เล่มที่ 21 เล่มที่ 21 ตอนที่ 603 ไม่ใช่บุรุษ เกี่ยวอันใดกับเจ้า

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

เคราของจงรุ่ยอันพลันกระตุก เขาปัดแขนจงเนี่ยที่ยื่นออกมาขวางซูจิ่นซี “จิ่นซีเข้าร่วมการแข่งขันในฐานะตัวแทนของสำนักแพทย์สกุลจง”

“นั่นก็ไม่ได้! จงรุ่ยอัน เจ้าเองก็เป็นคนสกุลจง อีกอย่าง ในชีวิตนี้ สกุลจงจัดการแข่งขันซิ่งหลินมากี่ครั้งแล้ว หรือยังต้องให้ข้าแจกแจงอีก? เจ้าเคยพบหรือไม่ว่ามีครั้งใดที่ให้ผู้อื่นเข้าร่วมการแข่งขันแทน? หากพบการกระทำอันผิดกฎ ต้องตัดออกจากการแข่งขันทันที”

เคราของจงรุ่ยอันสั่นเทาอีกครั้ง

สิ่งที่จงเนี่ยพูดออกมานั้นเป็นความจริง ทว่าตอนนี้ ตัวตนของซูจิ่นซีในฐานะบุตรสาวของจงซีจือยังไม่สามารถประกาศออกไปได้ อย่างไรก็ตาม หากไม่บอกสถานะที่แท้จริงของนางออกไป ซูจิ่นซีก็ไม่อาจเข้าร่วมการแข่งขัน

ควรทำอย่างไรดี?

เมื่อเห็นจงรุ่ยอันมีท่าทีอึดอัดพูดไม่ออก ใบหน้าของจงเนี่ยจึงปรากฏความลำพองใจอย่างชัดเจน เขาผายมือไปด้านนอก “ท่านหมอซู เชิญ! ”

จงรุ่ยอันกัดฟันแน่น ขณะที่เขากำลังจะเปิดเผยสถานะที่แท้จริงของซูจิ่นซี ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็ประสานมือคำนับจงเนี่ย “จงจิ่นซีคำนับท่านลุงเนี่ย! ”

จงเนี่ยขมวดคิ้ว พลางพึมพำชื่อ ‘จงจิ่นซี’ อยู่ในปากพักหนึ่ง แม้ชื่อนี้จะฟังดูคุ้นหูมาก ทว่าเขายังคิดไม่ออกว่าได้ยินชื่อนี้มาจากที่ใด ดังนั้นจึงไม่สนใจมากนัก

“โอ้ พี่รุ่ยอันของเราซ่อนอนุอยู่นอกจวนจริงๆ ท่านร้ายกาจนักที่ปกปิดเรื่องนี้! ”

สีหน้าของจงรุ่ยอันในตอนนี้ดูบูดบึ้งสุดขีด ทว่าซูจิ่นซีส่งสายตาบอกเป็นนัยว่าอย่าทำอันใดบุ่มบ่าม เขาจึงไม่พูดตอบโต้ให้มากความ

คำว่า ‘ท่านลุงเนี่ย’ ซูจิ่นซีเรียกขานออกไปอย่างสมเหตุสมผล อีกทั้ง ‘จงจิ่นซี’ สามคำนี้ยังกำกวม จงเนี่ยไม่คิดอันใดมาก และปล่อยให้ทั้งสามคนเข้าไปในงาน

อย่างไรก็ตาม จงเนี่ยมองตามด้านหลังซูจิ่นซีด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด

ทันใดนั้น เขาก็จำได้ว่าแผ่นหลังที่คุ้นเคยนี้คือใคร

จงเนี่ยกำหมัดแน่น ทว่าผ่านไปครู่หนึ่งก็ค่อยๆ คลายมือออก

บัญชีแค้นที่นางทำลายกระดูกสันหลังของเขาในสวนบุปผชาติวังหลวง เขาจะลืมได้อย่างไร?

ทว่าวันนี้เป็นงานใหญ่ ความแค้นส่วนตัวต้องวางไว้ชั่วคราว

แต่คนที่อยู่เบื้องหน้า เขาไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ แน่นอน

เจ้าจะชื่อซูอวิ๋นคายก็ดี หรือจงจิ่นซีก็ช่าง หลังผ่านวันนี้ไป บัญชีแค้นนี้ ข้าจะค่อยๆ คิดกับเจ้า

เพียง… คำว่า ‘จิ่นซี’ นี้คุ้นหูยิ่งนัก เขาเคยได้ยินชื่อนี้มาจากที่ใดกัน?

จงเนี่ยกำลังคิดไม่ตก ทันใดนั้น ทางด้านหลังก็มีเสียงสดใสราวกับกระดิ่งดังขึ้น

“ท่านแม่ทัพใหญ่จง สบายดีหรือไม่? ”

ถังเสวี่ย!

วันนี้ถังเสวี่ยสวมชุดทะมัดทะแมง ขากางเกงและแขนทั้งสองข้างผูกโบสวยงามเพื่อความคล่องแคล่ว ผมมัดรวบเป็นหางม้า สายรัดเอวสีสันสดใส มวยผมด้านหลังประดับด้วยเครื่องประดับที่เข้ากับบุคลิกของนาง มองโดยรวมแล้วเหมือนคนที่ฝึกวรยุทธ์

อย่างไรก็ตาม ถังเสวี่ยรู้จักจงเนี่ย แต่จงเนี่ยไม่รู้จักถังเสวี่ย

เขาหรี่ตามอง “แขกท่านนี้คือ… ”

ถังเสวี่ยไม่อ้อมค้อม นางบอกสำนักของตนไปตามตรง “ถังเสวี่ย จากสำนักถังเหมิน! ”

จงเนี่ยเพิ่งจะเข้าใจ “ที่แท้ก็เป็นคุณหนูใหญ่สกุลถัง เสียมารยาทแล้ว! ”

จงเนี่ยพูดพลางเหลือบมองไปด้านหลังถังเสวี่ย แม้จะเห็นอู๋จุนแล้ว ทว่าเขาไม่นำมาใส่ใจ

คืนวันนั้น ซูจิ่นซี อู๋จุน และอวิ๋นจิ่น ทั้งสามคนบุกเข้ามาในสำนักโอสถสกุลจง ทว่าคืนนั้นเป็นคืนเดือนมืด จงเนี่ยได้รับบาดเจ็บจึงมองเห็นอู๋จุนไม่ชัดนัก

“คุณหนูถัง นายท่านลิ่งจุนไม่มาหรือ? ”

ถังเสวี่ยแสดงท่าทางราวกับเป็นผู้ใหญ่ “บิดาข้ายุ่งมาก มารดาก็ยุ่งเช่นกัน ทั้งสองท่านจึงไม่ได้มา ครั้งนี้ข้ามากับพี่ชาย! ”

นางพูดพลางถอยหลังไปหนึ่งก้าว และจับมือของอู๋จุน

อู๋จุนอักอ่วนสุดขีด เขาคิดจะหลบเลี่ยง ทว่าถังเสวี่ยจับแขนของเขาไว้แน่น ในสถานการณ์เช่นนี้ อู๋จุนต้องให้เกียรติถังเสวี่ยโดยไม่สะบัดแขนของนางออก และทำได้เพียงประนีประนอม

“ที่แท้ก็คือคุณชายถัง เสียมารยาทแล้ว! ”

อู๋จุนยังสวมหน้ากากเขี้ยวสัตว์แสนเย็นชา ปกปิดใบหน้าที่กำลังแดงก่ำ

“ข้าชื่ออู๋จุน ไม่ได้แซ่ถัง”

ถังเสวี่ยเม้มริมฝีปาก แม้ใบหน้าจะแย้มยิ้ม ทว่ากลับเตะเท้าไปที่ขาของอู๋จุนอย่างแรง ปากของนางแนบใกล้ใบหูของอู๋จุน พลางส่งเสียงรอดไรฟัน

“ถังเป่าอวี้ เจ้ารับปากอันใดกับท่านพ่อของข้าตอนอยู่ที่สำนักถังเหมิน ลืมแล้วหรือ? ”

แรงเพียงน้อยนิดของถังเสวี่ย ไม่มีทางทำให้อู๋จุนรู้สึกเจ็บแน่นอน

อู๋จุนผลักถังเสวี่ยออกไป ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อสีแดง และเดินนำหน้าเข้าไปในสนามแข่งขัน

“คร้านจะพูดกับเจ้า ข้าจะรีบไปหาแม่นางพิษน้อย! ”

ถังเสวี่ยยกมือเท้าเอวด้วยความโมโห นางกระทืบเท้าอย่างแรง และร้องเสียงดัง “ถังเป่าอวี้ หากเจ้ากล้าก็เดินไปอีกก้าวสิ ลองดูสิ! ”

‘ขวับ ขวับ ขวับ’ ทุกสายตาต่างจับจ้องมายังทิศทางของเสียง สายตาเหล่านั้นตกอยู่ที่ร่างของถังเสวี่ยอย่างพร้อมเพรียง

ถังเสวี่ยเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนเองทำสิ่งใด ทว่าเรื่องเลยเถิดมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีทางยุติคำครหาได้แน่นอน จะเล่นก็ต้องเล่นให้ถึงที่สุด

ถังเสวี่ยไม่ยอมแพ้ นางรวบรวมความกล้าเดินไปด้านข้างอู๋จุน จากนั้นจึงหยิกใบหูของเขาและพูดเสียงดังว่า “ถังเป่าอวี้ ข้าขอบอกเจ้าไว้ก่อน วันนี้เจ้าต้องอยู่ข้างกายข้า ไม่อนุญาตให้ไปไหนทั้งสิ้น”

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างจ้องมอง อู๋จุนนึกเป็นห่วงเกียรติของถังเสวี่ย จึงไม่ออกแรงดิ้น และยอมให้นางกระทำตามใจ

เขาสวมหน้ากากอยู่ ไม่มีใครเห็นหน้า จึงไม่เสียเกียรติ ทว่าคนที่เสียหายมากที่สุด ยังคงเป็นเด็กน้อยผู้นี้

ถังเสวี่ยเดินไปพลาง พูดกรอกหูอู๋จุนไปพลาง “ถังเป่าอวี้ ข้าขอบอกเจ้า เจ้าได้คำนับฟ้าดินเป็นสามีภรรยากับข้าแล้ว ห้ามคิดถึงสตรีอื่น โดยเฉพาะสตรีที่เจ้าไม่สามารถคิดถึงได้”

ถังเสวี่ยไม่พูดออกมาคงดีกว่า เมื่อพูดแล้ว อู๋จุนก็เดือดดาลและผลักถังเสวี่ยทันที

“ข้าจะคิดถึง มีอันใดหรือไม่? ”

ถังเสวี่ยโกรธจัด นางยกสองมือเท้าเอว “เจ้าลองพูดอีกครั้งสิ! ”

อู๋จุนพูดว่า “ข้าจะคิดถึง! ”

ถังเสวี่ยโกรธมากจนแทบจะร้องไห้ “ถังเป่าอวี้ เจ้าเป็นบุรุษหรือไม่? ”

อู๋จุนพูดว่า “ข้าเป็นบุรุษหรือไม่ เกี่ยวอันใดกับเจ้าด้วย? ”

ถังเสวี่ย “เช่นนั้น เจ้ายอมรับแล้วว่าเจ้าคือถังเป่าอวี้? ”

อู๋จุน “ข้าชื่ออู๋จุน ไม่ใช่ถังเป่าอวี้”

……

คนที่อยู่ในเหตุการณ์มีจำนวนมาก พวกเขามาจากแคว้นต่างๆ ในอาณาจักรเทียนเหอ ทว่าถังเสวี่ยกับอู๋จุนกลับพูดเย้าแหย่กันราวกับรอบข้างไม่มีผู้ใด ทั้งยังเดินทะเลาะกันมาตลอดทาง

หลายคนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้น พวกเขาก็แย้มยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “คุณหนูใหญ่สำนักถังเหมินกับคุณชายถังช่างเป็นคนเปิดเผยเรื่องส่วนตัวกันจริงๆ ! ”

ถังเสวี่ยเห็นแต่ไกลว่าซูจิ่นซีนั่งอยู่บนที่นั่งด้านบน นางจึงเดินไปหาซูจิ่นซีด้วยรอยยิ้ม และนั่งลงด้านข้างซูจิ่นซี

“พี่จิ่นซี! ”

ซูจิ่นซีจงใจประสานมือทำความเคารพถังเสวี่ย เพื่อเตือนถังเสวี่ยถึงตัวตนของนาง “ข้าน้อยจงจิ่นซี คำนับคุณหนูถัง พวกเราพบกันอีกแล้ว”

ถังเสวี่ยตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ทว่านางตอบสนองเจตนาของซูจิ่นซีได้อย่างรวดเร็ว

“คุณหนูจง! ”

หลังจากนั้น ทั้งสองก็นั่งลง ทว่าซูจิ่นซีเหลือบไปเห็นหนานกงหว่านเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ตำแหน่งไกลออกไป

ตั้งแต่หนานกงหว่านเอ๋อร์เข้ามาในสนามแข่งขัน แววตาที่แฝงไว้ด้วยเจตนาชั่วร้ายของนางก็จับจ้องซูจิ่นซีตลอดเวลา ทว่าในสายตาของซูจิ่นซีไม่มีนางแม้แต่น้อย ในเวลานี้ก็เพิ่งมองเห็นนาง

ผู้อื่นอาจไม่รู้จักซูจิ่นซีในฐานะพระชายาโยวอ๋อง ทว่าหนานกงหว่านเอ๋อร์รู้!

หากหนานกงหว่านเอ๋อร์มองออก เรื่องหลังจากนี้คงจัดการได้ยากเป็นแน่