ไตร่ตรองอยู่นาน ตู้เฮิงฉุนถึงถามหยั่งเชิงขึ้นมา “ฉันสัญญา ตราบใดที่แกปล่อยพวกเราไป พวกเราจะออกจากประเทศจีน ไปอยู่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเรา ใช้ชีวิตแบบธรรมดา…..”
“เถ้าแก่ตู้ ถ้าเราสลับบทบาทกัน ผมจะบอกทุกสิ่งที่ตัวเองรู้ก่อนแน่นอน บางทีถ้าอีกฝ่ายอารมณ์ดี อาจจะปล่อยผมไปก็ได้”
เย่เทียนส่ายหัวเล็กน้อย พูดอย่างนึกสนุก “ยังไงซะการเปลืองน้ำลายขอร้องอ้อนวอนอย่างที่คุณทำอยู่ตอนนี้ยิ่งเป็นการท้าทายความอดทนของอีกฝ่ายมากกว่า”
ตู้เฮิงฉุนรู้ดีว่าเย่เทียนหมายความว่ายังไง รีบเอ่ยขึ้นอย่างขมขื่น “ฉัน ฉันบอก! ฉันจะบอกทุกอย่างที่ฉันรู้กับแก!”
แม้รู้ว่าถึงพูดออกมาฝั่งแก๊งหย่งเย่ก็ไม่ปล่อยสามคนครอบครัวของเขาหรอก แต่เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ส เขาจะเลือกอะไรได้?
ความหมายของเย่เทียนชัดเจนมาก ถ้าเขาไม่ยอมพูด คงต้องถูกทรมานจนตาย แต่ถ้าพูด อย่างน้อยยังฉวยโอกาสที่แก๊งหย่งเย่ไม่ทันทำอะไร พาลูกๆออกจากประเทศจีนไปก่อน สู้เพื่อโอกาสรอดที่ไม่ค่อยจะมีมากนัก
“เถ้าแก่ตู้ ทางเลือกของคุณฉลาดมาก แต่…..”
เย่เทียนพยักหน้าอย่างพอใจ พร้อมเอ่ยเตือน “ผมยังมีความจำเป็นต้องเตือนคุณหน่อย อย่าคิดจะโกหกผมเชียว ผมพอรู้เรื่องของแก๊งหย่งเย่อยู่บ้าง ถ้าผมรู้สึกถึงความผิดปกติ อย่าหาว่าผมโหดเหี้ยมก็แล้วกัน!”
ขณะที่พูด เย่เทียนกะพริบตาอย่างซุกซน ไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำขู่มากไปกว่านี้
“ฉันเข้าใจ”
เถ้าแก่ตู้สูดหายใจเข้าลึก เรียบเรียงคำพูดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปาก “ความจริง ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องแก๊งหย่งเย่เท่าไหร่”
“เถ้าแก่ตู้ นี่คุณล้อเล่นกับผมเหรอ?”
คิ้วของเย่เทียนขมวดในทันใด ใบหน้าฉายแววไม่พอใจ
“แกฟังฉันก่อน”
ตู้เฮิงฉุนส่ายหัวอย่างขมขื่น ก่อนจะเอ่ยต่อ “ฉันไม่กลัวที่บอกแกหรอกว่าที่ฉันคลานขึ้นมาจากคนตัวเล็กๆธรรมดาจนถึงตำแหน่งในทุกวันนี้ได้ก็เพราะฉันมีอิทธิพลใหญ่สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง”
“เถ้าแก่ตู้ ในเมื่อผมมาหาคุณก็ต้องพอรู้เรื่องของคุณอยู่ไม่มากก็น้อย”
“คุณข้ามส่วนนี้ได้เลย ผมรู้ดีว่าคนที่สนับสนุนคุณอยู่เบื้องหลังคือสำนักกุยอีจากโลกศิลปะการต่อสู้!”
เย่เทียนเบ้ปากด้วยความรังเกียจ สมัยอยู่จ๊กกลาง คนที่ติดตามอยู่ข้างกายตู้เฉี่ยวเฉี่ยวก็คือคนจากสำนักกุยอี ต่อให้ใช้นิ้วเท้าคิด อิทธิพลใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังตู้เฮิงฉุนก็ต้องเป็นสำนักกุยอีแน่นอน
“เถ้าแก่ตู้ ผมมีเรื่องมากมายต้องจัดการนะครับ คุณบอกมาตรงๆเลยไม่ได้เหรอ หรือว่าต้องให้ผมช่วยคุณ?”
ขณะที่พูด เย่เทียนก้าวออกไปข้างหน้าหนึ่งก้าวอย่างอดไม่ได้ เป็นการขู่ที่ไม่จำเป็นต้องพูดออกมา…..