TQF:บทที่ 676 ฮ่องเต้เรียกเข้าพบ (1)
“ท่านพ่อ ท่าทางบ้านรองและบ้านใหญ่เป็นพวกเดียวกันแล้วจริงๆ” ฟางหมิงเลี่ยมองพ่อตัวเองแล้วอดพูดไม่ได้
แม้ว่าพวกเขาจะปิดประตูไม่รับแขก ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ได้ข่าวคราวอะไรเลย ทุกการเคลื่อนไหวในบ้านตระกูลฟางพวกเขาก็ยังรู้อยู่
ฟางหมิงเฉินมองพี่ใหญ่ตัวเองและพูดขึ้นบ้าง “ท่านพ่อ พวกเราไปสมาคมกับบ้านใหญ่หน่อยมั้ย ตอนนี้ลุงใหญ่ก็จะบรรลุเป็นบรรลุเทพเทวาแล้วด้วย”
“……”
เนิ่นนาน ฟางเต๋อหรงค่อยๆเงยหน้าขึ้น เขาจ้องมองลูกชายทั้ง 2 และถามกลับ “พวกเจ้าคิดว่ายังไงล่ะ”
“ท่านพ่อ แม้ว่าเพิ่มดอกไม้บนผ้าทอลายจะสู้การมอบความอบอุ่นให้ในยามหนาวไม่ได้ แต่ในเมื่อเมื่อก่อนเราไม่ได้มอบความอบอุ่นให้ ตอนนี้ต่อให้เราทำได้แค่เพิ่มดอกไม้บนผ้าทอแต่อย่างน้อยก็ยังมีดอกไม้อยู่นี่นา ถ้าแม้แต่ดอกไม้ก็ไม่มีละก็ พวกเขาจะยิ่งเคียดแค้นบ้านเรา”
“เจ้าหมายความว่าบ้านใหญ่จะรับดอกไม้ของเจ้ารึ” ฟางเต๋อหรงมองลูกชายคนเล็กด้วยความสนใจ
ฟางหมิงเฉินพยักหน้านิดหน่อย “ท่านพ่อ พี่ใหญ่ ที่จริงพวกเราต่างรู้ว่าบ้านลุงใหญ่น่ะใจดีเกินไป คิดเยอะเกินไป ถึงได้ยอมถอยไปเรื่อยๆ กลับเป็นเหตุให้คนอื่นยิ่งบีบคั้นเอา ในเมื่อพวกเขาสามารถพลิกตัวได้ พวกเราเป็นกำลังเสริมให้พวกเขายังดีกว่าเป็นเสี้ยนหนาม”
“เจ้าล่ะ….” ฟางเต๋อหรงถามลูกชายคนโต
ฟางหมิงเลี่ยพยักหน้าด้วยแววตาเป็นประกาย “ท่านพ่อ น้องเฉินพูดถูก บ้านลุงใหญ่อ่อนแอเกินไป ที่ตอนนั้นเราไม่ได้ยื่นมือไปช่วยเหลือก็เพราะกลัวว่าสุดท้ายแล้วหากพวกเขาตั้งตัวไม่ได้ จะยิ่งเป็นตัวถ่วงพวกเราอีก ไม่ว่าอย่างไรพี่ซูหยุนกลับมาแล้ว นางเปลี่ยนแปลงความอ่อนแอของบ้านใหญ่ไปแล้วจริงๆ แน่นอนว่าหลักๆก็ต้องดูบ้านใหญ่อีกทีว่าจะแข็งกร้าวขึ้นมาได้จริงรึเปล่า”
ฟางเต๋อหพยักหน้าพลางเหลือบมองลูกชายตรงหน้า “ที่พวกเจ้าพูดก็ถูก พวกเจ้ามองเห็นถึงภาพรวม พูดให้เพราะหน่อยก็คือลุงใหญ่เห็นประโยชน์ของส่วนรวม ใจดีมีเมตตา พูดให้น่าเกลียดก็คือขี้ขลาดตาขาว กลัวการมีเรื่องมีราว เพื่อประโยชน์ส่วนรวมแล้ว แม้กระทั่งเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองถูกทำร้ายก็ไม่ยอมเอาเรื่อง ส่วนนี้พ่อไม่เห็นด้วย ถ้าพ่อเจอเรื่องแบบเดียวกับลุงใหญ่ของเจ้าละก็ต้องเอาให้ตายแน่ ต่อให้ต้องลงนรกไปด้วยกันพ่อก็ยอม ลูกของตัวเองไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรก็ต้องปกป้องไว้”
“ท่านพ่อ….”
2 พี่น้องร้องเรียกอย่างลืมตัว แม้ว่าพวกเขาจะเป็นปู่คนแล้ว แต่เมื่อได้ยินคำพูดของท่านพ่อก็เสียอาการเหมือนกัน
ฟางเต๋อหรงยิ้มภูมิใจและพยักหน้ากับพวกเขา “แต่ลุงใหญ่ของพวกเจ้าเลือกที่จะเสียสละบ้านตัวเองเพื่อประโยชน์ส่วนรวม พ่อยิ่งใหญ่แบบนั้นไม่ได้ ประโยชน์ส่วนรวม เพื่อปกป้องความรุ่งเรืองของตระกูลฟางไว้ เฮอะ เลือดเนื้อเชื้อไขตัวเองยังปกป้องไม่ได้ จะปกป้องตระกูลฟางไว้ได้อย่างไรกัน บ้านตัวเองก็ไม่เหลือแล้ว ลูกหลานยังถูกทำร้ายจนอยู่ไม่ได้ นี่ไม่ได้เรียกว่ายิ่งใหญ่ นี่เรียกว่าโง่เขลา เรื่องนี้แหละที่ทำให้พ่อไม่อยากยุ่งกับลุงใหญ่ของพวกเจ้า”
“ตอนนั้น….”
ฟางเต๋อหรงมีสีหน้ารำลึกเมื่อพูดถึงเรื่องเมื่อก่อน “ตอนนั้นพี่ใหญ่ดูแลพวกเราจริงๆ โดยเฉพาะข้าที่เด็กที่สุด ท่านแม่ข้าก็ถูกบ้านสามรังแกบ่อยๆ มีแต่แม่ใหญ่และพี่ใหญ่ที่คอยปกป้องข้าและท่านแม่ของข้า ข้าเองก็เทิดทูนพี่ใหญ่มาตลอด เพียงแต่นิสัยเขาเหมือนแม่ใหญ่เกินไป ไม่รู้เลยว่าหากตีหมาป่าไม่ตาย จะถูกมันกัดตายเองเอา เพราะอย่างนั้นพวกเขาถึงเสียท่ากับพวกเนรคุณยังไงล่ะ”
“ท่านพ่อ ท่าทางลุงรองจะยกตำแหน่งเจ้าบ้านให้พี่หมิงเห้อ” นัยต์นาของฟางหมิงเฉินเป็นประกายด้วยสติปัญญา
ฟางเต๋อหรงพยักหน้าเบาๆ “เขาจะรับตำแหน่งเจ้าบ้านมั้ยข้าไม่รู้ คอยดูไว้ก็แล้วกัน ยังไงซะพี่ใหญ่ก็คือพี่ใหญ่ ถ้าเขาบรรลุได้จริงๆก็ถือเป็นเรื่องดีสำหรับตระกูลฟางของพวกเรา”
“ท่านพ่อ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ข้ากับพี่ใหญ่ไปหาพี่หมิงเห้อดีมั้ย”
“ไปสิ ทำเรื่องที่พวกเจ้าอยากทำ” ฟางเต๋อหรงเหม่อลอยนิดหน่อย ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
2 พี่น้องมองหน้ากันก่อนจะเดินออกจากห้องหนังสือของท่านพ่อเงียบๆ
เมื่อลูกชายไปแล้วฟางเต๋อหรงถึงได้สติกลับมา เขาก้มหน้าลงเอ่ยเสียงแผ่วเบาที่แทบจะไม่ได้ยิน “พี่ใหญ่ ท่านจำสัญญาที่พวกเราเคยให้ไว้ได้มั้ย”
“ชู่ๆๆๆๆ….”
“โฮกๆๆๆ….”
“อ๊าวๆๆๆ….”
สัตว์อมตะส่งเสียงต่างๆออกมา เหล่าผู้อาวุโสที่คุ้มกันบ้านใหญ่อยู่ตื่นตัวทันที
นอกจากพวกเขายังมีฟางหมิงเห้อ พวกเราออกโรงกันหมด มีคนชุดดำปรากฏตัวออกมาราว 200 คน ล้อมทั้งบ้านไว้หมด
ฟางหมิงเห้อบันดาลโทสะ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามีคนไม่อยากให้ท่านพ่อตัวเองบรรลุ นึกมาถึงจุดนี้จะไม่ให้เขาแค้นได้อย่างไร
สีหน้าของเหล่าผู้อาวุโสก็อึมครึมจนน่ากลัวเช่นกัน พวกเขาร่วมมือกันสร้างเกราะป้องกันบ้านไว้ทันที มีเกราะที่พวกเขาปรากฏเทพเทวาสร้างไว้ ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธที่มีระดับต่ำกว่าอย่าหวังว่าจะทำลายได้ในเวลาอันสั้น
ฟางหมิงเห้อก็รู้ว่าเหล่าผู้อาวุโสสร้างเกราะป้องกันไว้ คำรามด้วยความเดือดดาล “สารเลวเอ๊ย สมควรตายให้หมด…”
เสียงคำรามที่มีพลังเซียนผสมอยู่ดังกึกก้องไปทั่วบ้านตระกูลฟาง ทำให้ทุกคนตื่นตัวกันหมด
คนบ้านรองรีบมาที่นี่เพื่อสนับสนุนบ้านใหญ่
แต่ในแววตาคนชุดดำที่ปรากฏตัวที่นี่มีแต่ความโหดเหี้ยม พวกเขาไม่พูดพร่ำทำเพลง พุ่งเข้าใส่เหล่าผู้อาวุโสและฟางหมิงเห้อทันที
พวกเขาไม่คิดจะต่อสู้กับสัตว์อมตะ แต่เลือกคนที่คุ้มกันอยู่โดยตรง แสดงให้เห็นว่าพวกเขารู้ว่าไม่สามารถต่อกรกับสัตว์อมตะได้ จึงฆ่าคนเหล่านี้ก่อน
การต่อสู้อันดุเดือดเริ่มขึ้นทันที
คนที่อยู่ในมิติก็รู้ตัวแล้วเหมือนกัน ถึงอย่างไรสัตว์อมตะและเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็มีสัญญาต่อกัน พวกมันจึงแจ้งให้นางทราบโดยเร็วที่สุด
หยูเฮงน้องเป็นผู้ปกครองของมิติ สัตว์อมตะต่างเติบโตขึ้นในมิติ หยูเฮงน้อยย่อมสัมผัสถึงการกระทำของพวกเขาได้ นางรีบบอกกับคนข้างๆทันที “ฮูหยินฟาง มีคนมารนหาที่ตาย”
“มีคนมาหาเรื่องเหรอ” สีหน้าของฟางซูหยุนเปลี่ยนไปทันที ในแววตามีความต้องการฆ่าอย่างน่ากลัว
นางเองก็รู้ว่านี่คือคนที่ไม่ต้องการให้ท่านพ่อของตัวเองบรรลุบรรลุเทพเทวาได้
ทันใดนั้นรังสีอำมหิตในตัวนางก็พุ่งขึ้นสะท้านฟ้า ในใจนางมีความคิดที่อยากจะทำให้ทุกอย่างโชกเลือดเป็นครั้งแรก นี่มันรังแกกันเกินไปแล้ว สุดจะทนแล้วจริงๆ
“ท่านย่า….”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวปรากฏตัวและรู้สึกถึงความอยากจะฆ่าและรังสีอำมหิตในใจท่านย่าได้ทันที จึงคำรามเสียงต่ำด้วยพลังเสียงเทพชิง
ฟางซูหยุนที่นัยน์ตาเริ่มแดงได้สติกลับมาทันที นางพยักหน้าให้กับหลานสาวที่เดินเข้ามาเหมือนกับรู้อะไรบางอย่าง
“ฮูหยินฟางไม่ต้องกังวลไป อย่าลืมสิว่าเรามีสัตว์อมตะกว่าร้อยตัวคอยคุ้มกันอยู่ข้างนอกนั่น มีพวกมันอยู่คนอื่นอย่าคิดจะย่างกรายเข้ามาได้”
———————————