บทที่ 148 ขบวนสัตว์อสูร (3)
ป้อมมู่หลิว
ทหารเผ่าคนเถื่อนกลุ่มหนึ่งเดินตรวจตราอยู่บนกำแพงเมือง การเดินไม่ได้เป็นระบบระเบียบมากมายเช่นพวกมนุษย์นัก หากแต่เผ่าคนเถื่อนเหล่านี้ก็มีวิธีการตรวจตราเป็นของตนเอง
ทหารกรำศึกนามกงกู่มองทหารของตนด้วยความพึงพอใจแล้วตะโกนขึ้น “ทุกคนจงตั้งใจ พวกมนุษย์เที่ยวไปมาในแดนเราตามใจชอบ ข่าวล่าสุดชี้ให้เห็นว่าตอนนี้พวกมันกำลังอยู่ในเขตกลาง ไม่มีใครรู้ว่ามันจะปรากฏตัวขึ้นตอนไหน หากพวกเจ้าไม่อยากตาย ก็ลืมตากว้าง ๆ อย่าให้พวกมันเข้าใกล้ได้”
“หากพวกมนุษย์มา ก็จับมันกินเสียเลย !” ทหารเผ่าคนเถื่อนคนหนึ่งตะโกนตอบ
“ป้อมมู่หลิวไม่ใช่เมืองเล็ก พวกมันล้มเราไม่ได้ง่าย ๆ หรอก”
“ใช่แล้ว !”
“ถูกต้อง !”
ทหารเผ่าคนเถื่อนบนกำแพงทั้งหลายต่างร้องตะโกน
ในตอนที่กำลังร้องเสียงดังอยู่นั่นเอง พวกเขาก็เห็นริ้วสีดำปรากฏอยู่ที่ขอบฟ้า
“นั่นมันอะไรกัน ?” ทหารเผ่าคนเถื่อนเห็นเข้าจึงเอ่ยถามเสียงประหลาดใจ
พวกที่เหลือจึงหันไปมอง
กงกู่หรี่ตาลงแล้วรีบเข้าไปมองใกล้ ๆ “ระวังด้วย อาจเป็นพวกมนุษย์ก็ได้ ทุกคนหยิบอาวุธมาเสีย พ่าฉือลา ไปยืนหน้าหอแจ้งเตือน หากค่าสั่งให้เปิดกลไกทันที……”
ทหารผู้หนึ่งจึงรีบรุดไป
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง พวกมันเคลื่อนที่เร็วกว่าปกติ” ทหารเผ่าคนเถื่อนอีกหนึ่งว่า
เส้นสีดำรุดหน้าเข้ามาเป็นคลื่นด้วยความเร็วไม่ธรรมดา และที่สำคัญไปกว่านั้น ริ้วสีดำนี่ยังมีขนาดใหญ่มากราวกับเชื่อมฟ้าและดินเข้าด้วยกัน ซึ่งไม่น่าจะใช่สิ่งที่ทหารเพียง 8 พันจะสามารถทำได้
สุดท้ายเมื่อเส้นสีดำเข้าใกล้ กงกู่จึงเห็นได้ชัดเจนว่ามันเป็นอะไรกันแน่
เขาร้องลั่นขึ้น “สวรรค์ !”
จากนั้นหมุนตัวแล้วร้องเตือนเสียงดัง “ขบวนสัตว์อสูร ! ขบวนสัตว์อสูรเข้าโจมตี !”
เสียงเตือนภัยดังลั่นทั่ว ทำลายความเงียบสงบที่ปกคลุมป้อมไปในทันที
ทหารเผ่าคนเถื่อนนับไม่ถ้วนต่างมารวมตัวกันอยู่บนกำแพงเมือง จากนั้นจึงเห็นว่ามีขบวนสัตว์อสูรที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา พวกอสูรร้องคำรามไม่หยุด แล้วเพิ่งเข้ามาราวกับคลื่นกระทบฝั่ง
“สวรรค์ !” ทหารเผ่าคนเถื่อนร้องออกมาพลางตัวสั่น
“ขบวนสัตว์อสูรขนาดมหึมานัก ! ขบวนสัตว์อสูรขนาดใหญ่มาก !” กงกู่ร้องเสียงสิ้นหวัง
พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับขบวนสัตว์อสูรที่พันปีจะมีสักครั้งหนึ่ง
“เตรียมสู้ !” เสียงคำสั่งดังลั่นของผู้บัญชาการถูกเสียงร้องของพวกอสูรดังกลบ เมื่อพวกมันเข้ามาใกล้ เสียงคำรามดังราวฟ้าลั่นก็ยิ่งดังมากกว่าเดิม ทำเอาทุกคนปวดหู พื้นดินสั่นสะเทือน
ในตอนนั้นเอง อสูรร้ายก็เพิ่งเข้ามายังระยะป้องกันของป้อม
“หน้าไม้สังหารปีศาจ ยิง !” สิ้นเสียงคำสั่งผู้บัญชาการ หน้าไม้หนักก็พุ่งผ่านอากาศเข้าโจมตีอสูรร้ายทันที
“กรรร !” อสูรร้ายหน้าไม้สังหารปีศาจเข้าจึงร้องลั่น แต่อสูรร้ายและอสูรกายอีกมากมายก็รุดเข้ามาแทนที่ เหยียบย่ำศพอสูรที่เกลื่อนพื้นเข้ามา
แร้งเพลิงกลุ่มใหญ่พุ่งลงมาจากท้องฟ้า พวกมันรวดเร็วมากกว่านี้ยังได้ ทว่าด้วยคำสั่งของอสูรกาย พวกมันจึงลดความเร็วลง จะได้เข้าโจมตีพร้อมกันกับจังหวะที่ขบวนสัตว์อสูรเข้าปะทะป้อม ทำให้สนามรบครั้งนี้ยิ่งเต็มไปด้วยความดุเดือด
เสียงร้องโหยหวน ลมเพลิงพัดผ่าน แร้งเพลิงตัวแล้วตัวเหล้าร่อนลงจากฟ้า ใช้กรงเล็บคว้าทหารเผ่าคนเถื่อนแล้วบินกลับไป ตัวพวกมันใหญ่ราวกับวัว มีกรงเล็บขนาดใหญ่ และมีความสามารถในการปล่อยเปลวเพลิง นับเป็นกลยุทธ์ที่มีประโยชน์ไม่น้อย นอกจากจะใช้ย่างสดศัตรูได้แล้ว ยังสามารถคว้าศัตรูขึ้นฟ้าแล้วปล่อยลงมาให้ตายในทันทีได้อีกด้วย
ทหารคนแล้วคนเล่าถูกพวกมันพาขึ้นฟ้าไป ทุกคนล้วนดิ้นพล่าน ทหารที่ดุดันหน่อยก็ใช้ใบมีดหั่นกรงเล็บพวกมันออก กลับลงสู่พื้นและรักษาชีวิตตนเองไว้ได้ทันเวลา ส่วนคนอื่น ๆ ถูกพาไปยังฟ้าสูง ก่อนจะถูกปล่อยให้ร่วงลงพื้น บางส่วนก็เกาะมันไว้แน่นแล้วต่อสู้กับพวกมันบนท้องฟ้า อสูรร้ายที่อยู่ระดับสูงสุดอย่างไรก็ยังไม่อาจได้เปรียบเผ่าคนเถื่อนพี่ใจกล้าบ้าคลั่งได้อย่างสมบูรณ์ สุดท้ายก็ร่วงลงมา ตายตกไปตามกัน
กระนั้นการเสียสละของแร้งเพลิงก็ไม่สูญเปล่า อสูรร้ายกลุ่มใหญ่สามารถเข้าประชิดเมืองได้แล้ว
“ขวานบิน !” แม่ทัพเผ่าคนเถื่อนผู้หนึ่งร้องขึ้น
ทหารเผ่าคนเถื่อนที่เรียงแถวกันอยู่บนกำแพงเมืองต่างหยิบขวานบินขึ้นมา ที่แขนเกิดอักขระเรืองแสง ภายใต้คำสั่งของผู้บังคับบัญชา พวกเขาจึงเขวี้ยงขวานบินร่อนไปบนฟ้า
ขวานบินเหล่านี้มีระยะโจมตีจำกัด แต่พลังโจมตีสูงอย่างคาดไม่ถึง
หมาป่าตาดำเดียวดายตัวหนึ่งกำลังพุ่งเข้ามา กลับถูกขวานบินเฉาะเข้าที่ศีรษะ แยกร่างเป็นสองฝั่งตั้งแต่หัวจนถึงหาง สองฝั่งล้มคว่ำลงกับพื้น
“กรรร !” ทหารเผ่าคนเถื่อนทั้งหลายคำรามดุดัน
แม้จะต้องตาย แต่ก็ยังพร้อมสู้
ในตอนนั้นเอง นักรบเผ่าคนเถื่อนก็ได้เผยกำลังอันน่าเกรงขาม ราวกับว่ามีใครคอยทำให้กำลังใจให้ฮึกเหิมอยู่ไม่ขาด เมื่อความกลัวในตอนแรกเริ่มจางหาย ก็เกิดเป็นความตื่นเต้นเร้าใจ รุดหน้าเข้าสู่สนามรบแทน
แต่กระทั่งความกล้าหาญไร้ที่สิ้นสุดนี้ ก็ราวกับน้ำหยดลงมหาสมุทรสำหรับขบวนสัตว์อสูร
อาจมีขวานบินมากมายดังห่าฝน ทว่าขบวนสัตว์อสูรนั้นมากราวกับมหาสมุทร
และเมื่อคลื่นซัดเข้ามา ก็นำพาเอาทุกสิ่งอย่างไปด้วย
แร้งเพลิงยังคงร่อนลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า พวกมันยังไม่ตายทั้งหมด แต่ตอนนี้กลับร่วมมือกับเหยี่ยวขนขาวและเหยี่ยวสามตา ซึ่งที่มากไปกว่านั้น อสูรร้ายบนพื้นก็ได้รุดหน้าเข้ามาถึงฐานกำแพงแล้ว !!
คลื่นลูกแรกเป็นแรดหุ้มเหล็ก
อสูรหนังหนาพวกนี้ใช้เป็นกองหน้าได้ดีมาก พวกมันใช้ความสามารถในการพุ่งชนอันทรงพลังเข้าโจมตีกำแพงเมือง ใช้ศีรษะต่างอาวุธ
กระทั่งกำแพงที่มั่นคงที่สุดยังไม่อาจรับมือกับการโจมตีจะแรดหุ้มเหล็กนับหมื่นได้ในคราวเดียว
“เปิดใช้เกราะ !” ผู้บัญชาการเผ่าคนเถื่อนยืนเป็นสง่าแล้วสั่งการเสียงดัง
เกาะแสงสีขาวปรากฏขึ้นบนกำแพงเมือง
กระนั้นแรดหุ้มเหล็กก็ไม่ใส่ใจ ยังคงก้มหัวแล้วเข้ากระแทกกำแพงต่อ
เขานับไม่ถ้วนพุ่งเข้ากระแทกเกาะแสงสีขาว ส่งผลให้เกราะแสงกะพริบอย่างรุนแรง ส่องแสงสว่างจ้าแสบตา
อสูรร้ายที่ตามหลังแรดหุ้มเหล็กมาก็ฉวยเอาจังหวะนี้ช่วยโจมตีเกาะเช่นกัน
อสูรร่างยักษ์ตัวหนึ่งปรากฏขึ้นจากด้านหลัง เบียดเข้ามาจนถึงอสูรระลอกแรก มันใช้สองขายืนอย่างมนุษย์ มีหัวเป็นแพะภูเขา แต่มีร่างเป็นมนุษย์ ในมือถือแส้ยาว มีสายฟ้าดั่งอสรพิษลั่นเปรี๊ยะ ส่องแสงออกมา เกราะแสงส่องสว่างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
มันเป็นอสูรกายระดับกลาง
“ฆ่ามัน” ผู้บัญชาการเผ่าคนเถื่อนสั่งการลั่น
ขวานบินนับร้อยถูกเขวี้ยงมา
การโจมตีที่เรียบง่ายทว่าได้ผลดีบีบให้อสูรหน้าแพะต้องถอยกลับ หากแต่ก็ยังถูกขวานบินไล่ล่า
ทว่าพริบตาต่อมา ก็มีอสูรหน้าแพะจำนวนมาก ใช้แส้สายฟ้าโจมตีเกราะแสง ยิ่งทำให้แสงสว่างจ้ามากขึ้นกว่าเดิม
เห็นเช่นนั้นแล้ว กระทั่งผู้บัญชาการเผ่าคนเถื่อนผู้กล้าหาญยังเปลี่ยนสีหน้า “จบแล้ว”
เกราะป้องกันกำแพง ที่ควรจะสามารถป้องกันทัพใหญ่ได้ ถูกทำลายราวกับเป็นเพียงกระดาษแผ่นหนึ่ง
พริบตาต่อมา ขบวนสัตว์อสูรก็พุ่งเข้าป้อมไป
ป้อมมู่หลิวแตกแล้ว