ซูจิ่นซีกับตงหลิงหวงสนทนากันหลายเรื่อง ทว่าทั้งสองไม่ได้คุยเกี่ยวกับเรื่องพิษในร่างกายของซูจิ่นซี หัวข้อสนทนาส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนแคว้นตงเฉินและแคว้นจงหนิง
สรุปว่าเป็นเพียงการสนทนาเรื่องทั่วไปอย่างผิวเผินเท่านั้น
ระหว่างการสนทนา ซูจิ่นซีบอกตงหลิงหวงว่า การเดินทางมาเยือนแคว้นหนานหลีในครั้งนี้ของนาง เป็นการปลอมตัวมา ตงหลิงหวงอย่าได้แพร่งพ่ายสถานะที่แท้จริงของนางต่อผู้อื่น
ตงหลิงหวงเป็นคนตรงไปตรงมา นางตอบรับคำอย่างเด็ดเดี่ยว
หลังจากนั้น ซูจิ่นซีจึงถามตงหลิงหวงถึงพิษก่อนหน้านี้ที่นางใช้กับไหวชิ่งกงจู่ด้วยความสงสัย ทั้งยังพูดอย่างเปิดอกว่าตนยังตรวจสารพิษชนิดนี้ไม่พบ
แน่นอนว่าการตรวจสอบด้วยระบบถอนพิษ ซูจิ่นซีไม่มีทางบอกความจริงกับตงหลิงหวงแน่นอน
ซูจิ่นซีคาดไม่ถึงว่า พิษที่ตงหลิงหวงใช้กับไหวชิ่งกงจู่จะเป็นพิษที่มาจากสัตว์พิษทั้งสามตัวในกระถางเสวียนมู่หวัง ทั้งนางยังวางยาพิษในน้ำชาที่ไหวชิ่งกงจู่ดื่มอีกด้วย
“ของเหลวที่ขับออกมาจากสัตว์พิษทั้งสามตัวนี้ มีพิษหรือ? ” กล่าวได้ว่า เรื่องนี้ทำให้ซูจิ่นซีรู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง
เมื่อครู่ ตอนที่นางเปิดฝากระถางเสวียนมู่หวัง นางอยู่ใกล้กระถางเสวียนมู่หวังมาก ทว่าระบบถอนพิษไม่แจ้งเตือนอันใดเลย!
“ต้องมีพิษแน่นอน! เพียงแต่ พิษที่ขับออกมาจากแมงมุมและตะขาบ จะผสมรวมกับของเหลวที่คางคกน้ำแข็งหมื่นปีขับออกมาทันที คางคกตัวนี้มาจากเขาคุนหลุนแคว้นเป่ยอี้ เขาคุนหลุนเป็นภูเขาเทพ ไม่ต้องเอ่ยถึงสารพิษเลย สรรพสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้ เมื่อพบกับสิ่งของที่มาจากเขาคุนหลุน ล้วนตรวจพบได้ยาก”
ตงหลิงหวงพูดพลางเผยแววตากังวลใจ “พระชายาโยวอ๋อง ขออภัยที่ข้าต้องพูดตักเตือน พระชายาเคยทำให้คนแคว้นเป่ยอี้โกรธเคืองหรือไม่? ดังนั้นท่านจึงไม่สามารถตรวจพบล่วงหน้า ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามวางยาพิษ”
คนที่นางทำให้โกรธเคือง มีมากจริงๆ
ไม่รู้ว่าชาติที่แล้ว นางได้กระทำผิดต่อเทพเจ้าแห่งโชคชะตาหรืออย่างไร หลังจากกลับชาติมาเกิดในชีวิตนี้ นางจึงมักจะมีเรื่องขัดแย้งกับผู้อื่นเสมอ ทุกคนที่นางพบเจอล้วนเป็นศัตรูกับนาง นางไม่เคยพบสหายแม้แต่คนเดียว
อย่างไรก็ตาม คนจากแคว้นเป่ยอี้นั้น… นางไม่เคยพบ!
ตงหลิงหวงเห็นซูจิ่นซีมีท่าทีงุนงง “ข้าเพียงเตือนท่านด้วยความจริงใจ พระชายาโยวอ๋องอย่าได้นำมาใส่ใจเลย”
ซูจิ่นซีแย้มยิ้มเล็กน้อยโดยไม่พูดอันใด
ได้ยินมาว่า แคว้นเป่ยอี้เป็นแคว้นที่ร้ายกาจและอันตรายแคว้นหนึ่ง แม้จะให้ความสำคัญกับอำนาจเชื้อพระวงศ์ ทว่าอำนาจสูงสุดของแคว้นไม่ได้อยู่ที่เชื้อพระวงศ์ เป็นดั่งที่ตงหลิงหวงกล่าว อำนาจสูงสุดอยู่ที่แนวคิดเทวสิทธิราชย์ ซึ่งประชาชนรวมถึงเชื้อพระวงศ์ต่างบูชาเทพีซีหวังหมู่ที่ประดิษฐานอยู่บนตำหนักเทพจิ่วเทียนแห่งภูเขาเฟิ่งหวง เทือกเขาคุนหลุน
นับว่าเป็นแคว้นที่ลึกลับมาก ทั้งยังเป็นชนเผ่าที่ลึกลับอีกด้วย
หรือว่าพิษในร่างกายของนางจะเกี่ยวข้องกับชนเผ่าเทพแห่งแคว้นเป่ยอี้?
ตั้งแต่ซูจิ่นซีข้ามมิติมา นางไม่เคยติดต่อสัมพันธ์กับคนแคว้นเป่ยอี้แม้แต่คนเดียว เรื่องเหล่านี้ ต่อให้นางทุบสมองออกมาดูก็ไม่มีทางรู้แน่นอน
หลังจากนั้น ซูจิ่นซีกับตงหลิงหวงก็สนทนาในเรื่องทั่วไปอีกไม่กี่คำ ก่อนที่ตงหลิงหวงจะขอตัวกลับไปที่ค่ายของตนเอง
ซูอวี้เดินขึ้นมาจากชั้นล่างด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก เขาพูดว่า “พี่จิ่นซี พี่ถูกพิษหรือ? ”
ซูจิ่นซีพยักหน้า
ซูอวี้ดึงดันที่จะตรวจชีพจรให้ซูจิ่นซี ซูจิ่นซีปฏิเสธไม่ได้ จึงยอมให้เขาตรวจชีพจร
ผลลัพธ์เป็นดังคาด ซูอวี้ก็ไม่ทราบเช่นกันว่าในร่างกายของซูจิ่นซีเป็นพิษชนิดใด
จากนั้น ซูจิ่นซีจึงเล่าเหตุการณ์ที่นางถูกพิษให้ซูอวี้ฟังรอบหนึ่ง และซูอวี้ก็มีความคิดคล้ายกับซูจิ่นซี
“เมื่อครู่ข้าเห็นวิธีการที่รัชทายาทแคว้นตงเฉิน ตงหลิงหวงวางยาพิษไหวชิ่งกงจู่ ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก พิษในร่างกายของท่านพี่ มีความเกี่ยวข้องกับตงหลิงหวงหรือไม่? ”
ซูจิ่นซีส่ายศีรษะและพูดว่า “เมื่อครู่พี่ได้หยั่งเชิงนางแล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาง นอกจากนั้น… รัชทายาทแคว้นตงเฉินหาใช่คนที่มีจิตใจโหดเหี้ยมหรือแสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเอง จุดมุ่งหมายและกลยุทธ์ของนางยิ่งใหญ่มาก นางไม่มีความจำเป็นต้องวางยาพิษพี่”
ซูอวี้ไม่พูดอันใดอีก ทว่าเขาพยายามนึกถึงรายละเอียดเล็กน้อยที่เขาตรวจพบตอนที่ตรวจชีพจรให้ซูจิ่นซี รวมถึงลำดับเหตุการณ์ที่นางได้รับพิษ
การแข่งขันกำลังใกล้เข้ามา พี่น้องมีโอกาสได้พบกันอีกมาก ตอนนี้ท้องฟ้ามืดแล้ว ซูจิ่นซีไม่ต้องการอยู่ที่โรงน้ำชานานเกินไป จึงเดินทางกลับสำนักแพทย์สกุลจงในช่วงพลบค่ำ ส่วนซูอวี้ก็กลับไปที่เรือนรับรองของตน
เพียงชั่วพริบตา การแข่งขันซิ่งหลินของสกุลจงก็มาถึง
แผนการเป็นไปตามที่ซูจิ่นซี มู่หรงอวิ๋นไห่ และมู่หรงฉี วางไว้ การแข่งขันซิ่งหลินจัดขึ้นพร้อมกับงานอภิเษกของมู่หรงฉีและหลิงเซียวจวิ้นจู่
แน่นอนว่าพิธีอภิเษกต้องจัดขึ้นที่จวนอ๋องฉี ส่วนการแข่งขันซิ่งหลินถูกจัดที่ลานกว้างหน้าศาลบรรพบุรุษสกุลจง
จวนฉีอ๋องมีมหาอุปราชมู่หรงเฟิงนั่งเป็นประธานในพิธีอภิเษก ส่วนการแข่งขันซิ่งหลินมีจงซูอี้ เจ้าสำนักโอสถสกุลจงนั่งเป็นประธานในการแข่งขัน
แม้จะเชิญฮูหยินเฒ่าหานมานั่งเป็นประธานร่วมในการแข่งขัน ทว่าทุกคนต่างทราบดี สาเหตุที่ฮูหยินเฒ่าหานได้รับเชิญมาเป็นประธานร่วมนั้น เป็นเพียงการทำตามมารยาท เนื่องจากการตัดสินใจของนางไม่มีผลอันใด เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญ การตัดสินใจทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับจงซูอี้ผู้นำสกุลจง
ขั้นตอนดำเนินการถูกจัดเตรียมไว้ก่อนเริ่มการแข่งขันแล้ว ช่วงเช้าตรู่ อาคันตุกะต่างแคว้นและบุคคลที่เกี่ยวข้องได้เดินทางเข้าสู่สนามแข่งขัน
ในบรรดาผู้เข้าร่วมการแข่งขันมี ซูอวี้จากแคว้นจงหนิง ราชครูกูสือซานและไหวชิ่งกงจู่จากแคว้นไหวเจียง สาเหตุที่ตงหลิงหวง รัชทายาทแคว้นตงเฉินเดินทางมาเยือนแคว้นหนานหลี ก็เพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน และหนานกงหว่านเอ๋อร์จากแคว้นซีอวิ๋น
ขณะที่ซูจิ่นซีกับจงรุ่ยอันพ่อลูกเดินทางมาถึงสถานที่จัดงาน บุคคลที่กล่าวมาข้างต้น ล้วนมาถึงแล้ว
วันนี้ซูจิ่นซีจงใจไม่แปลงโฉม เพียงสวมชุดทะมัดทะแมงเรียบง่าย และสวมหน้ากากที่ทำขึ้นอย่างประณีต นางเดินเข้ามาในสนามแข่งพร้อมกับจงเทียนโย่ว
ก่อนจะเริ่มการแข่งขัน จงเนี่ยกับจงจิงเฉินพาคนจำนวนหนึ่งมาควบคุมความเรียบร้อยอยู่ที่ปากทางเข้า และเพื่อต้อนรับผู้เข้าร่วมการแข่งขัน
เมื่อเห็นซูจิ่นซีกับจงรุ่ยอันพ่อลูก จงเนี่ยพลันขมวดคิ้วและรีบเดินเข้ามาต้อนรับ
“โอ้! พี่ใหญ่รุ่ยอันเข้าร่วมการแข่งขันด้วยหรือ? หากน้องจำไม่ผิด ปีนี้พี่ใหญ่อายุปาเข้าไปห้าสิบเกือบจะหกสิบแล้วมิใช่หรือ? ผู้ที่มาเข้าร่วมการแข่งขันในวันนี้ ล้วนเป็นดาวรุ่งคลื่นลูกใหม่ของแต่ละแคว้น และเป็นเพียงเด็กน้อย ท่านพี่ไม่ละอายใจบ้างหรือที่ต้องรังแกเด็กน้อย? ”
จงรุ่ยอันกระชากเสียงเย็นชาดัง ‘หึ’ เขาคร้านจะพูดจาไร้สาระกับจงเนี่ย
จงเทียนโย่วที่ยืนอยู่ด้านข้างทำความเคารพจงเนี่ยตามมารยาท
“เทียนโย่วคำนับท่านลุงเนี่ย! ท่านลุงเนี่ย วันนี้ท่านพ่อมาพร้อมกับเทียนโย่ว หาได้มาเข้าร่วมการแข่งขัน วันนี้ คนที่มาร่วมการแข่งขันมีเทียนโย่วกับพี่จิ่นซีขอรับ”
จงเนี่ยหันไปมองซูจิ่นซีที่ยืนอยู่ข้างจงเทียนโย่ว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาทั้งสองปะหน้ากัน และไม่ใช่ครั้งแรกที่จงเนี่ยเห็นซูจิ่นซีแต่งตัวเป็นสตรี ทว่าเป็นครั้งแรกที่จงเนี่ยเห็นซูจิ่นซีแต่งตัวเป็นทางการและเรียบร้อยทะมัดทะแมง
เนื่องจากซูจิ่นซีสวมหน้ากากปกปิดใบหน้า จงเนี่ยจึงจำซูจิ่นซีไม่ได้ เขาหรี่ตามองครู่หนึ่ง
“พี่รุ่ยอัน พี่มีบุตรสาวเพิ่มขึ้นมาอีกคนตั้งแต่เมื่อใด? ไปมีอนุนอกจวนมาหรือ? ”
จงรุ่ยอันกระชากเสียงเย็นชา ก่อนจะดึงมือจงเทียนโย่วเดินเข้าไปในสนามแข่งขัน “จิ่นซี พวกเราเข้าไปกันเถิด! ”
ซูจิ่นซีไพล่มือไว้ด้านหลังด้วยท่าทางเรียบเฉยและไม่พูดอันใด ทำเพียงเดินเข้าไปด้านในสนามแข่งขันพร้อมกับจงรุ่ยอัน
อย่างไรก็ตาม ไม่คิดว่าจงเนี่ยจะชักสีหน้าบึ้งตึงและเดินเข้ามาขวางทางซูจิ่นซี
“การแข่งขันในครั้งนี้เป็นการแข่งขันครั้งสำคัญของแคว้นต่างๆ ในอาณาจักรเทียนเหอ กฎการแข่งขันกำหนดไว้ว่า ผู้ที่ไม่แสดงตน ไม่อนุญาตให้เข้าร่วมแข่งขัน”