TQF:บทที่ 677 ฮ่องเต้เรียกเข้าพบ (2)
หยูเฮงน้อยรีบปลอบประโลมนาง การที่นางสติหลุดเมื่อกี้ทำให้หยูเฮงน้อยประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“ใช่แล้วท่านย่า ท่านวางใจได้ว่าเจ้าพวกข้างนอกนั่นไม่ได้กลับไปอีกแน่” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้ม แม้ว่าคนข้างนอกนั่นเตรียมตัวมาสู้ตาย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสัตว์อมตะแล้วไม่ว่าจะมีกี่คนก็มีแต่ต้องตายเท่านั้น
และก็จริง สถานการณ์ภายนอกนั้นแม้ว่าเจ้าพวกเดนตายชุดดำจะไม่ยุ่งกับสัตว์อมตะ แต่เหล่าสัตว์อมตะที่ได้รับคำสั่งมาไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยพวกมันไป นอกจากหลายสิบตัวที่คอยอยู่เฝ้า ที่เหลือลงมือกันหมด ด้วยกรงเล็บ การตระครุบ การตบ การเหวี่ยง การเตะ ไม่นานนักก็เก็บกวาดพวกเดนตายเหล่านี้ไปจนเกลี้ยง
ขณะเดียวกันพวกตาแก่ก็พาคนมาถล่มไม่น้อย ไม่เห็นพวกเดนตายอยู่ในสายตา เข้ามารังแกกันถึงในบ้านจะไม่ให้พวกตาแก่โมโหได้อย่างไร
ปรากฏเทพเทวาบันดาลโทสะก็น่าสยองขวัญเหมือนกัน พวกเขาฆ่าไปเกือบจะ 1 ใน 3
เพียงครึ่งนาทีเท่านั้นคนเดนตายกว่า 200 คนก็นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ส่วนตายไปแล้วหรือยังนั้นตอนนี้ยังไม่มีใครสนใจ
หลังจากที่ฟางหมิวเห้อหยุดเขาก็เห็นว่าไม่ใช่แค่คนบ้านรองที่มา น้องชาย 2 คนจากบ้านสี่ที่ไม่เคยโผล่หน้ามาเลยก็พาคนมาเสริมกำลังเหมือนกัน เรื่องนี้ทำให้เขาแปลกใจอยู่
ฟางหมิงเลี่ยและฟางหมิงเฉินพยักหน้าให้เขาเป็นการทักทายแล้วก็พาคนจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
จากนั้นคนของพี่น้องฟางหมิงต๋าก็พูดคุยเพียงไม่กี่คำแล้วทิ้งเศษซากไว้ให้ฟางหมิงเห้อก่อนจะพาคนของตัวเองจากไป
เหลือเพียงฟางหมิงเห้อและคนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์อยู่ไม่กี่คน ส่วนพวกตาแก่ล้วนกลับไปคุ้มกันต่อ เรื่องของการเก็บซากพวกนี้พวกเขาย่อมไม่ยุ่งอยู่แล้ว
“อิอิ ท่านปู่เล็ก เป็นไงบ้าง คืนนี้ได้ลงไม้ลงมือสะใจมั้ย”
ร่างของทั้ง 3 ปรากฏขึ้นตามเสียงของหยูเฮงน้อย ฟางหมิงเห้อถึงนึกได้ว่าตัวเองไม่ได้ลงไม้ลงมือกับใครมาหลายสิบปีแล้ว ลืมความรู้สึกที่ได้ประมือไปนานแล้ว
เมื่อกี้โมโหถึงขีดสุดจึงมองข้ามข้อเท็จจริงนี้ไป ในใจคิดแต่ว่าจะกำจัดเจ้าพวกเดนตายพวกนั้นไปให้สิ้นซาก
นึกย้อนกลับไปในตอนนี้ ฟางหมิงเห้ออุทานขึ้นเมื่อมอง 2 มือของตัวเอง “ความรู้สึกที่มีพลังนี่มันดีจริงๆ”
“ท่านปู่เล็ก จัดการเรื่องตรงนี้ให้เรียบร้อยก่อนค่อยดีใจจะดีกว่า” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวกล่าวยิ้มๆ
ฟางซูหยุนมองน้องชายที่มีพละกำลังเปี่ยมล้นด้วยใบหน้าสุขี นางวางใจได้แล้วจริงๆ
ฟางหมิงเห้อรวมคนชุดดำเข้าไว้ด้วยกัน ส่วนใหญ่ตายหมดแล้ว เหลือพวกที่ยังมีลมหายใจอยู่ไม่กี่คนก็ยอมตายซะดีกว่าต้องเอ่ยปาก สุดท้ายแล้วก็กัดยาพิษที่ซ่อนไว้ในปากและตายกันหมด
เมื่อสืบไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้ก็ให้บริวารลากคนชุดดำพวกนี้ออกไป ไม่สนใจอีก
หลังจากนั้นก็มีคนบรรลุอีก แต่ความฮือฮาจากการบรรลุครั้งนี้ไม่มากนัก และไม่ได้เป็นที่สนใจของใครเท่าไหร่
ไม่นานนักคนที่บรรลุก็ออกมา ท่านน้าย่าและภรรยาของฟางเส้าจิ่งนั่นเอง พวกนาง 2 แม่สะใภ้วิทยายุทธพอๆกัน จึงบรรลุเป็นบรรลุราชันย์จักพรรดิ์ในเวลานี้พร้อมกัน
ระดับวิทยายุทธอาจจะไม่สูงเท่าไหร่ แต่กับคนที่พรสวรรค์ธรรมดาอย่างพวกนางก็นับว่าน่าพึงพอใจแล้ว เหลือแค่ฟางเส้าจิ่งและนายท่านใหญ่ที่ยังไม่บรรลุ
วันต่อมาฟางเส้าจิ่งก็บรรลุเป็นที่เรียบร้อย คนที่เพิ่งจะอายุ 40 พอดีบรรลุเป็นจักพรรดิ์อมตะ พรสวรรค์ไม่นับว่ายอดเยี่ยมแต่ก็ไม่ได้แย่
คนที่เพิ่งจะบรรลุได้ไม่นานถูกฟางหมิงเห้อไล่ไปฝึกฝนให้วิทยายุทธมั่นคงกันหมด วิทยายุทธจะได้ไม่ถดถอยลงไป
ตอนนี้เหลือเพียงนายท่านใหญ่ที่ยังเก็บตัวฝึกฝนอยู่ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวรู้สึกได้ถึงพลังในตัวท่านปู่ทวดที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ว่าเขาก็อยู่ในช่วงเวลาสำคัญเหมือนกัน อีกไม่นานเขาก็สามารถทลายขีดจำกัดของปรากฏเทพเทวาและบรรลุเป็นบรรลุเทพเทวาได้
ผู้แข็งแกร่งระดับบรรลุเทพเทวาสามารถชักนำให้สำนักหรือตระกูลรุ่งเรืองได้ หรือเรียกได้ว่าเมื่อเขาบรรลุแล้ว ความรุ่งเรืองของตระกูลฟางเป็นเรื่องที่ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้
เวลาผ่านไปอีก 3 วัน
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวรู้ว่าเวลาแห่งการบรรลุใกล้จะมาถึงแล้ว
“ตู้มม”
เกิดความผิดปกติบนท้องฟ้า จู่ๆพลังวิญญาณมหาศาลในใต้หล้าก็รวมตัวและพุ่งไปยังทิศทางเดียวด้วยอานุภาพราวคลื่นยักษ์ซัดมายังท้องฟ้าด้านบนของบ้านตระกูลฟาง
ความเปลี่ยนแปลงของพลังวิญญาณในใต้หล้าดึงดูดความสนใจจากผู้ฝึกฝนวิทยายุทธมาทันที เมื่อพวกเขาพบว่าความผิดปกตินี้มาจากบ้านตระกูลฟางก็ยิ่งตกใจกันไปใหญ่
เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลฟางกันแน่ หลายวันมานี้บรรลุกันไปคนแล้วคนเล่า หรือว่าเดี๋ยวนี้การบรรลุมันง่ายขนาดนั้นเลยรึ
ที่สำคัญคือปรากฏการณ์ของการบรรลุครั้งนี้ยิ่งใหญ่กว่าหลายวันก่อนอีก แทบจะดูดเอาพลังวิญญาณของทั้งชิงยางไปจนหมด
ความเปลี่ยนแปลงขนาดนี้ช่างน่าทึ่งจริงๆ ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธล้วนอดไม่ได้ที่จะมายังฟ้าเหนือตระกูลฟาง พวกเขาอยากรู้ว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ใครกันที่กำลังจะบรรลุ
ส่วนพวกปีศาจเฒ่าที่เก็บตัวไม่ไปไหนเมื่อสัมผัสถึงปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่นี้ก็รู้ได้ทันทีว่ามีคนกำลังจะบรรลุบรรลุเทพเทวา
บรรลุเทพเทวา ในชิงยางไม่มีคนบรรลุเป็นเทพเทวามานานเท่าไหร่แล้ว ไม่คิดว่าจะมีคนบรรลุได้ในเวลานี้ ทำให้คนพวกนี้สนใจด้วยความสงสัยทันที
พวกปีศาจเฒ่าที่ไม่ยอมออกไปข้างนอกมานานนับหลายสิบหลายร้อยปีต่างอยู่ไม่สุขแล้วในตอนนี้ แต่ละคนพุ่งขึ้นฟ้าไปยังทิศทางเดียวกัน
ปรากฏการณ์ครั้งนี้สะเทือนไปถึงฮ่องเต้ในพระราชวัง ฮ่องเต้แห่งเมืองหวงฝู่เป็นผู้เฒ่าอายุเกือบจะ 90 แต่ดูแล้วเหมือนคนอายุเพียง 50-60 เท่านั้น ดูไม่ออกเลยว่าอายุจะร้อยปีแล้ว
สายตาคมกริบของเขาราวกับสามารถมองทะลุไปถึงปรากฏการณ์ข้างนอกนั่นได้ เขาขมวดคิ้วนิดหน่อย “ตระกูลฟางอีกแล้วเหรอ”
“ฝ่าบาท คนตระกูลฟางบรรลุอีกแล้วพะย่ะค่ะ” ขันทีคนหนึ่งที่แก่จนเหมือนว่าถ้าล้มจะไม่สามารถลุกขึ้นได้อีกตอบคนบนบัลลงก์มังกรด้วยความนอบน้อม
ฮ่องเต้วางพู่กันลงและครุ่นคิด “ข้าจำได้ว่าช่วงไม่กี่วันมานี้เจ้าพวกเด็กๆมีปฏิสัมพันธ์กับคุณหนูผู้เป็นญาติตระกูลฟางใช่มั้ย”
“พะย่ะค่ะฝ่าบาท จากแหล่งข่าวว่า คุณหนูผู้เป็นญาติตระกูลฟางเป็นเหลนสายนอกของสายบ้านใหญ่ตระกูลฟาง ย่าของนางชื่อฟางซูหยุน หายตัวไปในขณะฝึกฝนเมื่อ 40 ปีก่อน จนกระทั่งไม่นานมานี้นางพาหลานสาวกลับไปยังบ้านตระกูลฟาง”
“ที่พวกนางกลับไปบ้านตระกูลฟางก็เอะอะกันไม่น้อย แต่หลานสาวของฟางซูหยุนก็คลี่คลายทุกอย่างได้หมด ขณะเดียวกันฐานะผู้ฝึกสัตว์ของแม่นางที่ชื่อเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและสาวใช้ของนางหยูเฮงน้อยก็ถูกเปิดเผย พวกนางมีสัตว์อมตะหลายพันตัวทำให้อิทธิพลต่างๆแตกตื่นไม่น้อย”
“สัตว์อมตะหลายพันตัว?”
ฮ่องเต้เฒ่าอึ้งไป ช่วงก่อนเขาได้ยินเรื่องของตระกูลฟางและความเคลื่อนไหวของเจ้าพวกเด็กๆอยู่เหมือนกัน แต่การที่เขาเป็นฮ่องเต้ก็มีเรื่องราวมากมายให้ดูแล ไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องเล็กๆน้อยๆของพวกเด็กๆ จึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องของคุณหนูผู้เป็นญาติตระกูลฟางมากนัก
ขันทีเฒ่าพยักหน้า “พะย่ะค่ะฝ่าบาท คนมากมายเคยเห็นสัตว์อมตะพวกนั้นกับตา ไม่ได้เป็นการพูดเกินความเป็นจริงแต่อย่างใด”
————————————