กับดัก

รถเมล์นั้นเปลี่ยนเจ้าของไปแล้ว แต่ผู้หญิงในชุดเสื้อกันฝนสีแดงก็ยังคงระแวดระวังกับมันอยู่ แขนของเธอกำประตูเอาไว้ และสีแดงของเสื้อกันฝนของเธอก็เห็นเด่นชัดในความมืด

“พวกเราล้วนไปทางเดียวกัน ทำไมคุณไม่มากับเราที่มุ่งหน้าไปยังเมืองหลี่ว่านคืนนี้ล่ะ?” เฉินเกอเชิญเธอขึ้นมา เขามีคำถามมากมายที่อยากจะถามเธอ ครั้งสุดท้ายที่เขาออกจากรถขนคนตายนี่ เขาก็ได้ส่งตัว ‘พวกค้ามนุษย์’ ที่ขโมยลูกของเธอไปให้กับเธอ แต่ตั้งแต่นั้นมา เขาก็ไม่พบหญิงอ้วนคนนั้นอีกเลย

เฉินเกอสงสัยว่าผู้หญิงในชุดเสื้อกันฝนสีแดงคงจะได้ข้อมูลที่เธอต้องการ ที่อยู่ของลูกของเธอ จากตัวหญิงอ้วนคนนั้นแล้ว อย่างไรเสีย หากเธอไม่ได้ผลลัพธ์อะไร เธอก็คงไม่มาปรากฏตัวรอรถเมล์คันสุดท้ายสาย 104 หรอก

เฉินเกอเดินไปที่ประตูหน้า ก้มตัวลงนิด ๆ เพื่อบอกกับเธอ “ถ้าคุณเตรียมการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ไปช่วยลูกของคุณกันคืนนี้ ผมจะไปกับคุณด้วย– นั่นเป็นสิ่งผมสัญญาไว้กับคุณ”

ริมฝีปากของเธอถูกเย็บเอาไว้ด้วยเส้นเลือดหมายความว่าเธอพูดไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงทำท่าแปลก ๆ ชุดหนึ่งให้เฉินเกอแทน ปลายนิ้วของเธอชี้ไปที่รถเมล์ จากนั้นก็ที่หน้าเฉินเกอ และจากนั้นก็ที่หัวใจของเฉินเกอ สุดท้าย เธอก็ขยี้นิ้วของเธอเข้าด้วยกันเหมือนเธอกำลังขยี้หัวใจของเฉินเกอในมือเธอ

“รถขนคนตาย? หน้าผม? ขยี้หัวใจของผม?” เฉินเกอใช้เวลาหลังจากนานครู่หนึ่ง “คุณกำลังบอกว่ามีคนที่หน้าคล้ายผมจะมาควักหัวใจของผม? และตอนนี้คนผู้นั้นก็อยู่บนรถเมล์ด้วย?”

ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้พยักหน้าหรือว่าส่ายหน้า เธอมองผ่านม่านผมมาขณะที่เอื้อมมือออกมาจับแขนเฉินเกอเอาไว้ พยายามดึงเขาออกจากรถ ตอนนี้รถเป็นของเฉินเกอ และกระเป๋ากับแมวของเขาก็ยังอยู่บนรถ ดังนั้นเขาย่อมไม่ยอมปล่อยมือโดยง่าย

เฉินเกอถอยหลังไปก้าวหนึ่ง พอผู้หญิงคนนั้นรู้สึกได้ เธอก็หยุดออกแรงและปล่อยให้เฉินเกอหลุดออกจากมือเธอ น้ำฝนไหลไปตามเสื้อกันฝนของเธอ สำหรับการสื่อสารสุดท้าย เธอชี้ไปทางเมืองหลี่ว่าน และแขนของเธอก็พับเข้าหากันเลียนแบบท่าอุ้มเด็กทารก ก่อนที่เฉินเกอจะทันเข้าใจความหมายของเธอ ผู้หญิงคนนั้นก็ถอยออกไปจากป้ายรถเมล์ เลือดไหลเป็นทางลงมาตามเสื้อกันฝนของเธอ และรอบตัวเธอก็มีแอ่งเลือดเล็ก ๆ

รถเมล์ออกจากป้ายช้า ๆ และผู้หญิงคนนั้นก็ยืนอยู่ที่นั่นมองรถเมล์สาย 104 เคลื่อนตัวออกไป ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้เมืองหลี่ว่านเท่าไหร่ ฝนที่ด้านนอกก็ตกหนักเท่านั้น ที่นอกหน้าต่างไม่มีแสงอะไรเลย มันเหมือนรถคันนี้กำลังเดินทางผ่านอาณาจักรแห่งความมืด

“เธอกำลังพยายามบอกอะไร?” ผู้หญิงคนนั้นปฏิเสธที่จะขึ้นมาบนรถ ซึ่งต่างไปจากที่เฉินเกอวางแผนเอาไว้ “แต่ถ้าเธอไม่ต้องการร่วมมือกับฉัน เธอก็ไม่จำเป็นต้องปรากฏตัวออกมาเลย เธอน่าจะรู้สึกได้ถึงอันตรายบางอย่างในรถเมล์นี่ ดังนั้นจึงไม่ยอมขึ้นรถมา”

เฉินเกอแอบมองผู้โดยสารคนอื่น ๆ– หมอและขี้เมานั้นน่าจะเป็นมนุษย์ธรรมดา ดังนั้นเฉินเกอจึงให้ความสนใจไปที่รองเท้าส้นสูงสีแดงและชายหน้ายิ้ม

ฉันควรจะลงมือก่อนไหม? เฉินเกอคิดกับตัวเองตอนที่โทรศัพท์ในกระเป๋าของเขาสั่นขึ้น เขามองไปยังหมายเลขโทรเข้าก่อนจะกดตัดสาย จากนั้นเขาก็ส่งข้อความไปยังผู้โทร “สารวัตรหลี่ ผมไม่สะดวกรับสายคุณ ผมหวังว่าคุณจะไม่ว่าอะไรถ้าจะต้องคุยผ่านข้อความ”

ตอนที่เฉินเกอเห็นว่าเป็นหมายเลขของหลี่เจิ้ง เขาก็คิดว่ามีบางอย่างไม่ดีเกิดขึ้น

“เจียหมิงหนีออกจากโรงพยาบาล! ระวังตัวด้วย! ผมกลัวว่าเขาจะไปทำร้ายคุณ!” หลี่เจิ้งใช้เครื่องหมายอัศเจรีย์ถึงสามอันในข้อความของเขา

“แต่ทำไมเขาจะมาหาผมล่ะ? ผมไม่ได้ทำอะไรเขาเสียหน่อย แล้วก็ ไม่ใช่ว่าเขาอยู่ในโรงพยาบาลมีตำรวจคอยจับตามองเหรอ? ทำไมเขาถึงหนีออกมาได้?” กองกำลังตำรวจจิ่วเจียงนั้นดีที่สุดในกองกำลังที่ดีที่สุดและเฉินเกอก็มีความรู้สึกดี ๆ กับกองกำลังรักษากฎหมายนี่

“ผู้ชายคนนั้นเล่าเรื่องปั่นหัวพวกเรา ในเรื่อง เขาเป็นเหยื่อคนหนึ่ง และตลอดการเล่าเรื่องสิบเอ็ดเรื่อง เขาก็พูดถึงปิศาจเงาที่เก่งกาจในด้านการเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาและน้ำเสียง เขาบอกพวกเราว่าปิศาจเงานั่นคือผู้บงการที่แท้จริง– เขาเป็นแค่คนโชคร้ายที่ไปอยู่ผิดที่ผิดเวลาเท่านั้น!”

“สิบเอ็ดเรื่อง?”

“ทั้งหมดสิบเอ็ดเรื่อง บอกว่าเขาถูกผู้บงการข่มขู่ให้ทำเรื่องต่าง ๆ ที่ขัดแย้งกับศีลธรรมในใจเขา แต่ว่าไม่มีเรื่องไหนเลยที่มีช่องโหว่ และการสืบสวนของเราก็ยืนยันตามที่เขาอ้าง”

“นี่พิสูจน์ว่าเขาไม่ได้โกหก”

“ใช่ เขาไม่ได้โกหกเกี่ยวกับสิบเอ็ดเรื่องนั่น แต่ว่าเขาหลอกเราเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง” หลี่เจิ้งดูกระวนกระวาย มีการเว้นวรรคและจุดเน้นย้ำมากมายในข้อความของเขา “ผู้บงการนั้นไม่เคยมีอยู่จริงตั้งแต่ต้น นั้นเป็นจิตใจเขาสร้างขึ้นมาเอง เขาคือฆาตกรที่แท้จริง! ทั้งสิบเอ็ดเรื่องนั่น เขาคือฆาตกรตัวจริง!”

เห็นข้อความนี้แล้ว ในที่สุดเฉินเกอก็เข้าใจว่าสิบเอ็ดเรื่องนั่นน่าจะหมายถึงชีวิตของคนสิบเอ็ดคน

“ผู้ชายคนนี้ที่เบื้องหน้าดูขี้อายและอ่อนแอนั้นซ่อนตัวตนอันวิปริตเอาไว้! ตอนที่เขาเล่าเรื่องให้เราฟัง เสียงของเขายังขาด ๆ หาย ๆ หลายครั้งอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์ เขาดูสำนึกเสียใจอย่างแท้จริงจนหมอและพยาบาลรู้สึกสงสารเขา พวกเราส่งคนออกไปตรวจดูสถานที่ในเรื่องของเขา และยิ่งสืบลงไปพวกเราก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี เพื่อให้สืบสวนได้เร็วขึ้น พวกเราจึงนำคนเข้ามาร่วมในคดีมากขึ้น คืนก่อนหน้านี้ อาการของเจียหมิงดูแย่ลง และหมอก็แนะนำให้ส่งเขาเข้าไปที่ห้อง ICU เพราะคิดว่าเขาคงจะยังไม่ตื่นขึ้นมาเร็ว ๆ นี้ พวกเราก็เลยทิ้งเจ้าหน้าที่เอาไว้จับตาดูเขาแค่คนเดียว

“แต่ระหว่างส่งเจียหมิงไปห้อง ICU ผู้ชายคนนี้ที่ไม่น่าจะเดินไหวก็กระโดดลงจากหน้าต่างชั้นสองและหนีไป เขาวางแผนทุกอย่างเอาไว้แล้ว เขาดูลู่ทางไว้ก่อนหน้า ห้องพักของเขาอยู่บนชั้นสามและห้อง ICU อยู่ที่ชั้นแรก หน้าต่างที่เขากระโดดออกมานั้นนำไปด้านหลังตรอกหนึ่ง ในนั้นมันเหมือนเขาวงกตที่มีทางแยกและทางเลี้ยวแอบอยู่มากมาย– เจ้าหน้าที่คนเดียวไม่พอจะตามตัวเขาได้”

หลี่เจิ้งบอกเฉินเกอเกี่ยวกับการหนีของเจียหมิง แต่เฉินเกอไม่สนใจเรื่องนั้นเลย “สารวัตรหลี่ ผมเดาไว้แล้วว่าเจียหมิงน่าจะพยายามหนี แต่ทำไมคุณถึงบอกว่าเขาจะมาทำร้ายผม?”

“พวกเราพบเศษไม้อยู่ใกล้ ๆ เตียงเขา พวกเราเปิดโต๊ะข้างเตียงและพบว่า ที่ด้านหลัง มีคนใช้นิ้วแกะชื่อของคุณเอาไว้ หลังจากชื่อถูกแกะ คนผู้นั้นยังใช้เล็บครูดชื่อนั้นทิ้งอีกครั้ง ผมไม่คิดว่าจะมีใครทำอย่างนั้นหากไม่เกลียดเจ้าของชื่อจนเข้ากระดูกดำ ไม่ว่ายังไง ระวังตัวเอาไว้– พวกเราสงสัยว่าเขาจะกำลังเดินทางไปหาคุณแล้ว”

ฉันไม่เคยมีเรื่องกับเจียหมิง ดังนั้นเขาไม่น่าจะมีความแค้นลึกล้ำอะไรกับฉันยกเว้นว่าที่เราเจอที่โรงพยาบาลนั้นไม่ใช่เจียหมิง

จากข้อความของหลี่เจิ้ง เฉินเกอสงสัยว่าเงานั่นยังอยู่ในร่างเจียหมิง เขาหมดสติไปที่ด้านนอกอุโมงค์ถ้ำมังกรขาวในคืนนั้นเพราะอุบัติเหตุบางอย่าง

“แล้วก็ ตอนนี้คุณอยู่ไหน? อย่างออกไปที่ไหนนะคืนนี้!”

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หลี่เจิ้งก็ส่งข้อความมาอีก เดิมที เฉินเกอก็ไม่ได้คิดว่ามันประหลาด แต่ตอนที่เขากำลังพิมพ์ตอบ เขาก็ชะงัก

เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมสารวัตรหลี่ถึงถามที่อยู่ตอนนี้ของฉัน? และเขาน้อยครั้งที่จะใช้เครื่องหมายอัศเจรีย์ในการสื่อสารก่อนหน้าของเรา นี่เป็นไปได้ไหมว่าที่คุยกับฉันอยู่นี่คือเจียหมิง ไม่ใช่หลี่เจิ้ง?