คำพูดของเด็ก
เขตที่พักอาศัยที่ฟ่านฉงพักอยู่นั้นเรียกได้ว่าอันตรายมาก หากเฉินเกอไปที่นั่น เขาก็คงตกลงไปในกับดักที่เงานั่นวางเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงหันไปสนใจผู้โดยสารคนอื่น ๆ ส่งคนอื่นไปสู้กับศัตรูของเขา เฉินเกอนั้นเคยทำอะไรอย่างนี้มาก่อนแล้วตอนที่เล่นเกมของเสี่ยวปู้
คนเหล่านี้ไม่ใช่คนโง่ และมันย่อมไม่ง่ายที่จะเข้าไปมีอิทธิพลต่อความคิดของพวกเขาและให้พวกเขายินดีเป็นหน่วยสอดแนมให้ฉัน ฉันต้องวางแผนนี้อย่างรอบคอบ
จากที่เฉินเกอเห็น ไม่ว่าจะเป็นชายหน้ายิ้มหรือว่าส้นสูงสีแดง พวกเขาล้วนกลายมาเป็นอาวุธของเขาได้ เขาไม่สนใจว่าคนเหล่านี้ต้องการทำอันตรายเขาหรือไม่ เขาสนใจเพียงแค่ระดับพลังของคนเหล่านี้ หากพวกเขาอ่อนแอเกินไป เฉินเกอก็เกรงว่าพวกเขาอาจจะไม่สามารถทำหน้าที่ง่าย ๆ อย่างการสอดแนมได้ เฉินเกอไม่ต้องการบอกเล่าความคิดของเขากับคนอื่น ๆ หากหมอรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาย่อมเชื่อว่าเฉินเกอนั้นเสียสติไปแล้วเป็นแน่
เรื่องราวยิ่งมายิ่งน่าสนใจแล้ว
มีอุบัติเหตุมากมายเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนที่เขาจะไปถึงเมืองหลี่ว่าน สิ่งต่าง ๆ หลุดออกจากการควบคุมของเฉินเกอ และไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวินาทีถัดไป
ฉันไม่สามารถกลับไปที่สวนสนุกนิวเซนจูรี่ได้แล้วตอนนี้ หลี่เจิ้งนั้นมีปืน และหากเขาอยู่ภายใต้การควบคุมของเงานั่นจริง ๆ อย่างนั้นฉันก็จะตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงหากกลับไปที่สวนสนุก
หากเงานั่นสามารถควบคุมหลี่เจิ้งได้ อย่างนั้นเขาก็สามารถเข้าครอบครองร่างของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่น ๆ ได้ นรกเหอะ กระทั่งยามชราที่ทั้งใจดีและสุภาพที่สวนสนุกก็ยังสามารถทำร้ายเฉินเกอได้ นี่เป็นศัตรูที่รับมือได้ยากที่สุดที่เฉินเกอเคยเผชิญหน้ามาเลย ตั้งแต่เริ่มเกม เขาก็ไม่สามารถเชื่อถือใครที่อยู่รอบตัวได้เลย
เพื่อจัดการกับเงานั่น ทางแก้ที่ดีที่สุดก็คืออาศัยสองมือของเขาเอง แทนที่จะรอให้ตัวเองตกลงไปในกับดักของมัน เฉินเกอควรจะเดินทางลัดตัดตรงสู่รังของเงานั่น หาร่างจริงของมันแล้วฆ่ามันซะ
การจัดการกับศัตรูที่ฉลาดและยังเหี้ยมโหดถึงขนาดนี้ เฉินเกอนั้นมีแผนการที่สมบูรณ์แล้ว ต้องอาศัยข้อได้เปรียบของตัวเองและหลีกเลี่ยงจุดอ่อนของตัวเอง– โดยที่ยังวางเอาความปลอดภัยของเขาเองไว้สำคัญที่สุด พยายามจัดการกับศัตรูให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าเงานั่นจะวางแผนการอะไรไว้ลึกแค่ไหน หากเฉินเกอไม่ให้เงานั่นมีเวลาวางแผน ความฉลาดของมันก็เสียเปล่าแล้ว
ฉันไม่รู้ว่าเงานั่นซ่อนตัวอยู่ที่ไหนตอนนี้ เขาอาจจะรอลงมืออยู่ที่สวนสนุกนิวเซนจูรี่ หรือว่าแอบอยู่หลังประตูบ้านฟ่านฉง หรือกระทั่งอยู่บนรถเมล์คันนี้ก็ได้ ฉันต้องตื่นตัวให้มากเข้าไว้ มันจะแสดงตัวตนออกมาจริง ๆ เมื่อมันมั่นใจหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มว่าสามารถสังหารฉันได้
เฉินเกอนั้นประเมินสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำ จิ่วเจียงตะวันออกนั้นนับเป็นพื้นที่ของเงานั่น และเมืองหลี่ว่านก็คือรังของมันที่มันควบคุมเอาไว้มานานหลายปี มันไม่เคยมีการต่อสู้อย่างยุติธรรมระหว่างเขากับเงานั่นอยู่ตั้งแต่ต้นแล้ว
“รถเมล์กำลังจะเข้าป้ายถัดไป กรุณานั่งประจำที่!”
ตอนที่เฉินเกอกำลังจัดระเบียบความคิดต่าง ๆ ของตัวเอง รถเมล์ก็ถึงป้ายถัดไป ประตูรถเปิดออก และสายลมรุนแรงก็พัดเอาเม็ดฝนเข้ามาในรถ หน้าต่างรถลั่นกราว และร่วมกับเม็ดฝนที่กระหน่ำลงมา มันก็เหมือนว่าหน้าต่างจะแตกออกเมื่อไหร่ก็ได้
“พ่อ ผมกลัว…” เสียงอ่อนเยาว์ดังมาจากด้านนอกรถ
“ไม่เป็นไร พวกเราจะไปถึงปลายทางในไม่ช้า และพ่อกับแม่ก็ไปกับแกด้วยไง” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งใบหน้าซีดขาวดึงเด็กชายอายุประมาณห้าปีขึ้นมาบนรถ ที่ตามหลังพ่อกับลูกมานั้นเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมยุ่งเหยิงเป็นกระเซิง
ผู้โดยสารประหลาดต่างกันไปนี้สามารถพบได้บนรถเมล์สาธารณะที่ดูน่ากลัวคันนี้ เด็กชายยืนอยู่ในทางเดินด้วยท่าทางจนปัญหา ไม่แน่ใจว่าจะวางมือตัวเองตรงไหนดี จากสีหน้าของเขา มันเหมือนเขากำลังจะร้องไห้แล้ว
“ไม่เป็นไร พวกเราจะไปถึงจุดหมายของเราในไม่ช้า” ผู้ชายคนนั้นพูดเหมือนกับเป็นเครื่องบันทึกเทปพัง ๆ เขาวางมือบนศีรษะของเด็กชาย บังคับให้เขาหันไปไม่สบตากับผู้โดยสารคนอื่น ๆ ภรรยาที่เดินตามหลังนั้นไม่พูดอะไรสักคำ ครอบครัวประหลาดสามคนขึ้นรถมาและพวกเขาก็นั่งลงที่แถวที่สี่ที่กลางรถเมล์
*ครอบครัวที่จะไปเที่ยวเมืองหลี่ว่าน?*เฉินเกอมองครอบครัวสามคนอยู่ครู่หนึ่ง เท่าที่เขารู้ เมืองหลี่ว่านนั้นเป็นสถานที่ซึ่งเด็กมากมายหายตัวไป เพื่อผีทารก เงานั่นตามหาเด็ก ๆ และทั้งที่มีอันตรายเช่นนี้ ครอบครัวนี้ก็ยังกล้าพาลูกของตัวเองไปเมืองหลี่ว่าน คำว่าแปลกยังอธิบายสถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้เลย
ยิ่งมีผู้โดยสารขึ้นรถมามากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเป็นไปได้ที่เงานั่นจะปลอมเป็นหนึ่งในคนเหล่านี้
มีเด็กเพิ่มขึ้นมาบนรถหนึ่งคนหมายถึงความเงียบจากก่อนหน้านี้นั้นพังทลายไปโดยสิ้นเชิง
“พ่อครับ กลับบ้านกันเถอะ” เด็กชายอ้อนวอนเรื่อย ๆ ในน้ำเสียงมีรอยน้ำตา “ลุงคนนั้นเอาแต่มองมาที่ผม เขาดูน่ากลัวมาก”
เด็กชายใช้นิ้วชี้ไปยังชายหน้ายิ้ม พอพ่อเขาเห็นอย่างนั้นก็รีบคว้านิ้วของลูกเอาไว้แล้วดุเขาอย่างจริงจัง “อย่าใช้นิ้วชี้คนอื่น มันหยาบคายมาก”
“แต่เขาเอาแต่จ้องผมนี่” เด็กชายอยากจะพูดกับพ่อมากกว่านี้ แต่ว่าพ่อของเขาเพิ่มแรงมือที่จับแขนของเด็กชายเอาไว้จนมันขึ้นรอยแดง เมื่อรู้สึกถึงความเจ็บแปลบที่แขนตัวเอง ในที่สุดเด็กชายก็ควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่ไหว น้ำตาหยดลงมาเป็นเม็ด ๆ
“หยุดสร้างเรื่อง ถ้าแกยังทำตัวแบบนี้ ฉันจะส่งแกลงจากรถ แล้วแม่แกกับฉันก็จะไปกันเอง” คำขู่ของคนเป็นพ่อนั้นได้ผล เด็กชายพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ก้มหน้าต่ำขณะถดตัวไปนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของเก้าอี้
“อย่างนั้นสิ แกเป็นผู้ชายคนหนึ่งในครอบครัวเรา ทำไมถึงร้องไห้กับเรื่องเล็ก ๆ แค่นี้ได้?” ชายวัยกลางคนปล่อยมือ รอยสีแดงเข้มปรากฏชัดตรงจุดที่คนพ่อเคยกำแขนเด็กชายเอาไว้ “ไม่ใช่ว่าแกอยากจะไปเจอพี่สาวของแกเหรอ? พอเราไปถึง พวกเราก็สามารถไปหาพี่สาวของแกได้ไง”
“พี่สาว? จริงเหรอครับ?” เด็กชายช้อนตาขึ้นมองเผยให้เห็นดวงตาวาววับคู่หนึ่ง ดวงตาคู่นั้นราวกับไข่มุกที่สวยที่สุดบนโลก มันใสกระจ่างและเป็นประกาย เหมือนดวงตาของเด็กชายนั้นเก็บเอาดวงดาวบนท้องฟ้าทั้งหมดเอาไว้
“แน่นอน ฉันเคยโกหกแกเมื่อไหร่กัน?” ชายวัยกลางคนฝืนยิ้มออกมาและขยี้ผมเด็กชาย
“แต่…” เด็กชายยังลังเล และดวงตาของเขาก็เผยแววไร้เดียงสาแบบเดียวกัน “พี่สาวบอกผมว่าพี่ถูกแม่ฆ่า และแม่ก็มาบอกผมว่าพี่สาวหายตัวไป และตอนนี้พ่อก็กำลังบอกผมว่าพวกเรากำลังจะไปหาพี่สาว ผมไม่รู้แล้วว่าจะเชื่อใครได้…” ก่อนที่เด็กชายจะทันพูดจบ เขาก็ถูกพ่อของเขาขัดขึ้นอย่างรุนแรงด้วยการจิกดึงผมเขาแรงจนเด็กชายตัวลอยขึ้นจากเบาะ
“โอ๊ย! ขอโทษครับพ่อ ผมจะไม่พูดอย่างนี้แล้ว! ยกโทษให้ผม พ่อครับ!”
“หุบปากซะ!” ชายวัยกลางคนที่ยังกำผมเด็กชายเอาไว้ผลักเด็กชายกลับไปที่ที่นั่ง ใบหน้าของชายคนนั้นดำทะมึนเหมือนท้องฟ้าไร้แสงจันทร์
เด็ก ๆ นั้นน้อยนักที่จะกลั่นกรองถ้อยคำก่อนจะพูดออกมา ดังนั้นบางครั้งพวกเขาก็พูดบางอย่างที่ไม่ควรออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ
หมอและเฉินเกอที่นั่งอยู่ท้ายรถได้ยินสิ่งที่เด็กชายพูด แต่ไม่มีใครตัดสินใจทำอะไร ความเงียบกลับคืนมา แต่บางครั้งก็มีเสียงสูดจมูกเงียบ ๆ จากเด็กชายดังมา
ฝนยังตกอย่างต่อเนื่อง และรถเมล์ก็ออกจากป้าย ตอนนี้ พวกเขาอยู่ใกล้เมืองหลี่ว่านมากแล้ว อันที่จริง ยังเหลืออีกสามหรือสี่ป้ายก็จะถึงแล้ว
“นี่น่าจะเป็นผู้โดยสารกลุ่มสุดท้ายแล้วใช่ไหม?” เฉินเกอลุกขึ้น ตัดสินใจลงมือตามแผนการ เขาเปิดเครื่องเล่นเทป เฉินเกอเดินไปด้านหน้ารถ และด้วยการจับตามองจากชายหน้ายิ้มและหมอ เขาก็ก้มลงไปเก็บรองเท้าส้นสูงสีแดงขึ้นมา