ตอนที่ 526 ใครที่เก่งกว่า / ตอนที่ 527 ใช้แผนโฉมสะคราญ

หมอยาหวานใจท่านประธาน

ตอนที่ 526 ใครที่เก่งกว่า

 

 

ฝานเจียวเจียวไม่รู้ว่าอวิ๋นเว่ยจัดการให้อีลั่วเสวี่ยไปเยี่ยมค่ายทหารของพวกเขาแล้วรอบหนึ่ง จนเธอเป็นที่รู้จักของแทบทุกคน แม้ว่าบางคนจะยังไม่ได้ทักทายกับเธอ

 

 

แต่เมื่อเลิกประชุมมีคนออกมาจากห้องประชุมมากมาย ย่อมมีคนไม่น้อยที่เห็นเธอ

 

 

เมื่อถูกปฏิเสธชัดเจนเช่นนี้แล้ว พ่อลูกสกุลฝานไม่รู้จะพูดอย่างไรดี จึงส่งสายตาไปหาฝานเจียวเจียวให้ยุติเรื่องนี้เพียงเท่านี้ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่ยินยอม

 

 

“พี่ลั่วเสวี่ยดีเลิศอย่างนี้ ฉันคงเทียบไม่ได้ ย่ารองว่าจริงไหมคะ?” เธออยากอาศัยความสัมพันธ์ของฝานเหม่ยหลิงกับสกุลฝาน ทำให้นางมายืนข้างตน

 

 

แต่น่าเสียดายที่การทำตามใจตัวเองโดยพลการของเธอเมื่อครู่ทำให้ฝานเหม่ยหลิงไม่พอใจ เธอเผยความทะเยอทะยานออกมา แล้วยังหวังว่าคนอื่นจะช่วย จะเป็นไปได้อย่างไร

 

 

ก็เหมือนอสรพิษที่แยกเขี้ยวออกมา ใครจะโง่ยื่นมือเข้าไปลูบคลำ เท่ากับหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวใช่ไหม?

 

 

แม่เฒ่ายิ้มอย่างมีเมตตา “พวกเธอดีทั้งคู่ ล้วนเป็นสิ่งล้ำค่าในมือย่ารอง” การตอบอย่างประนีประนอมเช่นนี้ ยิ่งพิสูจน์ว่าฐานะของฝานเจียวเจียวในสกุลอวิ๋นไม่เหมือนเดิมแล้ว

 

 

ที่เธอสามารถเข้าออกบ้านสกุลอวิ๋นได้อย่างอิสระ ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากทุกคน เป็นเพราะความเมตตาของแม่เฒ่า ก็ใครใช้ให้ผู้ชายสกุลอวิ๋นชอบเอาใจเมียล่ะ

 

 

บวกกับที่อวิ๋นเว่ยเป็นลูกกตัญญู หลังจากที่มารดาล้มป่วยเพราะต้องทำพิธีศพลูกสะใภ้ เขาก็ไม่ทำอะไรที่เป็นการขัดใจมารดา แต่เวลานี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ฝานเจียวเจียวทำตัวเอง ทำให้หลังพิงเพียงคนเดียวไม่พอใจ

 

 

สีหน้าฝานเจียวเจียวแข็งทื่อ แต่ยังตีหน้ายิ้ม มองแม่เฒ่าด้วยท่าทางสำนึกในบุญคุณ “ยังเป็นย่ารองที่เอ็นดูหลานที่สุด”

 

 

มุมปากเฉวียนหมิงกระตุกเล็กน้อย คนอะไรพูดยกยอตัวเอง ไม่รู้จักละอายบ้างหรือไง

 

 

คนสกุลฝานเลิกเอ่ยเรื่องเมื่อครู่แล้ว แขกเหรื่อเริ่มคึกคักขึ้น บรรยากาศเป็นกันเอง เพียงแต่สีหน้าและรอยยิ้มของคนสกุลฝานดูฝืนๆ แน่นอนว่าไม่มีใครสนใจ

 

 

มีสกุลอวิ๋นอยู่ ทุกคนรู้จักสกุลฝานดี ถ้าไม่มีสกุลอวิ๋น ก็มักโอ้อวดตัวเองต่อหน้าคนอื่นอย่างไม่ละอายใจ คนที่ฉลาดหน่อยล้วนไม่อยากสังสรรค์ด้วย

 

 

“จริงสิคุณลั่วเสวี่ย ถ้าผมจำไม่ผิด คุณก็คืออีลั่วเสวี่ยแห่งสำนักแพทย์โบราณใช่ไหมครับ?” มีคนหนึ่งเดินชูแก้วมาตรงหน้าอีลั่วเสวี่ย แล้วสอบถาม

 

 

อีลั่วเสวี่ยชะงักเล็กน้อย แล้วพยักหน้า “ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ?”

 

 

พอเธอพูดเช่นนี้ อีกฝ่ายค้อมคำนับทันที แล้วยื่นมืออกมาอย่างนอบน้อม “สวัสดีครับอาจารย์อี ผมก็เป็นคนของสำนักแพทย์โบราณ ทางครอบครัวอนุญาตให้ผมไปศึกษาวิชาแพทย์ ได้ยินคนในคณะบอกว่ามีหมอยาระดับผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งชื่ออีลั่วเสวี่ย ยังเป็นหญิงสาวด้วย คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคุณ”

 

 

จะคิดไม่ถึงได้อย่างไร มีรูปเธอยู่ที่สำนักแพทย์โบราณ เธอมีตำแหน่งเป็นทางการแล้ว แต่เพราะเขารู้ว่าเธอมีความเป็นมาที่ไม่ธรรมดา ก็เลยอยากจะมาผูกมิตรด้วยเท่านั้นเอง

 

 

“เกรงใจเกินไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนกันเอง” อีลั่วเสวี่ยยิ้มแล้วยื่นมือออกไป คำว่าคนกันเอง ยังดึงครอบครัวหนึ่งมาเป็นเพื่อนกับสกุลอวิ๋น นายท่านผู้เฒ่าเห็นแล้วก็แปลกใจ

 

 

การแพทย์ของเขตทหารที่นี่ก้าวหน้ามาก คนมากมายอยากมีเส้นสายกับคนในเขตทหาร แค่อีลั่วเสวี่ยพูดว่าคนกันเอง ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ

 

 

“อาจารย์อีไม่ถือตัวเลย วันหน้าถ้ามีโอกาสโปรดช่วยอบรมด้วย?” ชายคนนี้ยังหนุ่มมาก น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเฉวียนหมิง เขามองอีลั่วเสวี่ยจนใจลอย

 

 

คนขี้หึงอย่งเฉวียนหมิงเดินมาทันที ยืนชิดอีลั่วเสวี่ย แววตาแสดงความเป็นเจ้าของอย่างรุนแรง

 

 

อีลั่วเสวี่ยยิ้ม “ไว้มีเวลาแล้วค่อยว่าก็แล้วกัน”

 

 

“ดีครับ ดีครับ” เขาพูดซ้ำๆ คนในสำนักแพทย์โบราณที่มีฐานะเป็นอาจารย์ สามารถสอนศิษย์ได้ มีสถานะสูง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอีลั่วเสวี่ยซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้วย

 

 

 

 

ตอนที่ 527 ใช้แผนโฉมสะคราญ

 

 

คนรอบข้างล้วนเห็นเหตุการณ์นี้ เมื่อเทียบกับฝานเจียวเจียวที่มีสกุลฝานคอยหนุนหลังเท่านั้น ใครเหนือกว่าย่อมเห็นชัดแล้ว

 

 

ฝานเจียวเจียวมองเห็นความรู้สึกในสายตาคนอื่นที่ไม่ได้พูดออกมา ก็รู้สึกอิจฉา สำนักแพทย์โบราณอะไร แค่พวกหมอชาวบ้าน จะมาอวดดีอะไร

 

 

“ยายหนูถึงกับเป็นผู้เชี่ยวชาญของสำนักแพทย์โบราณ เรื่องนี้ทำไมลูกเว่ยไม่บอกให้พ่อรู้บ้าง” อวิ๋นเซินขำเลืองมองอวิ๋นเว่ย

 

 

ถ้าเขารู้ว่าหลานสาวคนนี้เก่งขนาดนี้ งานวันนี้น่าจะจัดให้ยิ่งใหญ่กว่านี้จึงจะสมฐานะ

 

 

อวิ๋นเว่ยเองมองดูอีลั่วเสวี่ยด้วยสีหน้าสงสัย “เสวี่ยเอ๋อ ลูกยังมีฐานะนี้ด้วย แม้แต่พ่อเองก็ยังไม่รู้ พ่อจำได้ว่าปีนี้ลูกยังเรียนทหาวิทยาลัยอยู่เลยใช่ไหม?”

 

 

ยายหนู ยังเรียนไม่จบก็เป็นผู้เชี่ยวชาญแล้ว อย่าเก่งเกินไปเลยนะ จะทำให้เขาซึ่งเป็นพ่อรู้สึกกดดัน

 

 

แน่ละ พวกเขาไม่ได้คิดว่าที่อีลั่วเสวี่ยยังเรียนไม่จบก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญแล้วจะเป็นการหลอกลวง สำนักแพทย์โบราณเป็นสถานที่เช่นไร บางคนที่ไม่รู้คงคิดว่าเป็นสำนักหมอแผนจีนที่ทรุดโทรม แต่พวกเขารู้ว่าที่นี่สุดยอดมาก

 

 

คนในสำนักนี้มีความสามารถและฐานะสูงกว่าผู้เชี่ยวชาญในโรงพยาบาลใหญ่ข้างนอกเสียอีก ดังนั้นเมื่อสำนักแพทย์โบราณเลือกคน ไม่ใช่อาศยเส้นสายเข้าไปได้ ถ้าไม่เก่งจริงพวกเขาไม่รับไว้

 

 

อีลั่วเสวี่ยกะพริบตา ท่าทางเป็นผู้บริสุทธิ์ “เรื่องนี้เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนี่เอง หนูไม่ทันบอกให้พ่อรู้ อีกอย่างนี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อย่าทำเป็นเรื่องตื่นเต้นราวกับการเลือกพระราชาเลยค่ะ”

 

 

พอทุกคนได้ยินก็มุมปากกระตุก ไม่ว่าอีลั่วเสวี่ยจงใจพูดเช่นนี้หรือในใจคิดเช่นนี้จริงๆ เรื่องที่น่าฉลอง เธอกลับพูดเป็นเรื่องธรรมดาเป็นวิธีคิดที่ไม่เหมือนใคร

 

 

คนสกุลฝานเห็นแววตาอีลั่วเสวี่ยเคร่งขรึมยิ่งขึ้น น่าแค้นจริง ไม่รู้ว่าทำไมสกุลอวิ๋นโชคดีอย่างนี้ ผู้หญิงคนนี้มีความเป็นมาไม่ธรรมดาเลย โชคดีจริงๆ

 

 

“เสวี่ยเอ๋อ ต่อไปนี้มีเรื่องดีๆ ก็บอกให้พวกเรารู้ก่อน อย่าให้พวกเรารู้เป็นคนสุดท้าย” อวิ๋นเว่ยเบ้ปาก พลางเหลือบมองเฉวียนหมิงอย่างไม่พอใจ เจ้าหนุ่มต้องรู้ก่อนตนเองแน่

 

 

เฉวียนหมิงรู้สึกจนใจเมื่อสังเกตเห็นแววตาที่ไม่พอใจของอวิ๋นเว่ย แต่เขาไม่พูดอะไร ตรงกันข้ามกลับรู้สึกกระหยิ่มใจ ใช่แล้ว เขาต่างหากที่คู่กับอีลั่วเสวี่ยไปชั่วชีวิต

 

 

อีลั่วเสวี่ยพยักหน้า รับปากทันที “ค่ะพ่อ ต่อไปหนูจะระวัง”

 

 

จากนั้นคนรับใช้ก็ยกอาหารว่างรสเลิศมาบริการ ทุกคนพูดคุยกันต่อ

 

 

ขณะนี้ฝานเจียวเจียวจ้องใบหน้าที่หล่อเหลาของเฉวียนหมิง เห็นแววตาเขาที่มองอีลั่วเสวี่ยด้วยความรักก็รู้สึกอิจฉา เธอใช้ความคิดแล้วเปิดกระเป๋าเครื่องสำอาง แต้มเติมลิปติกอีก แล้วหยิบแก้วไวน์แดงเดินไปทางอีลั่วเสวี่ย

 

 

“คงเป็นพี่เขยใช่ไหม ฉันสนิทกับพี่ลั่วเสวี่ย ขอดื่มให้พวกคุณค่ะ” ริมฝีปากแดงเข้ม บวกกับใบหน้าที่แต่งอย่างระณีต ดูมีเสน่ห์ดึงดูดมาก แต่น่าเสียดาย เธอไม่ใช่แบบที่เฉวียนหมิงชอบ

 

 

มีคนมาเชิญดื่ม ยังเชิญทั้งคู่ด้วย อีลั่วเสวี่ยและเฉวียนหมิงจึงยกแก้วแชมเปญในมือขึ้น ยิ้มแล้วจิบคำหนึ่ง

 

 

ถึงตอนนี้มีคนมาชวนอีลั่วเสวี่ยคุย เธอจึงเดินผละไปเล็กน้อย เหลือเพียงเฉวียนหมิงยืนอยู่ที่เดิม ส่วนฝานเจียวเจียวขยับมาข้างหน้าหนึ่งก้าว แววตาดูลึกล้ำ

 

 

“พี่เขย ได้ยินว่าคุณอยู่เมืองเอฟ ที่นั่นน่าสนุกไหม ถ้ามีเวลาว่างฉันอยากไปเที่ยวบ้าง ถึงตอนนั้นพี่เขยทำหน้าที่เจ้าบ้านได้ไหมคะ?”

 

 

พูดจบก็ไม่ลืมที่จะเอาสองมือประสานกัน เชิดมุมปากขึ้นเล็กน้อย ยังกัดริมฝีปากตัวเองด้วย ท่าทางแบบนั้น ทำให้คนหลงใหลได้ เธอเอียงคอ จงใจเผยให้เห็นไหปลาร้าที่น่าดู