เล่มที่ 21 เล่มที่ 21 ตอนที่ 604 บ่นถึงจิ่วหรงไม่ได้จริงๆ

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

บางครั้ง หากกลัวสิ่งใด สิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้น

ขณะที่ซูจิ่นซีกำลังกังวลใจอยู่นั้น หนานกงหว่านเอ๋อร์ก็ค่อยๆ เดินมาทางซูจิ่นซี

ทีละก้าว… ทีละก้าว… ทีละก้าว…

นางเดินเข้ามาใกล้ซูจิ่นซีมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย

ไม่รู้ว่าตอนนี้ ในใจของซูจิ่นซีรู้สึกอย่างไร ทว่าอู๋จุนกลับยื่นมือให้ซูจิ่นซีด้วยท่าทางเย็นชา

ตอนอยู่ที่หุบเขาเทพโอสถ หนานกงหว่านเอ๋อร์และซูจิ่นซีเคยเผชิญหน้ากันแล้ว ต่อมาก็เคยเจอกันอีกหลายครั้ง ดังนั้น หน้ากากแผ่นบางบนใบหน้าของซูจิ่นซีจึงไม่มีประโยชน์อันใด

ถังเสวี่ยย่อมมองเห็นความกังวลใจของอู๋จุน นางเข้าไปใกล้ซูจิ่นซีเล็กน้อย และเอ่ยปากอย่างกังวล “พี่จิ่นซี”

ซูจิ่นซีจับมือถังเสวี่ยไว้ “ไม่เป็นไร ในเมื่อข้ากล้ามาร่วมการแข่งขันครั้งนี้ แน่นอนว่าต้องมีการเตรียมตัวล่วงหน้าเป็นอย่างดี”

ในที่สุด หนานกงหว่านเอ๋อร์ก็เดินมาถึงเบื้องหน้าของซูจิ่นซี นางขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณหนูจง? เหตุใดข้าจึงจำไม่ได้ว่าจงจิงเฉิน ศิษย์ร่วมสำนักของข้ามีน้องสาวอย่างเจ้าอยู่คนหนึ่ง? ”

ซูจิ่นซีแย้มยิ้มเล็กน้อย “คุณหนูหนานกงหาใช่คนในครอบครัวสกุลจงของข้า หากไม่รู้เรื่องราวภายในบางอย่างของสกุลจง ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุผลดีอยู่แล้ว”

หนานกงหว่านเอ๋อร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะโน้มตัวลงมาข้างใบหูของซูจิ่นซี “ผู้แซ่ซู เจ้าหยุดเสแสร้งได้แล้ว พูดมา เจ้าแอบอ้างเข้ามาในสกุลจง มีจุดประสงค์ใดกันแน่? ”

อย่างไรก็ตาม ไม่คิดว่าซูจิ่นซีจะยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา

“คุณหนูหนานกงอย่าได้กังวลใจเรื่องนี้ ทว่าหากคุณหนูหนานกงเห็นข้าแล้วไม่สบายใจจริงๆ ก็สามารถเปิดโปงข้าต่อหน้าทุกคนได้ แต่ข้ารับรองได้เลยว่า คนที่ถูกไล่ออกจากสนามคงไม่ใช่ข้า แต่เป็นเจ้าแน่นอน หนานกงหว่านเอ๋อร์”

ซูจิ่นซีพูดพลางสบสายตาหนานกงหว่านเอ๋อร์ด้วยแววตาเคร่งขรึมเย็นชา

ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นแล้ว ร่างของหนานกงหว่านเอ๋อร์กลับสั่นเทาเล็กน้อย

นับได้ว่านางเคยลงมือจัดการกับซูจิ่นซีมาหลายครั้ง ทว่าทุกครั้ง นางกลับไม่สามารถเอาชนะซูจิ่นซีได้

ทว่าครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ครั้งนี้นางเป็นตัวแทนของแคว้นซีอวิ๋นเพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน หากถูกทำให้ออกจากการแข่งขันก่อนลงสนาม คงเป็นเรื่องใหญ่

ดังนั้น นางต้องทำตัวดีๆ

เมื่อคิดได้เช่นนั้น หนานกงหว่านเอ๋อร์จึงกัดฟันพูด “ซูจิ่นซี เจ้าวางใจ ข้าไม่ทำตัวแย่ถึงเพียงนั้น ข้าจะด่าทอหรือเปิดโปงเจ้าเพื่ออันใด? พวกเราต่างก็มาเข้าร่วมการแข่งขัน ในสนาม พวกเราจะได้เห็นดีกัน เจ้าคอยดูข้าเถิด”

ซูจิ่นซีนิ่งเงียบไม่พูดอันใด ทว่าการแสดงออกของนางกลับท้าทาย และไม่ได้ขลาดกลัวแม้แต่น้อย

หนานกงหว่านเอ๋อร์กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปนั่งที่ของตนเอง

ครึ่งชั่วยามหลังจากทุกคนเข้าสู่สนามแข่งขัน ผู้ตัดสินการแข่งขันในครั้งนี้ก็เดินเข้าสู่สนามแข่งขันอย่างตรงเวลา ในบรรดาผู้ตัดสินมี จงซูอี้ ฮูหยินเฒ่าหาน ผู้อาวุโสทั้งสามท่านของสกุลจง รวมถึงหัวหน้าสำนักแพทย์และหัวหน้าสำนักโอสถแห่งสำนักแพทย์เทียนอีทั้งสองท่าน

แน่นอนว่าสายตาของทุกคนต่างมองไปยังที่นั่งของทั้งสองท่าน เพียงเพราะพวกเขาเป็นคนของสำนักแพทย์เทียนอี

สำนักแพทย์เทียนอีเป็นสถานที่ที่มีความลึกลับอย่างมาก

เพื่อเป็นการส่งเสริมคนรุ่นใหม่ การแข่งขันครั้งนี้จึงได้เลือกคุณชายจงจิงเฉินแห่งสกุลจงเป็นผู้ดำเนินการแข่งขัน

ประการแรก จงจิงเฉินเป็นคนของสกุลจง นอกจากนั้น เขายังเป็นศิษย์ของสำนักแพทย์เทียนอี จึงมีศักดิ์ศรีสูงส่งในสายตาของคนทั่วไป

ทว่าขณะที่จงจิงเฉินยืนอยู่บนเวทีและกำลังจะประกาศเริ่มต้นการแข่งขัน ทันใดนั้น น้ำเสียงสูงและตื่นเต้นก็ดังขึ้นจากทางด้านนอก

“เป่ยถางเย่ ท่านอ๋องน้อยแห่งแคว้นเป่ยอี้เสด็จมาถึงแล้ว… ”

ทุกคนต่างตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้น พวกเขาก็ชุลมุนลุกขึ้นอย่างพร้อมเพรียงและมองไปที่ประตูทางเข้า

สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาผู้คนคือสีม่วงอันตระการตา และผมยาวสีขาวดุจหิมะ

เป่ยถางเย่ในภาพลักษณ์ผมยาวสีขาวและชุดสีม่วง รูปโฉมงดงามไม่ธรรมดา เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณอันน่าประทับใจ เขาค่อยๆ ปรากฏกายสู่สายตาของทุกคน และเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า

มีหญิงสาวสิบสองนางแต่งกายด้วยชุดสีม่วงเดินอยู่ด้านหลังเขาด้วยท่าทางสง่างาม

ไม่ต้องอธิบายอันใดมาก ทุกคนล้วนเข้าใจดี นั่นคงเป็นสิบสองกิ่งทองที่เล่าลือกัน ซึ่งอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเป่ยถางเย่

สิบสองกิ่งทองเป็นกลุ่มนักฆ่าหญิงเดนตายสิบสองคน ซึ่งรับใช้เชื้อพระวงศ์แคว้นเป่ยอี้ ทุกคนต่างมีลักษณะเด่นเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกัน ทั้งยังมีพลังสังหารอันแข็งแกร่ง

เมื่อเห็นสิบสองกิ่งทอง ทุกคนจึงยิ่งแน่ใจว่า ผู้ที่มาเยือนคือเป่ยถางเย่ ท่านอ๋องน้อยแห่งแคว้นเป่ยอี้อย่างไม่ต้องสงสัย

แม้แคว้นเป่ยอี้จะอยู่ในอาณาเขตของอาณาจักรเทียนเหอ ทว่าเป็นแคว้นที่ลึกลับมากแคว้นหนึ่ง พวกเขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวของแคว้นทั้งห้า นอกจากนั้น ไม่ว่าเชื้อพระวงศ์ของแคว้นเป่ยอี้หรือประชาชนทั่วไป ก็ไม่มีส่วนร่วมกับแคว้นอื่นๆ ที่เหลือมากนัก

ครั้งนี้เป็นครั้งแรก

ท่ามกลางความตื่นเต้นตกใจของพวกเขา เป่ยถางเย่ค่อยๆ เดินเข้ามาโค้งคำนับให้ทุกคน

“ข้ามาสาย ต้องขออภัยทุกท่านด้วย ต้องขออภัยด้วย! ”

สามพ่อลูกแห่งสกุลจง และเหล่าผู้ตัดสินการแข่งขัน นอกจากผู้นำทั้งสองของสำนักแพทย์เทียนอีแล้ว ยังมีบุคคลสำคัญอีกหลายท่านที่เข้าร่วมในพิธี พวกเขาต่างรีบหันไปต้อนรับเป่ยถางเย่

“ยินดีต้อนรับท่านอ๋องน้อยเข้าร่วมการแข่งขันซิ่งหลิน”

“ไม่คิดว่าท่านอ๋องน้อยจะมาร่วมงาน เป็นความโชคดีของการแข่งขันครั้งนี้จริงๆ ! ”

“ท่านอ๋องน้อยเดินทางมาจากแดนไกล หากต้อนรับไม่ทั่วถึง ต้องขออภัยด้วย! ”

“ลือกันว่าท่านอ๋องน้อยประสบความสำเร็จตั้งแต่เยาว์วัย ทั้งยังมีจิตวิญญาณที่ไม่ธรรมดา วันนี้มีโอกาสได้เห็น เป็นดั่งคำร่ำลือจริงๆ ”

นั่นคงเป็นคำเยินยอที่เกินความจริง

“ท่านอ๋องน้อยเดินทางมาจากแดนเหนือ เหน็ดเหนื่อยหรือไม่? ต้องการพักผ่อนสักหน่อยหรือไม่ หากเริ่มการแข่งขันล่าช้าไปไม่กี่ชั่วยาม คงไม่มีปัญหาอันใด”

เป่ยถางเย่ยิ้มตอบรับเล็กน้อย ทว่าไม่พูดสิ่งใด

หลังจากพูดจาเยินยออยู่ครึ่งชั่วยาม เป่ยถางเย่จึงนั่งลง ในที่สุดเหตุการณ์ก็สงบ จงจิงเฉินยืนบนเวทีในฐานะผู้ดำเนินการแข่งขันอีกครั้ง

แม้คำพูดเยินยอจะจบลงแล้ว ทว่าสายตาของผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์กลับจับจ้องไปที่ร่างของเป่ยถางเย่ โดยเฉพาะสตรีหลายนาง พวกเขาไม่ได้ฟังแม้แต่น้อยว่าจงจิงเฉินกล่าวสิ่งใด

ทว่าเป่ยถางเย่กลับกวาดสายตาผ่านผู้คนที่ไม่ได้ลุกขึ้นยืนเมื่อตอนที่เขาเดินเข้ามา ในที่สุด สายตาของเขาก็หยุดลงที่ร่างของซูจิ่นซีเป็นเวลานาน

ซูจิ่นซีรับรู้ถึงการจ้องมองอันแปลกประหลาดจากระยะไกล นางสบสายตาของเป่ยถางเย่ด้วยท่าทีเรียบเฉยและไม่หวาดกลัว

อย่างไรก็ตาม ไม่คิดว่าเป่ยถางเย่จะคำนับซูจิ่นซีและยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

ซูจิ่นซีพยักหน้าตอบรับตามมารยาท

เหตุการณ์นี้ตกอยู่ในสายตาหลายคู่ของผู้ที่อยู่ในงาน

หนึ่งในนั้นคืออู๋จุน

อู๋จุนขมวดคิ้วแน่น ทันใดนั้น เขาก็เดินก้าวใหญ่ไปยืนอยู่ระหว่างสายตาของซูจิ่นซีกับเป่ยถางเย่ พลางเชิดหน้าใส่เป่ยถางเย่ด้วยสีหน้ายั่วยุ และค่อยๆ กำหมัด กางนิ้วโป้งคว่ำลง

เขาแสดงความเป็นเจ้าของซูจิ่นซี ทั้งยังดูถูกเหยียดหยามเป่ยถางเย่อย่างออกนอกหน้า

อีกผู้หนึ่งคือหนานกงหว่านเอ๋อร์

มือของนางกำที่วางแขนทั้งสองข้างแน่น สายตาจ้องมองซูจิ่นซีราวกับใบมีด

นางครุ่นคิดในใจ หึ ซูจิ่นซี นางแพศยาผู้นี้ ไปที่ใดก็เห็นแต่เจ้าจริงๆ ! เจ้าหว่านเสน่ห์ยั่วยวนบุรุษไปทั่ว! ดูสิว่าโยวอ๋องจะจัดการเจ้าอย่างไร!

นอกจากนั้น โชคดีที่ผู้ที่เข้ามาไม่ใช่คุณชายจิ่ว เจ้าสำนักแพทย์เทียนอี ไม่เช่นนั้น ซูจิ่นซี นางแพศยาผู้นี้คงได้สมดั่งใจ

ทว่า…

เจ้าสำนักมีความเคลื่อนไหวไม่แน่นอน ทั้งยังไม่เคยสนใจเรื่องเหล่านี้ เขาจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?

เพียง…

ความจริงได้ยืนยันแล้วว่า มีบางเรื่อง บางคน ที่ไม่อาจพูดถึงได้จริงๆ

เสียงสับสนในหัวใจของหนานกงหว่านเอ๋อร์เพิ่งสงบลงได้ไม่นาน จงจิงเฉินที่เป็นผู้ดำเนินการแข่งขันยืนอยู่บนเวทีราวกับต้นไม้หยก เขากำลังจะประกาศเริ่มต้นการแข่งขันซิ่งหลิน ทันใดนั้น เสียงขลุ่ยอันไพเราะก็ดังมาจากแดนไกล ตามด้วยเสียงแหลมคมอันไร้ตัวตนของนกกระเรียนที่บินผ่านท้องฟ้า