คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด (1+2)

เฉินเกออ่านข้อความทั้งหมดที่หลี่เจิ้งส่งมาอีกครั้ง การใช้เครื่องหมายวรรคตอนและน้ำเสียงโดยรวมนั้นต่างไปจากที่สารวัตรมักจะใช้ในการสื่อสารผ่านข้อความจริง ๆ ปิศาจที่เจียหมิงพูดถึงในข้อความนั้นก็คล้ายจะเปลี่ยนรูปลักษณ์และน้ำเสียงได้ หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง มันก็สามารถเลียนเสียงของหลี่เจิ้งได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ว่า ในเมื่อเฉินเกอไม่สามารถรับสายได้เพราะว่าอยู่บนรถขนคนตาย หลี่เจิ้งก็ทำได้เพียงใช้วิธีการเขียนข้อความพูดคุยกับเฉินเกอ นี่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญที่อีกฝ่ายไม่ได้คาดคิดเอาไว้ล่วงหน้าก่อนที่จะโทรศัพท์มา

เป็นไปได้ไหมว่าคนที่ส่งข้อความหาฉันจะเป็นเจียหมิงจริง ๆ?

เมื่อความคิดนี้ปรากฏขึ้น มันก็คืบคลานไปรอบ ๆ หัวใจของฟางหยวนเหมือนกุหลาบพิษ ทำให้ต้องหลั่งเหงื่อเย็นเยียบออกมา นิ้วของเขาค้างอยู่ที่เหนือมุมหนึ่งของหน้าจอ หลังจากนั้นเป็นนาน ในที่สุดเฉินเกอก็ตอบหลี่เจิ้ง “ไม่มีปัญหา คืนนี้ผมจะอยู่ที่สวนสนุกนิวเซนจูรี่และไม่ออกไปไหน”

“อืม ผมแค่จะเตือนคุณเรื่องนี้– ผู้ชายคนนั้นเกลียดคุณสุด ๆ และตอนนี้ก็มีหมายจับเขาออกมาแล้ว ดังนั้นเขาน่าจะฉวยโอกาสสุดท้ายนี้ไปตามล่าคุณ มันจะดีกว่าถ้าคุณจะอยู่ที่สวนสนุก อีกสักครู่ ผมจะส่งคนของผมไปตั้งด่านที่รอบ ๆ สวนสนุกเพื่อปกป้องคุณ”

“ต้องลำบากคุณแล้ว”

“ไม่ต้องพูดเรื่องนั้นหรอก อย่างไรเสีย นี่ก็เป็นเพราะความประมาทของพวกเราที่ทำให้เขาหนีไปได้ แต่จำเอาไว้ว่าคืนนี้อย่าได้ออกไปไหน ถ้าคุณออกไปจากสวนสนุกนิวเซนจูรี่ มันก็จะยากที่เราจะดูแลความปลอดภัยของคุณ”

“เข้าใจแล้ว” หลังจากเฉินเกอตอบยืนยันกลับไป หลี่เจิ้งก็หยุดส่งข้อความหาเฉินเกอเหมือนไม่มีความจำเป็นต้องพูดคุยกันแล้วหลังจากเขาบรรลุเป้าหมายแล้ว

“มันเหมือนมีบางอย่างไม่ถูกต้อง” เฉินเกอถือโทรศัพท์เอาไว้ในมือ โดยไม่คิดถึงความรู้สึกของผู้โดยสารคนอื่น ๆ เขาโทรหาหัวหน้าเอี๋ยนโดยตรง ต้องการยืนยันเรื่องที่หลี่เจิ้งเล่า มันเกือบเที่ยงคืนแล้ว แต่หัวหน้าเอี๋ยนก็ยังรับโทรศัพท์ของเฉินเกอ– นี่แสดงให้เห็นว่าเขาให้ความสำคัญกับชายหนุ่มคนนี่เพียงไหน จากหัวหน้าเอี๋ยนพูด เฉินเกอยืนยันว่าหลี่เจิ้งไม่ได้โกหก เจียหมิงนั้นหนีออกจากโรงพยาบาลจริง ๆ

หลังจากวางสาย เฉินเกอก็ยังรู้สึกว่าพลาดบางอย่างไป “เป็นไปได้ไหมว่าเงานั่นหนีออกจากร่างของเจียหมิงและตอนนี้สิงอยู่ในร่างหลี่เจิ้ง?”

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง อย่างนั้นเรื่องก็ซับซ้อนกว่าเดิมมากแล้ว

“ที่โรงพยาบาล เจียหมิงเคยเล่าเรื่องว่าเขาไปเจอเงานั่นและเจียงหลงที่บ้านพักของฝ่ายหลัง ในตอนนั้น เจียงหลงคุกเข่าอยู่กับพื้น เลือดอาบไปทั่ว ขณะที่เงานั่นยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ถือมีดเอาไว้ นี่เป็นฉากที่น่าสนใจ

“เมื่อคิดถึงว่าหมาของเพื่อนบ้านของเจียงหลงเพิ่งถูกฆ่า ฉันจะลองสมมติได้ไหมว่าเป็นเจียงหลงที่ฆ่าสุนัขนั่น? เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ไม่มีเหตุผลให้ต้องฆ่าสุนัขของใคร ดังนั้นเห็นได้ชัดว่า ถ้าเขาเป็นคนทำ ก็เป็นเพราะถูกเงานั่นบังคับ ใช่ เงานั่นพยายามทำลายสภาพจิตใจของเจียงหลง จากจุดนี้ สามารถยืนยันได้ว่ามันมีขีดจำกัดอยู่ก่อนที่เงานั่นจะสามารถควบคุมเหนือใครได้โดยเบ็ดเสร็จ เหยื่อที่มีสภาพจิตใจอ่อนแอเท่าไหร่ มันก็ง่ายที่เงานั่นจะเข้าควบคุมเหนือพวกเขาได้

“หลี่เจิ้งนั้นเป็นตำรวจสืบสวนผู้เชี่ยวชาญ มันยากมากที่เงานั่นจะเข้าควบคุมเขาอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นไปไม่ได้”

ข้อความของหลี่เจิ้งทำให้เฉินเกอคิดถึงว่าเงานั่นละทิ้งร่างเดิมแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเชื่อใจใครได้เลยคืนนี้

“เสี่ยวปู้เคยบอกฉัน ถ้าฉันกล้าไปเมืองหลี่ว่านอีกครั้ง ชีวิตของฉันจะตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง ฉันเพิ่งเข้ามาในจิ่วเจียงตะวันออก ก็เกิดบางอย่างขึ้นกับเจียหมิงที่น่าจะอยู่ภายใต้การจับตามองของตำรวจ ฉันจะแน่ได้เหรอว่านี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญ?”

เฉินเกอนั้นกำลังจะเก็บโทรศัพท์แล้วตอนที่หน้าจอสว่างขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นฟ่านฉงโทรมา

“คุณเป็นคนที่งานยุ่งจริง ๆ” หมอเหลือบมองมาจากด้านหลังเขา ทำท่าให้เฉินเกอเงียบ ๆ ทำตัวโดดเด่นในเวลาเช่นนี้นั้นไม่ได้นำประโยชน์อะไรมาให้เขา

“รายชื่อผู้ติดต่อของผมมีอยู่ไม่กี่คน ผมเองก็อยากรู้ว่าเหมือนกันว่าคืนนี้เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขากันแน่” เฉินเกอดึงหูฟังออกมา หลังจากเสียบหูฟังแล้ว เขาก็กดรับสาย

“บอสเฉิน! ผมเคลียร์เกมได้แล้ว! ผมรู้ความจริงแล้ว! ในที่สุดผมก็รู้ความจริงแล้ว!”

“ใจเย็นก่อนแล้วค่อย ๆ พูด ผมได้ยินคุณชัดเจนดี” เฉินเกอลดเสียงลง พบว่าเขาดึงดูดความสนใจเกินไปจริง ๆ

“ผมเริ่มจากจุดบันทึกที่คุณทิ้งเอาไว้ลองเล่นซ้ำแล้วซ้ำอีก ผมไปเจอเข้ากับภารกิจย่อยสิบเอ็ดอย่าง และภารกิจย่อยสิบเอ็ดอย่างนั่นก็เป็นตัวแทนของสถานที่เกิดเหตุสิบเอ็ดแห่งและชีวิตคนอีกสิบเอ็ดคน ผมกำลังจะบอกคุณว่า ผมใช้ชีวิตสำรวจทุกซอกมุมในเกม ค่อย ๆ ก้าวหน้าไปทีละก้าว แต่ในที่สุดแล้ว ผมก็ทำภารกิจย่อยทั้งสิบเอ็ดอย่างสำเร็จ” เสียงของฟ่านฉงนั้นฟังดูดีใจเหลือล้นในสายโทรศัพท์

“สิบเอ็ดภารกิจย่อย?” เฉินเกอเพิ่งเจอตัวเลขสิบเอ็ดไปในข้อความของหลี่เจิ้ง เมื่อถูกตำรวจสอบปากคำ เจียหมิงก็เล่าเรื่องให้ตำรวจฟังสิบเอ็ดเรื่อง ฉากส่วนใหญ่ในเกมของเสี่ยวปู้ล้วนมีพื้นฐานจากชีวิตจริง อันที่จริง พวกมันอาจจะมาจากเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ๆ ด้วยซ้ำ เฉินเกอสงสัยว่าภารกิจย่อยสิบเอ็ดภารกิจที่ฟ่านฉงได้ทำไปนั้นคงเหมือนกับคดีฆาตกรรมสิบเอ็ดคดีที่เจียหมิงบอกตำรวจ

เมืองในเกมของเสี่ยวปู้นั้นก็มาจากเมืองหลี่ว่าน ดังนั้นมันก็ดูเป็นเหตุเป็นผลดีที่คดีฆาตกรรมทั้งสิบเอ็ดคดีนี้จะเกี่ยวข้องกับเมืองหลี่ว่านด้วย

หลังจากคิดดูครู่หนึ่ง เฉินเกอก็ถามเบา ๆ “หลังจากทำภารกิจย่อยพวกนั้นสำเร็จแล้ว คุณได้คำใบ้อะไรไหม? หรือได้อะไรอย่าง รางวัล?”

“นั่นเป็นเหตุผลให้ผมโทรหาคุณนี่แหละบอส! หลังจากผ่านภารกิจย่อยทั้งหมด หน้าจอก็เริ่มมีเลือดไหล เกมที่เดิมเป็นสีเทา ๆ เริ่มเปลี่ยนไปอีกครั้ง และคราวนี้ ตึกทั้งหมดก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด ทั้งแป้นพิมพ์กับเม้าส์ก็ใช้การไม่ได้ และผมก็สูญเสียการควบคุมเสี่ยวปู้ เธอยืนอยู่ในเกม และโบกมือให้ผม มันน่ากลัวจริง ๆ ตอนนั้น ผมคิดจริง ๆ นะว่าเธอกำลังจะลากผมเข้าไปในเกมกับเธอ”

“ขอรายละเอียดที่สำคัญ ๆ นะ เกิดอะไรขึ้นถัดจากนั้น?”

“เธอเริ่มขยับด้วยตัวเธอเองและเข้าไปในตึกสีแดงหลังหนึ่ง จากนั้นหน้าต่างใหม่ก็เด้งขึ้นมา เป็นตัวอักษรที่เขียนด้วยเลือด– แม่น่าจะอยู่ที่นี่” ฟ่านฉงดื่มน้ำอึกใหญ่ ยังเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและหวาดกลัว

“ตึกนั่นมีอะไรที่โดดเด่นเฉพาะไหม?” เฉินเกอรีบถาม

“มันดูธรรมดามาก ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ว่ามีโปสเตอร์ของสวนสนุกติดเอาไว้ที่กำแพงด้านนอกของตึก บอสเฉิน นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่สุดที่ผมโทรมา!” ฟ่านฉงสูดลมหายใจลึก “สวนสนุกในโปสเตอร์นั่นน่าจะเป็นสวนสนุกนิวเซนจูรี่ บ้าเอ๊ย ผมเห็นกระทั่งบ้านผีสิงของคุณบนโปสเตอร์นั่น”

“คุณเห็นบ้านผีสิงของผมในโปสเตอร์?” เฉินเกอถามออกไปเสียงดัง

“ใช่ ผมไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร แต่ผมเชื่อว่ามันหมายถึงว่าผู้สร้างเกมน่าจะรู้จักคุณ และนี่น่าจะเป็นสุดยอดอีสเตอร์เอ้กที่ซ่อนเอาไว้” ฟ่านฉงยังดูตื่นเต้นอยู่

“ทุกวันนี้ สวนสนุกน่ะเลิกอาศัยโปสเตอร์เพื่อโฆษณาแล้ว นอกจากนี้ หน้าตาของบ้านผีสิงของผมก็เปลี่ยนไปมาก ดังนั้นโปสเตอร์ที่คุณเห็นน่าจะเป็นสมัยพ่อกับแม่ของผมแล้ว” สิ่งที่เฉินเกอพูดนั้นดูมีเหตุผลสำหรับเขาเอง เขาไม่คิดจริง ๆ ว่าจะพบเงื่อนงำที่พ่อกับแม่ของเขาทิ้งเอาไว้ในเกมของเสี่ยวปู้

เขาคิดกลับไปถึงทุกอย่างที่ฟ่านฉงพูด หลังจากจัดการกับภารกิจย่อยทั้งหมดแล้ว เสี่ยวปู้ก็เข้าไปในตึกหลังหนึ่ง และสิ่งที่เธอพูดก็มีแค่ว่าแม่ของเธอน่าจะอยู่ในตึกนั้น เฉินเกอไม่รู้ว่าเสี่ยวปู้จะพบแม่ของเธอหรือไม่ แต่เฉินเกอพบว่าพ่อกับแม่ของเขาน่าจะเคยเข้าไปในตึกหลังนั้นมาก่อน

นี่คือเงื่อนงำที่พวกเขาทิ้งเอาไว้ หรือว่าโปสเตอร์นั้นเป็นกับดักอีกอันที่เงานั่นวางเอาไว้?

ในเมื่อพลังของเงานั่นค่อนข้างแปลก มันสามารถปลอมเป็นใครก็ได้ หลังจากชะงักไปครู่หนึ่งหนึ่งเพื่อไตร่ตรอง จู่ ๆ เฉินเกอก็ถามคำถามหนึ่งกับฟ่านฉง “รถจักรยานไฟฟ้าที่คุณใช้ก่อนหน้านี้ยี่ห้ออะไรนะ?”

“ฮะ? ของอ้ายเหนี่ยวน่ะ มีอะไรเหรอ?” ฟ่านฉงกำลังตื่นเต้น– ในที่สุดเขาก็สามารถเคลียร์เกมได้หลังจากใช้เวลากับมันทั้งวันพยายามผ่านมันไปให้ได้ เขาแทบจะไม่มีใครที่จะแบ่งปันความสุขนี้ได้ แต่เขาก็ไม่คิดว่าจู่ ๆ เฉินเกอจะถามคำถามแบบนั้นออกมา คำตอบก็ผ่านปากเขาออกไปโดยไม่ทันได้คิด

“น่ะ ไม่มีอะไรหรอก” เฉินเกอถอนหายใจโล่งอก ฟ่านฉงน่าจะเป็นตัวจริง ดังนั้นเขาจึงตอบคำถามได้อย่างดี “หลังจากเสี่ยวปู้เข้าไปในบ้านสีแดงนั่นแล้วเกิดอะไรขึ้นอีกไหม?”

“ผมขอโทษด้วยแต่ผมบอกไม่ได้แล้ว เกมติดอยู่ที่ตรงนั้น ผมลองโหลดเกมใหม่อีกหลายครั้ง แต่นั่นก็ไกลที่สุดที่ผมไปได้แล้ว ผมเชื่อว่านี่น่าจะเป็นจุดจบของเกม เสี่ยวปู้ ที่ตามหาแม่ของเธอ ก้าวเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของฝันร้ายของเธอและพบห้องที่แม่ของเธอน่าจะเคยอยู่ในเมืองนี้ที่เต็มไปด้วยฆาตกรและผีร้าย เกมตัดสินใจจบลงที่นี่เพราะว่ามันต้องการตอนจบปลายเปิด แบบนี้ ผู้เล่นก็จะสามารถคิดถึงตอนจบแบบที่พวกเขาชอบได้” ฟ่านฉงเล่นเกมนี้มาเป็นเดือนแล้ว เขาค่อนข้างยึดติดกับประสบการณ์ในเกมนี้โดยไม่รู้ตัว มันเหมือนกับเขามีชีวิตผ่านประสบการณ์เหล่านี้ด้วยตัวเอง

“คุณติดเกมนี้เข้าแล้วใช่ไหมเนี่ย? คืนนี้จับตามองคอมพิวเตอร์ของคุณเอาไว้ ถ้าเกิดอะไรขึ้น โทรหาผมทันที” เฉินเกอนั้นมีความรู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ เชื่อมโยงกันมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้ก่อนหน้านี้ และเมื่อโยงแต่ละจุดเข้าด้วยกัน เขาก็ถูกบังคับให้ต้องเดินหน้าต่อไป “ระวังตัวด้วย คืนนี้น่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในเมืองหลี่ว่าน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คืนนี้อย่าออกจากบ้าน”

เฉินเกอหันไปมองผู้โดยสารที่แปลกและประหลาดบนรถเมล์ ‘คน’ ทั้งหมดนี้ล้วนมุ่งหน้าไปยังเมืองหลี่ว่าน นั่นเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายของพวกเขา

“ไม่ต้องห่วง ผมจะอยู่ดูเสี่ยวปู้คืนนี้ และถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลง ผมจะโทรหาคุณเป็นคนแรก” ฟ่านฉงเพิ่งพูดจบตอนที่มีเสียงเคาะประตูดังมาจากลำโพง “บอสเฉิน มีคนเคาะประตูฝั่งคุณหรือเปล่า?”

“ไม่มีหรอก ผมอยู่ข้างนอก และรอบตัวก็ไม่มีประตูด้วย เสียงเคาะดังมาจากฝั่งคุณ” เฉินเกอหรี่ตา “อย่าเปิดประตู และอย่าวางสาย”

“เสียงเคาะดังมาจากฝั่งผม? แต่ทำไมมันถึงเหมือนดังผ่านโทรศัพท์มาล่ะ?” ความตื่นเต้นหายวัยไปจากน้ำเสียงของฟ่านฉง– มันแทนที่ด้วยความไม่แน่ใจและสับสน เสียงเคาะในโทรศัพท์ดังชัดขึ้น เฉินเกอกลั้นหายใจเพื่อฟังให้ชัดขึ้น ฟ่านฉงเองก็กลั้นหายใจ แต่สำหรับเขานั้นเป็นเพราะว่าเขากลัว

“อย่าทำร้ายผม ผมไม่เคยทำอะไรไม่ดีเลยในชีวิต” มีเสียงเก้าอี้เลื่อน มันฟังเหมือนฟ่านฉงขยับไปหลบอยู่บนเตียง แต่ว่า นั่นก็ไม่ได้หยุดเสียงเคาะประตูที่ดังสม่ำเสมอ

เฉินเกอได้ยินชัดเจนจากทางฝั่งเขา เสียงเคาะดูเหมือนจะเริ่มต้นที่ประตูห้องนั่งเล่นก่อนที่จะย้ายมาที่ประตูห้องนอนช้า ๆ เหมือนมีบางอย่างเข้ามาในห้องฟ่านฉง และเจ้าสิ่งนั้นก็ขยับเข้าไปหาเขาช้า ๆ

“ไม่ต้องกลัว เปิดกล้องมือถือของคุณแล้วหันกล้องไปทางประตู– ผมจะช่วยคุณดูเอง” เฉินเกอเป็นกังวลแทนฟ่านฉงเหมือนกัน แต่ว่า ตัวเขาไม่ได้อยู่ในเมืองหลี่ว่าน ดังนั้นต่อให้อยากจะไปช่วยฟ่านฉง เขาก็ทำไม่ได้

“โอะ… โอเค” ฟ่านฉงเสียงสั่น เขากำลังยุ่งกับโทรศัพท์ของตัวเองตอนที่เสียงเคาะดังขึ้นอีก ก่อนที่เขาจะทันได้จัดการกับกล้อง เสียงกรีดร้องของฟ่านฉงก็ก้องผ่านโทรศัพท์มา “พี่ใหญ่! ช่วยผมด้วย! ในห้อง! เขาอยู่ในห้อง!”

เสียงกรีดร้องตามมาด้วยเสียงดิ้นรน เหมือนตู้ล้มเก้าอี้พลิกคว่ำ เสียงเคาะบนประตูฟังดูหนักแน่นขึ้นจนกระทั่งสิบวินาทีให้หลังตอนที่เสียงเคาะจู่ ๆ ก็หายไปเหมือนตอนที่มันปรากฏขึ้น และที่อีกฝั่งของโทรศัพท์ก็กลายเป็นเงียบอย่างน่ากลัว

“ฟ่านฉง?” เฉินเกอเรียกเบา ๆ เข้าไปในสาย แต่ไม่มีการตอบกลับจากอีกฝ่าย

หลายวินาทีให้หลัง มีเสียงเหมือนรองเท้าใส่ในบ้านลากไปบนพื้นเหมือนมีบางคนเหยียบมันไป จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงตะโกนอย่างประหลาดใจของฟ่านต้าเตอ “เสี่ยวฉง? ฟ่านฉง!”

ผ่านเสียงตะโกนของฟ่านต้าเตอ ฟางหยวนแน่ใจได้ว่ามีบางอย่างหล่นใส่ฟ่านฉง เขาตะโกนเข้าไปในโทรศัพท์ พยายามดึงความสนใจของฟ่านต้าเตอ

“ฮัลโหล? บอสเฉิน? ก่อนหน้านี้คุณคุยโทรศัพท์กับเสี่ยวฉงอยู่เหรอ?”

“ฟ่านฉงได้รับบาดเจ็บเหรอ? เขายังพูดไหวไหม? คุณส่งโทรศัพท์ให้เขาได้ไหม?” เฉินเกอเป็นห่วง

“แต่ว่าเขาไม่อยู่บ้าน! ประตูห้องนั่งเล่นและประตูห้องนอนถูกเปิดเอาไว้ มันเหมือนว่าเขาเพิ่งวิ่งออกไปจากบ้าน!” คำพูดของฟ่านต้าเตอนั้นเหมือนระเบิดลูกหนึ่ง สั่นสะเทือนหัวใจฟางหยวน

“ไม่อยู่ในห้อง?” เฉินเกอนั้นนึกถึงเงานั่นทันที “ทำไมเขาถึงไล่ล่าฟ่านฉง? และเขารู้ที่อยู่ของฟ่านฉงได้ยังไง?”

“คุณขอให้เขาออกไปหรือเปล่า?” หลังจากได้ยินเสียงเฉินเกอจากอีกปลายสาย ฟ่านต้าเตอก็ใจเย็นลงมาก เขาเชื่อใจเจ้าของบ้านผีสิงคนนี้ที่อายุน้อยกว่าเขามา มีเขาคอยช่วย หลายปัญหาก็คลี่คลายได้โดยง่าย

“ก่อนหน้านี้มีคนบุกเข้าไปในบ้านคุณ มันน่าจะเป็นฆาตรกรสักคนที่หนีออกมา ชื่อว่า เจียหมิง ผมแนะนำให้คุณโทรหาตำรวจทันทีและบอกเขาทุกอย่างที่คุณรู้ นอกจากนั้นแล้ว ลองมองหาที่ซ่อนที่คุณจะแอบอยู่ได้ในบ้านของคุณ ทำให้แน่ใจว่าตัวเองปลอดภัยดีก่อนที่ตำรวจจะมาถึง” เฉินเกอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ฆาตกร? ทำไมเขาถึงมาบ้านของพวกเราล่ะ? เสี่ยวฉงไม่มีทางไปล่วงเกินคนแบบนั้นแน่!” เสียงของฟ่านต้าเตอสูงขึ้นจากความวิตกกังวล

“ผมจะไปถึงที่นั่นเดี๋ยวนี้ คุณทำสิ่งที่ต้องทำก่อน เรียกตำรวจและดูแลตัวเองดี ๆ”

“ได้ ผมจะเรียกตำรวจเดี๋ยวนี้” หลังจากฟ่านต้าเตอวางสาย เฉินเกอก็มองหน้าจอโทรศัพท์ หมัดของเขาค่อย ๆ กำแน่น ศัตรูของเขาลักพาตัวฟ่านฉงไปขณะที่เขากำลังคุยโทรศัพท์ด้วยอยู่ ศัตรูคราวนี้กดดันเฉินเกอได้มากทีเดียว

“เสียงเคาะที่ดังมานั่นเป็นสัญญาณว่าเงานั่นกำลังลงมือ แต่นั่นมันหมายความว่าเขาทำเรื่องนี้เองคนเดียวหรือว่ามีความช่วยเหลือจากผีอื่น?” เฉินเกอเก็บโทรศัพท์ เขากำมือเข้าด้วยกันแน่น ก้มหน้าต่ำเพื่อทวนทุกเหตุการณ์ในหัว จู่ ๆ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น “มีบางอย่างแปลก ๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบไป พอมาคิดตอนนี้ สิ่งสุดท้ายที่ฟ่านฉงตะโกนออกมาฟังดูประหลาด มันเหมือนมีบางคนเอามือปิดปากเขาไว้ และเขาก็ตะโกนคำนั้นออกมาขณะกำลังดิ้นหนี”

เฉินเกอดึงกระดาษและปากกาออกมาจากกระเป๋าและเขียนทุกอย่างที่ฟ่านฉงตะโกนออกมาลงไป

“พี่ใหญ่! ช่วยผมด้วย! ในห้อง! เขาอยู่ในห้อง!”

สี่คำที่ดูเหมือนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน แวบแรกเลยนั้นมันน่าจะหมายถึงฟ่านฉงร้องขอความช่วยเหลือจากพี่ชายของเขาที่อยู่ในบ้านเดียวกันกับเขา แต่พอคิดจากอีกมุมหนึ่ง ถ้า ‘ช่วยผมด้วย’ นั้นไม่ได้บอกพี่ชายของเขาแต่บอกเฉินเกอ อย่างนั้นความหมายของประโยคทั้งหมดก็จะเปลี่ยนไปแล้ว

“เป็นไปได้ไหมว่าฟ่านฉงเปิดประตูไปห้องฟ่านต้าเตอแต่เขากลับพบว่าพี่ชายของเขากำลังทำสิ่งที่แปลกออกไปเทียบกับปกติ อย่างเช่นกำลังถือมีดเอาไว้ในมือ ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาจึงร้องเรียกพี่ชายตัวเองออกมา และหันมาหาโทรศัพท์เพื่อขอความช่วยเหลือจากฉัน ‘เขาอยู่ในห้อง’ ก็จะหมายความว่าพี่ใหญ่ที่ประหลาดไปนั้นเข้ามาในห้องเพื่อจับเขา”

ประโยคเดียวกันนั้นมีความหมายที่ต่างออกไปขึ้นกับว่าฟ่านฉงนั้นพูดกับใคร

“เป็นไปได้ไหมว่าเงานั่นเข้าครอบครองร่างฟ่านต้าเตอหลังจากหนีออกมาจากโรงพยาบาล? อย่างนั้นแล้วจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลี่เจิ้งและเจียหมิงได้อย่างไร?” เฉินเกอรู้สึกเหมือนสันหลังเย็นวาบขึ้น– เขารู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อย ๆ “หวังว่าฉันจะคิดมากไปเอง”

หากฟ่านต้าเตอกลายเป็นเหยื่อของเงานั่น อย่างนั้นบ้านของฟ่านฉงก็จะเป็นกับดักอันตราย เงานั่นกำลังรอให้เฉินเกอไปหาเพื่อจัดการเอาชีวิตเขา

“ฉันควรไปช่วยเขาไหม?” ดวงตาของเฉินเกอกวาดมองผู้โดยสารคนอื่น ๆ ในรถ เขาหรี่ตาลงขณะที่แผนการหนึ่งเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ