TB:บทที่ 161 หวัง เจียน
เฉินหลงสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีดทั้งสี่ของปิศาจจิ๋ว (ญี่ปุ่น)ไม่ได้ตัดลงเนื้อไม้เลย แต่เป็นคมของฉีต่างหากที่ตัดลงไป สาเหตุเป็นเพราะคมแหลมของฉีนั่นไวเกินไป หลังจากตัดท่อนไม้แล้ว ท่อนไม้จึงยังอยู่ในสภาพเช่นเดิม
หลังจากที่ปิศาจน้อยออกไปจากสนามแล้ว เขาสะบัดไม้ทั้งสี่ด้วยแรงเพียงเล็กน้อย
การทำเช่นนั้นเพิ่งทำให้เกิดภาพที่น่าประหลาดใจ
“พวกปิศาจน้อยนี่ มีพลังที่ไม่เลว แถมยังแสดงออกมาได้ดี” เฉินหลงว่าในใจ
ปิศาจน้อยพวกนี้เป็นเพียงระดับผู้เชี่ยวชาญแนวหน้า กระบวนท่าของพวกเขาหรูหราแต่ก็ไม่ได้น่าเกรงขามสำหรับเขา
จากนั้นพวกต่างชาติอีกหลายคนเข้ามายังสนามเพื่อทำการแสดง ชาวอเมริกันชราคนหนึ่งกระทืบหินบลูสโตนสามก้อนให้พังทลายได้ คนผิวสีคนหนึ่งหักท่อเหล็กกล้าที่หนาเท่ากับเสาได้ด้วยมือเปล่า ชายเตี้ยจากซูลูแสดงกระบวนท่าไม้เท้า เสียงของไม้เท้าในอากาศสามารถบอกได้ถึงพลังของไม้เท้านี้ได้ มีชายคนหนึ่งจากอาณาจักรอีเกิ้ลมาแสดงการต่อสู้แบบอิสระ คนที่ตาดีอยู่จะรู้ได้ว่าหากชายคนโดนจับแล้วจะไม่มีวันรอดไปได้
สิ่งที่เฉินหลงให้ความสนใจคือชายคนหนึ่งที่เป็นชนชาติจีน เขานั่งอยู่ตรงฝั่งของชาวต่างชาติ ดังนั้นเขาน่าจะเป็นตัวแทนของชาติใดสักชาติ
พลังของชาวต่างชาติที่แสดงอยู่ต่อหน้าเขาก็เป็นระดับชั้นนำของเหล่าปรมาจารย์ แต่เฉินหลงมองพลังของชายจีนคนนี้ไม่ออก เขาคิดว่าพลังของคนคนนั้นน่าจะไปถึงระดับกำเนิด
ชาวต่างชาติทั้งหมดลงมาในสนามเพื่อแสดงแต่ชายจีนคนนี้กลับไม่ไปปรากฏตัว เขาเพียงมองดูราวกับไม่มีอะไรเกี่ยวกับเขา
หลังจากที่ชาวต่างชาติลงไปในสนามกันหมดแล้ว ซ่งเจิ้งและพวกของเขาหลายคนก็ลงไปในสนาม ทุกคนแสดงท่ามวยซึ่งนั่นเรียกเสียงปรบมือจากทุกคนได้
ก่อนที่ชาวต่างชาติพวกนั้นจะทำให้พวกเขาตกใจ พวกเขาได้ใส่เชื้อให้ไฟไปแล้ว
เมื่อการแสดงของซ่งเจิ้งจบลงไป พิธีกรประกาศให้การชุมนุมแลกเปลี่ยนนี้จบลง แต่เฉินหลงรู้ดีว่าของจริงยังไม่มาถึง
ในตอนที่พิธีกรกล่าวจบนั้น จู่ๆก็มีพนักงานและตำรวจพิเศษเข้ามาเชิญคนที่ไม่มีบัตรเชิญออกไป
ไม่มีทางที่ “การแลกเปลี่ยน” ต่อจากนี้ จะไม่มีการเลือดตกยางออก นี่เป็นสิ่งที่จะไม่เกิดขึ้นในสังคมที่สมัครสมาน
หลังจากจัดการสนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นักสู้ในแต่ละข้างเหลืออยู่สิบคนทั้งสองฝั่ง
และโดยไม่ต้องรอให้พิธีกรเปิดปากพูดอะไร ปิศาจน้อยและมีดในมือก็เดินลงสนามไป
ก่อนหน้าเขาโดนพวก “หมูจีหน่า” โห่ไล่ ใจของมิยาโมโตะ อิจิโร่เต็มไปด้วยโทสะ ตอนนี้เขาอยากจะเป็นคนแรกที่จะจัดการไอ้พวกนั้นเพื่อขจัดความโกรธของเขาเสีย
“บัดซบ ถ้ามันใช้มีด ฉันจะใช้มีดด้วย และหากมันใช้ดาบซามูไร ฉันจะใช้ดาบราชาผีสาง” ร่างของซ่งเจิ้งมีชายที่มีคิ้วรูปร่างคล้ายมีดและดวงตาที่สว่างวาบค่อยคุ้มกันเขาอยู่ คนคนนั้นยืนขึ้นมาและไปยังสนามพร้อมกับดาบที่มีด้ามจับแกะสลักเป็นรูปกะโหลก
หวังเจียนมาจากตระกูลเก่าแก่ทั้งสี่ของเมืองหลวง ตั้งแต่อายุสิบห้าปีเขาได้เดินทางไปฝึกปรือฝีมือดาบ ถึงแม้ตระกูลเก่าแก่ทั้งสี่จะไม่เป็นที่รู้จักนักแต่ในความเป็นจริงแล้วพลังของหวังเจียนเป็นที่แน่ชัดว่าอยู่ในระดับแนวหน้าของตระกูลทั้งสี่ เป็นเวลานานนับศตวรรษมีคนคนหนึ่งในตระกูลหวังเคยเป็นเพชฌฆาต เขารู้วิธีการตัดหัวคนเป็นอย่างดีและได้เขียนหนังสือลับเกี่ยวกับการจะตัดหัวคนอย่างไรให้ไวโดยไม่มีเลือดกระเซ็นใส่ตัวเขา
แม้อาจจะไม่มีเพชฌฆาตอีกแล้วในอนาคต แต่บางทีสกุลหวังก็ไม่ได้ชอบหนังสือลับนี่ และไม่มีใครฝึกวิชาลับในการตัดหัวคนอื่นด้วย จนกระทั่งหวังเจียนปรากฏตัว
ครั้งหนึ่งหวังเจียนได้เห็นหนังสือนั่น แล้วกรรมพันธุ์ในตัวเขาที่สั่งให้โปรดปรานการตัดหัวคน เขาอ่านหนังสือที่ว่าและไม่กลัวเนื้อหาในนั้นเลย หากแต่เขาดูดึงดูดกับศิลปะและวิธีการต่างๆในหนังสือแทน
ตั้งแต่นั้นมาหวังเจียนก็มีมีดที่มีหัวเป็นผีสางพกติดตัวไปไหนมาไหนทุกวัน เขาเริ่มใช้มีดหัวผีสางนี่เพื่อฝึกม้วนวิชาที่ไม่รู้ที่มา ม้วนที่ต่อมาเขาเรียกว่า “เพลงดาบกุดหัว”
เมื่อหวังเจียนฝึกฝน “เพลงดาบกุดหัวแล้ว” จิตวิญญาณแห่งความอาฆาตของเขาแกร่งกล้าขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อพ่อของหวังเจียนเห็น เขาทำได้เพียงส่ายหัวเงียบๆ
ยังโชคดีที่ในตอนนี้เป็นช่วงเวลาแห่งสันติ หากว่าเกิดความวุ่นวายจะต้องมีนักฆ่าเพิ่มมาอีกคนแน่นอน
แต่อย่างไรเสีย หวังเจียนไม่ได้อยากเก็บตัวอยู่กับบ้าน ตอนที่เขาอายุสิบห้าเขาได้ออกไปตัดหัวพวกที่เป็นภัยกับสังคมด้วยตัวคนเดียว
ครั้งนี้คือครั้งแรกที่เขากลับบ้านในรอบสิบปี คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะกลับมา เขาพบเจอคนต่างชาติมากมายที่เข้ามาท้าทายชาติจีนที่ยิ่งใหญ่ ด้วยความเป็นหนึ่งในสมาชิกของจีนที่ยิ่งใหญ่นี้และเป็นลูกหลานของสี่ตระกูลใหญ่ เขาจึงมาเข้าร่วม
“ แกคงอยากตายสิท่า” ตอนที่เขาเห็นหวังเจียนถือมีดที่มีกะโหลกอยู่ กะโหลกนั้นปิดซ่อนจิตวิญญาณที่อาฆาตไว้ไม่ให้แสดงออกมา มิยาโมโตะกล่าวอย่างจริงจังใส่หน้าเขา
ตอนที่กลุ่มคนเหล่านั้นมา พวกเขารับรู้ถึงความสามารถของคนหนุ่มแห่งชาติจีนที่เกรียงไกรอยู่แล้ว หวังเจียนที่ถือหัวผีสางยังไม่รู้ข้อมูลอะไร
“สกุลหวัง พูดจาไร้สาระ เตรียมรับมือซะ” หวังเจียนว่าจบ มีดในมือเขาก็ไปอยู่ที่คอของอิจิโร มิยาโมโตะ
ตอนแรกหัวผีสางขยับตามความหนักและคม ในสมองของหวังเจียน คล้ายกับว่ามีฟ้าผ่าเกิดขึ้น นี่คือการเคลื่อนไหวอันไร้ที่ติ
“ใช้มีดได้ดี การเคลื่อนไหวดี คนนี้ดีนี่” เมื่อได้เห็นการใช้มีดของหวังเจียน เฉินหลงนึกชมขึ้นในใจทันที
และเมื่อได้เห็นมีดของหวังเจียนแล้ว สีหน้าของอิจิโร มิยาโมโตะได้เปลี่ยนไปในทันที มีดที่ว่องไวนี้มีความดุดัน ถึงเขาจะยังไม่ต้องดึงออกมาจากฝัก ดังนั้นแล้วเขาจึงยืดดาบเขาขึ้นมาตรงๆเพื่อขวางดาบหัวผีสางที่กำลังจะฟันโดนเขา
ฝักดาบของอิจิโร มิยาโมโตะโดนดาบนั่นตัดขาดทันที ในขณะนั้นด้วยพลังที่ทรงพลังทำให้อิจิโร มิยาโมโตะต้องคุกเข่าลงไปข้างหนึ่ง
หวังเจียนใช้โอกาสนี้ยกเข่าขวาและโจมตีอิจิโร มิยาโมโตะ
อิจิโร มิยาโมโตะถือมีดด้วยสองมือเขาทำท่าอะไรป้องกันตัวเองจากเข่าของหวังเจียนไม่ได้ด้วยซ้ำ
ถือว่ายังโชคดีที่อิจิโร มิยาโมโตะ มีประสบการณ์โชกโชนในสนามสู้รบ จากพลังการโจมตีของหวังเจียนที่กดลงมา เขาม้วนตัวกลับไปเพื่อหลีกการเข่าของหวังเจียน และในขณะเดียวกันเขาหลบพ้นจากแรงกดดันของพลังหวังเจียนได้
แม้จะไม่ได้ดูดีแต่ปิศาจนี่มีฝีมือที่ไม่ไร้ประโยชน์
“หยิบมีดขึ้นมาอีก แล้วเนื้อกับหนังแกจะหลุดออกจากกัน” หวังเจียนจะตัดหัวของร่างที่กำลังเคลื่อนที่ มีดหัวผีสางขยับอย่างแปลกประหลาด และฟันไปที่อิจิโร มิยาโมโตะอีกครั้ง
คล้ายกับว่ามีดจะฟันโดนคอของอิจิโร มิยาโมโตะแต่จริงๆแล้วมันโจมตีแขนขวาของเขา
แน่นอนว่าอิจิโร มิยาโมโตะมองหวังที่กำลังจะฟันคอเขาอีกรอบ ในทันใดนั้นเขายกดาบซามูไรขึ้นมาขวางดาบราชาผีสาง
“ทำลายมันให้ฉันสิ”
หวังเจียนเพิ่มพลังเป็นสองเท่าเพื่อจะหักดาบของอิจิโร มิยาโมโตะและแขนเขาให้ได้
“กิ๊ง”
ตอนที่มีดผีสางตัดดาบซามูไรลงไปนั้น ดาบซามูไรเกิดรอยแตก รอยแตกนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้น และดาบซามูไรก็หักเป็นสองท่อนในทีเดียว มีดผีสางฟันลงแขนของอิจิโร มิยาโมโตะ
อิจิโร มิยาโมโตะมีความว่องไวเช่นกัน ตอนที่เขาเห็นว่าดาบหักไปแล้ว เขาม้วนตัวหลบและกล่าวว่า
“ฉันแพ้แล้ว”
เมื่อเห็นอิจิโร มิยาโมโตะยอมรับความพ่ายแพ้ หวังเจียนก็หยุดการต่อสู้ เขารู้สึกเสียดายเล็กน้อย หากอิจิโร มิยาโมโตะไม่ได้หลบอย่างรวดเร็วแล้ว หรือเขาไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ จะต้องมีแขนคนใดคนหนึ่งหลุดออกมาแน่นอน
“ใครจะเข้ามาอีก”
หวังเจียนยืนหยัดในสนาม เขายังไม่พร้อมจะจบการต่อสู้ เขาชนะง่ายเกินไป และเขาไม่ชอบใจนัก เขาต้องการจะสู้กับคนที่ฝีมือทัดเทียมกัน