ภาคที่ 31 ขั้นอลวน ตอนที่ 15 พรสวรรค์

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 15 พรสวรรค์ โดย Ink Stone_Fantasy

ส่วนลึกของทางเดินโลกาพิศวง ภายในมิติที่ซ่อนเร้นเอาไว้แห่งหนึ่ง

โถงตำหนักหิมะน้ำแข็งอันเงียบเชียบแห่งหนึ่ง ภายในมีเงาร่างหกสายนั่งอยู่ พวกเขาต่างก็เก็บงำกลิ่นอายกันเป็นอย่างยิ่ง มีทั้งที่เป็นเกราะสีดำ มีทั้งที่เป็นเกราะสีม่วง หรือแม้กระทั่งมีบางส่วนที่สวมอาภรณ์ปกติของผู้บำเพ็ญ ถึงขนาดที่มีอยู่สองตนที่มีรูปลักษณ์เป็นมนุษย์

“น้องเสวี่ยหย่ง มีเรื่องอันใดกันจึงได้เรียกตัวพวกเรามา”

“เจ้าพวกโง่งมพวกนั้นต่างก็ให้น้องเสวี่ยหย่งเป็นผู้บัญชาการ เรื่องบางอย่างเจ้าก็สามารถตัดสินใจเองได้ ก็ไม่จำเป็นต้องมาหาพวกเราแล้ว” เงาร่างอื่นๆ อีกห้าร่างนั้นดูสบาย ๆ เป็นอย่างยิ่ง พวกเขาไม่มีกลิ่นอายร้ายกาจของฝูงมารผลาญทำลายตามปกติ หรือแม้แต่เพียงแค่เปลี่ยนแปลงรูปโฉม ปะปนไปกับบรรดาผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วน ก็ยากที่จะตระหนักถึงความพิเศษของพวกเขาได้แล้ว

หญิงสาวในชุดเกราะสีขาวราวหิมะตลอดร่างผู้หนึ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “น้องสาวรู้ว่าพี่ชายทุกท่านทุ่มเทจิตใจให้กับการบำเพ็ญ ไม่มีจิตใจจะมาแยแสเรื่องโง่เง่าพรรค์นั้น แต่อันที่จริงแล้วมีเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งจะบอกกับพี่ชายทุกท่านเจ้าค่ะ”

“หา”

อีกห้าคนต่างก็มองดูหญิงสาวในชุดเกราะขาวราวหิมะผู้นี้

“พี่ชายทุกท่านต่างก็ทราบว่ารังเกราะทองที่แปดของพวกเราเป็นรังที่พัฒนาสมบูรณ์ขึ้นมาใหม่ ตอนนี้กำลังฟูมฟัก ‘ฝูงมารผลาญทำลายเกราะทอง’ กลุ่มแรกอยู่ในนั้น” หญิงสาวในชุดเกราะขาวราวหิมะพูด

“อืม ไม่สามารถกำจัดการควบคุมของกฎเกณฑ์สูงสุดได้ สื่งโง่เง่าที่ถูกค่ายสังหารกระหายจะควบคุมอยู่เป็นประจำนั้นมีอะไรให้น่าพูดถึงกัน” ชายหนุ่มอาภรณ์ดำผู้หนึ่งหยิบพัดขึ้นมาแล้วโบกพัดตามสบายพลางแค่นเสียงหัวเราะเยาะเสียงหนึ่ง

“รังเกราะทองที่แปด ในบรรดาฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองชุดแรกที่ฟูมฟัก… มีอยู่ตนหนึ่งที่พิเศษยิ่งนัก สามารถตัดสินได้ว่ามีพรสวรรค์ ‘ไร้เงา’” หญิงสาวในชุดเกราะขาวราวหิมะพูดพลางอมยิ้มแล้วกวาดสายตามองทั้งห้าคนรอบๆ อย่างสบายใจ ดังเช่นที่นางคาดไว้ ฝูงมารผลาญทำลายที่ไปถึงระดับเทพจักรวาลแล้วทั้งห้าคนต่างก็เงียบกริบ

“พรสวรรค์ไร้เงาหรือ”

พวกเขาต่างก็มองหญิงสาวในชุดเกราะขาวราวหิมะ

“เร็วๆๆ ไปเร็วเข้า”

“ที่แท้ก็เป็นพรสวรรค์ไร้เงา เร็วเข้า”

“น้องเสวี่ยหย่ง อย่าหลอกพวกเรานะ”

พวกเขาพากันตื่นเต้นยินดี

“เรื่องใหญ่โตเช่นนี้ ข้าจะโกหกได้อย่างไรกันเล่า ไปๆๆ พี่ชายทุกท่าน ไปดูพร้อมกันเถิด” หญิงสาวในชุดเกราะขาวราวหิมะแย้มยิ้ม

เงาร่างหกสายของพวกเขาแปรเป็นลำแสงขมุกขมัวเสียงดังสวบแล้วไปจากมิติแห่งนี้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเดินทางอยู่บนทางเดินห้วงมิติเช่นกัน แต่ก็อาศัยระลอกคลื่นบางแห่งของทางเดินห้วงมิติหายตัวไปกลางอากาศเป็นครั้งคราว ถึงแม้ว่า ‘ทางเดินห้วงมิติ’ จะหลงทางได้โดยง่าย หากไม่ระวังก็จะถูกเคลื่อนย้ายไปยังบริเวณที่ทำให้หลงทางได้…

แต่ว่าท่ามกลางภยันตรายจำนวนนับไม่ถ้วนกลับมีระลอกคลื่นจำนวนหนึ่งที่สามารถทำการส่งถ่ายผ่านห้วงมิติได้

พวกฝูงมารผลาญทำลายนั้นคุ้นเคยกับ ‘ทางเดินโลกาพิศวง’ เหลือเกิน นี่คือบ้านของพวกเขา พวกเขาจึงสามารถส่งถ่ายผ่านห้วงมิติได้อย่างง่ายดาย

ระยะเวลาเพียงแค่ครึ่งวันเท่านั้น

ฝูงมารผลาญทำลายระดับเทพจักรวาลหกตนนี้ก็มาถึงรังแห่งหนึ่ง สถานที่หลายแห่งบริเวณรอบๆ รังแห่งนี้ต่างก็มีฝูงมารผลาญทำลายเกราะโลหิตลาดตระเวนอยู่ ทั้งยังมีฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองที่ซ่อนเร้นพลังยุทธ์เอาไว้หลายตนที่เร้นกายลาดตระเวนอยู่ด้วย ถึงแม้ร่างแปรเทพจักรวาลเข้าใกล้บริเวณนี้ก็ยากยิ่งที่จะเข้าใกล้ ‘รังระดับเกราะทอง’ โดยไม่ถูกพบตัว! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าทางเข้ารังเกราะทองก็ถูกอำพรางเป็นสถานะปิดผนึก ก็ยิ่งยากที่จะหาได้พบ

คิดอยากจะค้นพบรังระดับเกราะทองสักแห่ง หนึ่ง ต้องเคราะห์ดีมาถึงบริเวณที่ตั้งของหนึ่งในรังระดับเกราะทองที่มีน้อยจนสามารถนับนิ้วได้ภายในทางเดินโลกาพิศวงอันกว้างใหญ่ไพศาลได้ สอง ต้องมีพลังยุทธ์ สามารถหลีกเลี่ยงการลาดตระเวนของฝูงมารผลาญทำลายเกราะโลหิตและฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองได้ สาม ต้องสามารถเชื่อมั่นได้ว่ามิติแห่งนั้นมีความน่าอัศจรรย์ สามารถบุกผ่านทะลุการอำพรางของปากทางเข้ารังเข้าไปได้

ทำได้ทั้งสามด้าน จึงจะมีหวังที่จะค้นพบรังระดับเกราะทองสักแห่งหนึ่ง

แน่นอนว่านี่คือสถานการณ์ปกติ ถ้าหากเป็นประมุขหอหมื่นโลกา จ้าวภูเขาฉื้อเหมย และตงป๋อเสวี่ยอิง ร่างแปรต่างก็สามารถทำการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น ถึงแม้จะไม่เข้าไป ทว่าต่างก็สามารถสอดแนมผ่านโพรงทรงกลมหมอกดำได้

“พรึ่บ”

‘อ๋อง’ ทั้งหกเข้าไปในนั้น

ภายในพื้นที่รัง

ก็มีฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองตนหนึ่งประจำการอยู่ มันยืนนิ่งเงียบราวกับรูปปั้นอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นมองไปยังบริเวณไกลออกไป ก็เห็น ‘อ๋อง’ ทั้งหกที่มาถึง

“ท่านอ๋องขอรับ” ฝูงมารผลาญทำลายเกราะทองผู้นี้ทะยานไปในทันใดแล้วเอ่ยทักทายอย่างเคารพ

พวกมันมีชีวิตขึ้นมาก็เพื่อการทำลายล้าง

ไม่ว่าจะเป็นระดับเกราะสีเทาที่เป็นระดับต่ำที่สุด หรือว่าแกร่งกล้าอย่างระดับเกราะทอง ต่างก็มีความกระหายในการสังหารอย่างแข็งแกร่งเป็นที่สุด พูดได้เพียงว่าเมื่อเทียบกันแล้ว ‘ระดับเกราะทอง’ มีพลังควบคุมที่ดีกว่าอยู่พอสมควร แต่ก็ยังอาจทำการสังหารครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างห้ามไม่อยู่

มีเพียง…การบรรลุจุดคอขวดแห่งชีวิตที่มีมาแต่กำเนิดได้อย่างแท้จริง ทลายกรงขังไปถึงระดับเทพจักรวาลได้ จึงจะสามารถกำจัดการควบคุมความกระหายอยากได้ และที่ระดับขั้นนี้ก็ถูกฝูงมารผลาญทำลายจำนวนนับไม่ถ้วนขนานนามว่า…อ๋อง!

“อืม”

แต่เหล่า ‘อ๋อง’ ทั้งหกกลับมาถึงเบื้องหน้าต้นไม้โบราณแห่งห้วงอากาศ

ภายในรังทั้งหมดรวมตัวกันเป็นต้นไม้โบราณแห่งห้วงอากาศต้นหนึ่ง เป็นถึงรังของฝูงมารผลาญทำลายระดับสูงที่สุด ‘ต้นไม้โบราณแห่งห้วงอากาศ’ นี้ก็ประณีตงดงามเป็นพิเศษ กิ่งก้านสาขาแต่ละกิ่งล้วนงามระยับจับตา กิ่งก้านทุกกิ่งล้วนประกอบด้วยมิติจำนวนนับไม่ถ้วน ระดับความลึกลับที่เป็นส่วนประกอบของมิตินั้น ต่อให้เป็นบรรพชนห้วงอากาศและจักรพรรดิเก้าเมฆามา ต่างก็ต้องรู้สึกตกตะลึงด้วยกันทั้งสิ้น

อ๋องทั้งหกล้วนเงยหน้าขึ้นมอง

บนต้นไม้โบราณแห่งห้วงอากาศก็มีไข่สีทองอยู่เก้าฟอง พวกมันมีบางส่วนที่อยู่บนลำต้นของต้นไม้โบราณ มีบางส่วนที่เจริญอยู่บนต้นไม้ มีทั้งเล็กมีทั้งใหญ่ ไข่สีทองทั้งเก้าใบล้วนมีรูปร่างต่างๆ กัน มีไข่สีทองที่พื้นผิวมีเปลวเพลิงกำลังลุกโชนอยู่ มีฟองที่มีไอหมอกสีม่วงปรากฏออกมาเป็นครั้งคราว บางเวลาก็ทะลุผ่านเข้าไปในไข่

และฟองที่เล็กที่สุดก็ตั้งอยู่ที่บริเวณกึ่งกลางลำต้นของต้นไม้โบราณแห่งห้วงอากาศ ‘ไข่สีทอง’ ฟองเล็กที่สุดนี้กลับค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นกึ่งโปร่งแสงอยู่เป็นระยะๆ จนกระทั่งในที่สุดก็หายวับไปอย่างสมบูรณ์

หายไปอย่างไร้ร่องรอย

แม้กระทั่ง ‘อ๋อง’ ทั้งหกที่อยู่ที่นั่น ฝีมือของแต่ละคนต่างก็ร้ายกาจเป็นที่สุด ต่างก็ยังไม่สามารถค้นหาร่องรอยของไข่สีทองได้พบเลย

“นี่…นี่มัน…”

“ไร้เงาหรือ”

“นี่คือพรสวรรค์ไร้เงาอย่างนั้นหรือ”

หญิงสาวในชุดเกราะขาวราวหิมะแย้มยิ้ม ส่วนอีกห้าคนนั้นกลับทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ

ฝูงมารผลาญทำลายกับผู้บำเพ็ญนั้นไม่เหมือนกัน เหล่าผู้บำเพ็ญนั้นจำเป็นต้องเดินอย่างช้าๆ ทีละก้าวจากระดับต่ำที่สุด หรือแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตแห่งห้วงอากาศ สิ่งมีชีวิตแห่งห้วงอากาศที่แข็งแกร่งที่สุดเพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาก็เป็นเพียงเทพอากาศขั้นกำเนิดเท่านั้น

แต่ทว่าฝูงมารผลาญทำลาย ถึงแม้ว่าจะเป็นระดับเกราะสีเทาที่เป็นระดับต่ำที่สุด นั่นก็คือระดับชั้นที่หนึ่งถึงชั้นที่สามของเจดีย์ดาว สามารถเทียบได้กับขั้นรวมเป็นหนึ่ง ระดับเกราะทองที่เป็นระดับสูงที่สุด…ก็คือชั้นที่เจ็ดไปจนถึงระดับชั้นที่เก้าของเจดีย์ดาว นี่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยแม้แต่น้อยว่าเป็นระดับยักษ์ใหญ่ขั้นอลวน พอพวกเขาเกิดและเจริญเติบโตขึ้นมาก็มีพลังยุทธ์เช่นนี้แล้ว

พลังยุทธ์ของพวกเขามาจากไหน ก็เป็นพรสวรรค์ล้วนๆ!

พวกเขามีพรสวรรค์หลากหลายชนิด พรสวรรค์แต่ละชนิดนั้นมีบางอย่างที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง แต่ก็มีจุดที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง… พวกเขาต่างก็ได้รับผลกระทบจากความกระหายในการสังหาร! ไม่ทำลายระดับขั้นแห่งชีวิต เหยียบย่างเข้าสู่เทพจักรวาล ก็จะถูกความกระหายในการสังหารควบคุมไปตลอดกาล

แต่จนกระทั่งถึงตอนนี้ในบรรดาพรสวรรค์ที่ปรากฏของฝูงมารผลาญทำลาย… ยังไม่มีพรสวรรค์อันล้ำเลิศเป็นที่สุดอย่าง ‘การส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น’ ทั้งยังไม่มี ‘การพยากรณ์อนาคต’ หรือ ‘การเปลี่ยนแปลงอดีต’ อยู่เลย

แต่มีพรสวรรค์อยู่ชนิดหนึ่งซึ่งยังไม่เคยเกิดกับผู้บำเพ็ญมาก่อน แต่กลับเกิดในฝูงมารผลาญทำลาย

ซึ่งก็คือ ‘พรสวรรค์ไร้เงา’

พรสวรรค์ไร้เงา…คือการที่สามารถเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับอากาศได้อย่างแท้จริง นี่ก็เหมือนกันกับแก่นของ ‘ทรงกลมหมอกดำ’ ในขณะนี้มันก็คือส่วนที่เป็นแก่นสำคัญที่สุดของอากาศอันสับสนอลหม่าน ภายใต้สถานการณ์ปกติแล้วย่อมไม่มีทางผลาญทำลายร่างกายของพวกเขาได้เลย! ถ้าหากพวกเขาซ่อนตัวก็ยากที่จะหาร่องรอยของพวกเขาได้พบ

ถ้าหากตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่

ก็จะเข้าใจว่านี่ก็คือภาพวาดภาพที่สองในสี่ภาพวาดของจักรพรรดิเก้าเมฆา ‘การกลายเป็นอากาศธาตุ’ ที่สุดยอดสมบูรณ์แบบที่สุดตามหลักการ

แต่ในความเป็นจริงแล้วสถานการณ์เช่นนี้ก็มิได้ไร้เทียมทาน

ถ้าหากทำให้ภาพวาดภาพที่สาม ‘การควบคุมอากาศ’ ไปถึงจุดสูงสุด หรือแม้กระทั่งทลายกรงขัง สัมผัสโลกระดับขั้นที่สูงขึ้นอีก ก็จะสามารถทำลาย ‘การกลายเป็นอากาศธาตุ’ ได้

จักรพรรดิเก้าเมฆาในตอนนั้นก็ไปถึงจุดสูงสุดของการกลายเป็นอากาศธาตุ การควบคุมอากาศก็ไปถึงจุดสูงสุดเช่นกัน แม้กระทั่งภาพวาดภาพที่สี่เขายังมิอาจทำได้สำเร็จ จอมเทพศักดิ์สิทธิ์คิดจะสังหารมนุษย์น้ำแข็งครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยังล้มเหลว ใช้ ‘พลังต้นกำเนิดจักรวาล’ ก็เคยใช้มาแล้ว ล้วนพ่ายแพ้ทั้งสิ้น หรือในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย คราวนั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็บ้าคลั่งอย่างแท้จริงแล้ว ต่อตีเสียจนโลกทิพย์โบราณดั้งเดิมแตกสลาย คราวนั้นจักรพรรดิเก้าเมฆาจึงถูกโจมตีอย่างสาหัสจนถึงแก่ชีวิต… อาศัยฝีมือด้านห้วงอากาศอันล้ำเลิศ เขาก็หลบหนีไปเสียแล้ว

แม้กระทั่งขุมทรัพย์ที่ทิ้งเอาไว้ คูหาที่ทิ้งเอาไว้ก็ยังไม่มีผู้ใดสามารถช่วงชิงไปได้เลย

การส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังไม่สามารถเข้าออกได้! จะเห็นได้ถึงความร้ายกาจของจักรพรรดิเก้าเมฆา แต่ภายใต้การโจมตีอันสาหัสของตัวจักรพรรดิเก้าเมฆานั้น ก็ได้แต่สิ้นชีพไปในท้ายที่สุด

แต่ในความเป็นจริงแล้ว…

หากการกลายเป็นอากาศธาตุไปถึงจุดสูงสุดแล้ว การคิดจะทำลายนั้นก็เป็นเรื่องยากเย็นยิ่ง

จักรพรรดิเก้าเมฆาสิ้นชีพไปแล้ว! ‘บรรพชนห้วงอากาศ’ ผู้ซึ่งเดินบนวิถีอากาศที่แตกต่างกัน ถึงแม้ว่าการกลายเป็นอากาศธาตุของร่างกายจะร้ายกาจมากเช่นกัน แต่ทางด้านการควบคุมอากาศนั้นเมื่อเทียบกันแล้วก็อ่อนแอกว่า  ‘ทางด้านจุลภาค’ นั้นไม่เพียงพอ แม้กระทั่งการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นก็ยังไม่สามารถทำได้ สิ่งที่พวกเขาทำคือ ‘การเคลื่อนย้ายผ่านมิติระยะทางไกล’ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการหลอมแปรห้วงอากาศหรือการทลายกรงขังเลย

จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็อาจจะสามารถทำลายได้ แต่ว่าเขาย่อมไม่เข้าร่วมสงครามอยู่แล้ว

ผ่านไปชั่วครู่…

ไข่สีทองขนาดเล็กจิ๋วนั้นก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น จากกึ่งโปร่งแสงกลายเป็นแจ่มชัด

“นี่คือไข่ฟองสุดท้ายที่ปรากฏขึ้นในชุดแรก” หญิงสาวในชุดเกราะขาวราวหิมะพูด “เพื่อการฟูมฟักไข่ต้องใช้ระยะเวลายาวนาน ปรากฏว่าไข่ฟองอื่นอีกแปดฟองล้วนต่างก็เจริญอย่างเชื่องช้ายิ่ง แต่ตอนนี้ไข่ก็ก่อร่างขึ้นมาแล้ว นั่นก็รวดเร็วมากแล้ว ประมาณห้าพันล้านปีน่าจะเพียงพอ เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราฝูงมารผลาญทำลายก็จะมีผู้ที่มีพรสวรรค์ไร้เงาคนที่สองถือกำเนิดขึ้นแล้ว”

……………………………………..