ฉากที่มีความยากระดับ 3.5 ดาว

“รองเท้าส้นสูงคู่นี้มาจากไหนกัน?” เฉินเกอเก็บรองเท้าขึ้นมาเหมือนนี่เป็นครั้งแรกที่เขาสังเกตเห็นมัน ได้ยินอย่างนั้น คนขับรถ ถังจวิน ก็มองเข้าไปในกระจกมองหลัง เขายังหลั่งเหงื่อเย็น ๆ อยู่– บอสใหม่ของเขาต่างไปจากคนทั่วไปจริง ๆ

คนที่ไม่ได้มีจิตใจผิดปกติย่อมไม่เข้าหาผีด้วยตัวเองในสถานการณ์เช่นนี้ แต่ว่าบอสของเขานั้นต่างไปโดยสิ้นเชิง เขามุ่งหน้าขึ้นเขาไปแม้จะรู้ว่ามีเสือร้ายด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ นรกเถอะ เขายินดีเข้าไปในถ้ำเสือด้วยซ้ำถ้าหากว่าจะได้อะไรกลับออกมา– นี่เป็นคนประเภทที่ไม่สนใจผลที่จะตามมา

เขาคิดจะโน้มน้าวบอสของเขา แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นที่ตรงไหน ดังนั้นเขาจึงหุบปากเงียบเอาไว้แล้วตั้งใจขับรถต่อไป ไม่มีใครบนรถกล้าตอบคำถามของเฉินเกอ– พวกเขาล้วนมองไปที่เฉินเกออย่างประหลาดใจ

“ตอนนี้เขาจะทำอะไรอีกเนี่ย?” หมอยกผ้าพันคอขึ้นมาพันรอบใบหน้าให้กระชับขึ้น เผยออกมาเพียงแค่ดวงตาสองข้างเท่านั้น เมื่อคิดถึงว่าเขาแทบจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เขาย่อมไม่ก้าวออกไปช่วยเฉินเกอ

สำหรับครอบครัวสามคนแล้ว ภรรยาและลูกชายเอาแต่ก้มหน้าต่ำ ไม่มีใครพูดอะไร แต่ว่า คนสามีนั้นยิ้มชั่วร้ายออกมาเหมือนดีใจที่จะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับเฉินเกอ

ขี้เมาที่เป็นผู้โดยสารคนแรกของรถเมล์ ตอนนี้เขาฟุบไปกับที่นั่งและหมดสติไป ตั้งแต่นั้นเขาก็ยังคงไม่ได้สติขึ้นมา

ชายหน้ายิ้มนั้นมองเฉินเกอ และเฉินเกอก็บังเอิญสบตากับเขา

“คุณอยู่ใกล้ที่นั่งนี้ที่สุด คุณรู้ไหมว่าใครลืมรองเท้าคู่นี้เอาไว้?” ถือรองเท้าส้นสูงสีแดงคู่นี้เอาไว้ในมือนั้นทำให้เขามีความรู้สึกประหลาด ๆ จากฝ่ามือ– มันเหมือนกำลังแตะอยู่บนผิวหนังมนุษย์ที่ชุ่มไปด้วยเลือด เฉินเกอถือรองเท้าไว้ด้วยมือหนึ่งและเดินตรงไปหาชายหน้ายิ้มช้า ๆ

“นี่เขาบ้าไปแล้วหรือเปล่า? ทำให้คนผู้หนึ่งขุ่นเคืองไม่พอ เขายังก่อกวนถึงสองคนพร้อมกัน? นี่เขาไม่เชื่อว่าโลกนี้มีผีอยู่จริง ๆ งั้นเหรอ? เขาคิดว่าฉันโกหกเขาเมื่อตอนที่พวกเราเจอกันครั้งก่อนบนรถคันนี้เหรอ?” หมอนั้นเป็นกังวลแทนเฉินเกอ เขาแน่ใจว่าเขาบอกเฉินเกอไปก่อนหน้านี้แล้วว่าชายหน้ายิ้มนั้นสังหารคนทั้งคันรถมาแล้ว แต่เฉินเกอก็ยังเป็นฝ่ายพุ่งออกไปท้าทายเขา การกระทำนี้ทำให้หมอต้องงุนงง

เฉินเกอที่ถือรองเท้าคู่นั้นเอาไว้เดินไปหยุดอยู่ข้าง ๆ ชายหน้ายิ้ม เขาโบกรองเท้าไปมาตรงหน้าคนผู้นั้น

“คุณดูเครียดมาก” เฉินเกอนั้นวางรองเท้าส้นสูงลงข้าง ๆ ขาของชายหน้ายิ้มอย่างเป็นธรรมชาติมาก “เจ้าของรองเท้าคู่นี้น่าจะสวยมากเพราะว่ารสนิยมอันดีของเธอนั้นเห็นได้ชัดเจนจากรองเท้าส้นสูงคู่นี้ที่ดูสวยงามถึงเพียงนี้ คุณคิดว่าอย่างนั้นไหม?”

ชายหน้ายิ้มเงยหน้าขึ้นช้า ๆ เขาเค้นคำพูดออกจากปากทั้งที่หน้ายังยิ้มอยู่ “เอามันออกไป”

นิสัยของคนผู้หนึ่งนั้น บางส่วนก็สามารถดูออกได้จากน้ำเสียง ในน้ำเสียงของชายหน้ายิ้มนั้นไม่มีร่องรอยขำขัน และเขาก็เว้นวรรคระหว่างแต่ละคำนานเกินจำเป็นเหมือนไม่ได้พูดอะไรออกมานานแล้ว

“คุณเกลียดรองเท้าคู่นี้ถึงขนาดนั้นเลยหรือ? ทำไมล่ะ? นี่เป็นรองเท้าส้นสูงสีแดงที่น่ารักขนาดนี้เลยนะ” ขาของเฉินเกอนั้นตึงเขม็ง เขาพร้อมที่จะถอยออกไปทันทีหากจำเป็น

สำหรับคนอื่นแล้ว มันดูเหมือนเฉินเกอกำลังเล่นกับไฟ หรือพูดให้ตรงกว่านั้น ล้อเล่นกับความตาย พวกเขาไม่รู้ว่าเฉินเกอไปเอาความกล้าจากไหนมาทำเรื่องอย่างนี้ และยังไม่รู้ด้วยว่าเฉินเกอทำแบบนี้ไปทำไม รถเมล์เกือบจะไปถึงเมืองหลี่ว่านแล้ว และเฉินเกอก็มีเวลาเหลือไม่มาก หากเขาสามารถใช้ผู้โดยสารที่บนรถได้ พวกเขาก็จะได้ผู้ช่วยที่ดี แต่ว่า หากเขาเอาชนะคนพวกนี้พวกนี้ไม่ได้ เขาก็จะเข้าสู่สนามรบด้วยสภาพที่ได้รับบาดเจ็บก่อนหน้าแล้ว เขาไม่ต้องการมาระแวงถึงผู้โดยสารเหล่านี้ตอนที่รับมือกับเงานั่น ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจลองลงมือก่อน

การใช้รองเท้าส้นสูงสีแดงทดสอบชายหน้ายิ้มนั้นเป็นสิ่งที่เฉินเกอตัดสินใจกะทันหัน รองเท้าส้นสูงสีแดงนั้นตอนแรกปรากฏขึ้นที่ป้ายรถเมล์ว่างเปล่า เฉินเกอไม่รู้ว่าพวกมันขึ้นมาบนรถได้อย่างไร– เขาเพียงแค่สังเกตเห็นพวกมันและพวกเขามันก็ขึ้นมานั่งที่ที่นั่งแถวแรกแล้ว

เดิมที เฉินเกอไม่ได้คิดมาก แต่ปฏิกริยาประหลาดของชายหน้ายิ้มนั้นสะดุดความสนใจของเขา หมอบอกเขาว่าชายหน้ายิ้มนั้นครั้งหนึ่งเคยสังหารคนทั้งคนรถ ดังนั้นเขาน่าจะเป็นตัวละครที่อันตรายมาก แต่หลังจากเขาขึ้นมาบนรถ เขากลับหลีกเลี่ยงรองเท้าส้นสูงสีแดงและยังเลือกที่นั่งแถวที่สองอย่างไม่ลังเล

ชายหน้ายิ้มนั้นทิ้งระยะกับรองเท้าส้นสูง เขาระแวงอะไรมัน?

เฉินเกอนั้นไม่เคยประมาทศัตรูของตัวเอง คิดถึงที่ว่ากันว่าคนยิ่งแรงเยอะก็ยิ่งโง่ อันที่จริงแล้ว เหล่าวิญญาณนั้นยิ่งทรงพลังเท่าใด พวกมันก็เฉียบแหลมเท่านั้น พวกมันรู้วิธีการปิดบังและแอบซ่อนตัวเอง พวกมันรอให้เหยื่อประมาทและจากนั้นก็หักคอเหยื่อด้วยการลงมือครั้งเดียว

ชายหน้ายิ้มไม่วุ่นวายกับรองเท้าส้นสูงเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง แต่เขาไม่ได้คิดว่าเฉินเกอ ตัวละครตัวหนึ่งจะทำสิ่งที่ผู้อื่นคิดไม่ถึง

เฉินเกอนั้นไม่ได้กังวลเรื่องความปลอดภัยของตัวเองมากนักเพราะว่าเขาทำตามหลักการที่เหนือกว่า และนั่นก็คือทำให้สิ่งที่ศัตรูไม่ต้องการให้เกิดขึ้น ปรากฏขึ้นมาจริง ๆ

เห็นรองเท้าส้นสูงสีแดงที่ข้างขาแล้ว ชายหน้ายิ้มก็ใบหน้าทะมึนลง แต่กระทั่งภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาก็ยังคงยังยกมุมปากขึ้นเอาไว้ได้ บางทีปิศาจตนนี้คงจะผ่านการกระทบกระเทือนบางอย่างมาตอนที่ยังเด็กหรืออาจจะต้องทนทุกข์ทรมานจากสภาพเจ็บป่วยบางอย่างจนมีเพียงแค่สีหน้าเช่นนี้เท่านั้นที่เขาแสดงออกมาได้

รอยยิ้มไม่เปลี่ยน แต่ว่าสีขาวในดวงตาของเขาเริ่มมีประกายสีเทาและเส้นสีดำบิดไปมาเริ่มลามออกมาจากม่านตาของเขา มันดูน่าคลื่นไส้มากจริง ๆ การเปลี่ยนแปลงของร่างกายของเขายังเหนือกว่านั้น ลำคอที่เดิมก็ยาวกว่าธรรมดาอยู่แล้วเริ่มยาวขึ้น และรอยพับบนคอของเขาก็ฉีกออกเผยให้เห็นผิวหนังสีเทาเข้ม ปิศาจนี้ต่างไปจากวิญญาณสีเลือดที่เฉินเกอเคยเจอมาก่อน เขาไม่ได้มีอะไรที่จะบอกได้ว่าเขาเป็นผี อันที่จริง เฉินเกอแน่ใจว่าเขาเป็นมนุษย์อยู่ แต่ว่า สิ่งที่แผ่ออกมาจากชายหน้ายิ้มนั้นต่างไปจากคนทั่วไป และเฉินเกอก็ยังไม่พบเจออะไรที่จะบ่งบอกถึงผีบนร่างของชายคนนี้้

“เอามันออกไป!” เสียงเย็น ๆ ก้องออกมาจากปากชายคนนี้ ชายหัวเห็ดร่างโอนเอนไปเล็กน้อยและรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ฉีกกว้างมากขึ้น ฟันอย่างสัตว์ร้ายที่เหมือนถูกขัดไว้จนเรียบปรากฏขึ้น พวกมันต่างไปจากฟันของคนทั่วไป เมื่อมองไปแล้ว มันดูเหมือนปากของสัตว์สักตัวมากกว่า

เสียงเครื่องเล่นเทปดังขึ้นในหูเฉินเกอ มีเพียงตอนที่เฉินเกออยู่ในอันตรายที่ซู่อินจะส่งสัญญาณเตือนออกมา ครั้งสุดท้ายที่ซู่อินเตือนก็คือตอนที่เฉินเกอเผชิญหน้ากับเงานั่นที่การประปา

*ผู้ชายคนนี้น่ากลัวขนาดนั้นเลย?*ซู่อินนั้นห่างจากการเป็นวิญญาณสีเลือดโดยสมบูรณ์เพียงก้าวเดียวเท่านั้น และเขาก็ยังเป็นคนที่จะสู้ได้ดีขึ้นเมื่อได้รับบาดเจ็บ เขาไม่เคยมีท่าทีหวาดกลัว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับชายหน้ายิ้ม เขากลับรีบเตือนเฉินเกอ

ผู้ชายคนนี้อันตรายกว่าที่ฉันคิดเอาไว้มาก

ซู่อินนั้นเป็นคนที่ต่อสู้ได้ดีที่สุดเป็นอันดับสองที่เฉินเกอมีอยู่ หากเขาเตือนออกมา อย่างนั้นสิ่งนั้นก็ย่อมต้องอันตรายมากทีเดียว

ปิศาจแบบไหนกันที่มาปรากฏขึ้นบนรถเมล์ก่อนที่ฉันจะไปเมืองหลี่ว่าน มันยากที่จะคิดภาพแล้วว่าเมืองหลี่ว่านนั้นมีปิศาจแบบไหนอยู่บ้างในหลายปีมานี้

ในที่สุด เฉินเกอก็ไม่ได้เอารองเท้าส้นสูงออกมา เขาปล่อยพวกมันเอาไว้กับชายหน้ายิ้มและพุ่งไปหาคนขับ นี่เป็นยานพาหนะของเขา ดังนั้นเขาจึงเป็นคนออกกฎ เขาจะให้ถังจวินขับรถคันนี้ไปยังเขตที่พักที่ฟ่านฉงอยู่ ไม่ว่าจะมีกับดักแบบไหนรอเขาอยู่ เขาก็จะพุ่งผ่านมันไปพร้อมกับพ่วงเอาชายหน้ายิ้มและรองเท้าส้นสูงสีแดงไปด้วย

ฉันลงมือวู่วามเกินไปหรือเปล่า? โอ้ บ้าชะมัด ไม่มีเวลามาค่อย ๆ คิดเรื่องนี้แล้ว!