TQF:บทที่ 679  ฮ่องเต้เรียกเข้าพบ (4)

 

นี่เป็นโอกาสในการได้รับพลังจากฟ้าดินในขณะที่บรรลุเป็นบรรลุเทพเทวา พวกปีศาจเฒ่าไกลๆต่างรู้เรื่องนี้ดี อย่างไรซะพวกเขาก็เป็นผู้ฝึกฝนวิทยายุทธระดับบรรลุเทพเทวากันทั้งหมด เพียงแต่พวกเขาติดอยู่ตรงนี้มาหลายพันปีโดยไม่มีทีท่าว่าจะคืบหน้า

 

“ฮ่าๆๆๆ….”

 

จู่ๆฟางเต๋อหยวนก็หัวเราะร่วน ประสานมือกับผู้ชมนับพันที่มาชุมนุมกัน “ขอบคุณทุกท่านที่มาถึงบ้านตระกูลฟางของเรา วันนี้เป็นวันที่ข้าบรรลุเป็นบรรลุเทพเทวา หวังว่าทุกท่านจะให้เกียรติกินเลี้ยงที่บ้านตระกูลฟางด้วย”

 

การเชื้อเชิญจากบรรลุเทพเทวาที่เพิ่งบรรลุไปผู้นี้ใครจะกล้าปฏิเสธ ทุกคนรวมถึงเหล่าปีศาจเฒ่าตอบตกลงกันหมด

 

ตระกูลฟางจัดงานด้วยความปิติยินดี โต๊ะจีนนับร้อยโต๊ะเปิดให้ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธทุกคนได้เข้ามาดื่มกินกัน

 

กับสถานการณ์ครื้นเครงแบบนี้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวหลบไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ปฏิเสธที่จะปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ

 

อิทธิพลใหญ่ต่างๆในชิงยางต่างมาแสดงความยินดีที่ตระกูลฟางกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะจริงใจหรือไม่แต่ละคนก็มาพร้อมของขวัญในมือ

 

คนอื่นไม่เท่าไหร่ แต่หยูเฮงน้อยตาเป็นประกายเมื่อเห็นของขวัญเหล่านั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านางมีแผนในใจอีกแล้ว

 

แต่ของพวกนั้นก็ไม่น้อยจริงๆนั่นแหละ ต่อให้เป็นเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็อดอุทานไม่ได้

 

และก็เป็นเช่นนั้น ไม่รู้ว่าหยูเฮงน้อยไปพูดอะไรกับฟางเต๋อหยวน เขาถึงกับยกของขวัญเหล่านั้นให้นางหมดเลย ยัยคลั่งสมบัติหน้าตาเบิกบานด้วยความดีใจ นางนั่งเก็บทรัพยากรที่ใช้ได้ในห้องๆหนึ่งอย่างมีความสุข อันไหนที่ไม่ใช่ก็ให้อาเสียงไปลงทะเบียน

 

อาเสียงยังคงยิ้มแย้มให้กับท่าทางหวงสมบัติของหยูเฮงน้อย คอยถามว่าอันนี้เอามั้ย อันนั้นเอารึเปล่า แทบอยากจะยกทุกอย่างให้หยูเฮงน้อยเก็บไว้

 

เมื่อส่งเหล่าปีศาจเฒ่าเสร็จ ฟางเต๋อหยวนก็อดถอนหายใจไม่ได้ที่เจอพี่น้องทั้ง 2 ของตัวเอง

 

ในตอนนี้พี่น้องทั้ง 4 คนยังเด็กอยู่ ฟางเต๋อหยวนไม่เคยลำเอียงน้องชายคนไหนเลย เรียกได้ว่าพี่น้องทุกคนล้วนได้รับการดูแลจากฟางเต๋อหยวน แต่น่าเสียดายที่เมื่อโตขึ้นกลับต้องมาแตกคอกันด้วยเรื่องผลประโยชน์

 

ฟางเต๋อหยวนไม่ได้เริ่มต้นพูดคุยกับบ้านรองฟางเต๋อซิว แต่กลับทอดสายตาไปยังน้องสี่ฟางเต๋อหรงที่เย็นชากับตัวเองที่สุด

 

ฟางเต๋อหรงที่ตื้นตันจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้เมื่อสบเข้ากับตาของพี่ใหญ่ตัวเองก็แทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว เขาฉีกยิ้มที่ไม่ค่อยน่าดูพลางร้องเรียก “พี่ใหญ่”

 

“น้องสี่ เมื่อก่อนพี่ใหญ่ทำให้เจ้าผิดหวัง หวังว่าต่อแต่นี้ไปพี่จะไม่ทำให้เจ้าต้องผิดหวังอีก” ฟางเต๋อหยวนบอกกับน้องชายคนเล็ก เหมือนจะว่าตัวเองและก็เหมือนจะอุทานกับชีวิต

 

ฟางเต๋อหรงร้องเรียกอย่างหมดท่า “พี่ใหญ่ ขอโทษ ข้า….”

 

“เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด พี่เองที่ยังทำได้ไม่ดี พี่ไม่รักษาสัญญาของเรา”

 

ฟางเต๋อหยวนส่ายหัว แต่มีแววยิ้มอยู่ในนัยน์ตา “เจ้าทำได้ดีมาก ถ้าน้าเยี่ยนรู้ก็ต้องดีใจกับเจ้าแน่ๆ”

 

“พี่ใหญ่….” ฟางเต๋อหรงยากจะควบคุมอารมณ์ตัวเองอีกต่อไป เช็ดน้ำตาอย่างหมดสภาพ

 

พี่น้องในวันวานที่ผ่านศึกแย่งชิงมาหลายสิบปี แต่ถึงอย่างไรก็เป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน โตมาด้วยกัน และเคยรักใคร่กลมเกลียวกันจากใจจริง

 

ฟางเต๋อซิวเองก็ตาแดงก่ำเช่นเดียวกัน ถ้าไม่ใช่เพราะประสบการณ์การเป็นเจ้าบ้านหลายสิบปีมานี้ เขาอาจจะไม่รู้ตัวเลยจริงๆว่าความรักฉันพี่น้องในสมัยก่อนยังคงอยู่ตลอดมา

 

พี่น้องที่เหมือนจะเย็นชาและเลือดเย็นก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นจริงๆ คิดมาถึงตรงนี้ฟางเต๋อซิวโค้งนิดๆให้ฟางเต๋อหยวนพลางกล่าวอย่างจริงใจ “พี่ใหญ่ ข้าขอโทษ เรื่องก่อนหน้านี้ข้าผิดเอง ข้ายอมรับผิดและยอมถูกลงโทษตามกฎตระกูล”

 

“น้อง น้องรอง….”

 

แววตาของฟางเต๋อหยวนมีความหมายบางอย่างที่ซับซ้อน ในใจเขาเกิดอารมณ์ขึ้นมากมายเมื่อมองไปยังพี่น้องที่บีบคั้นตัวเองแบบไม่เหลือทางรอด ท้ายสุดแล้วก็ทำได้เพียงถอนหายใจเท่านั้น “น้องรอง มันผ่านไปแล้ว เจ้าเป็นเจ้าบ้านแม้จะไม่มีการพัฒนาอะไรมากนัก แต่จะปกปักรักษาตระกูลใหญ่แบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะง่าย อย่างน้อยเจ้าก็ทำได้ เจ้ารักษามันไว้เป็นอย่างดี ไม่ทำให้ท่านพ่อผิดหวัง”

 

“พี่ใหญ่…” ฟางเต๋อซิวก้มหน้าลงด้วยความอับอาย อดปาดน้ำตาไม่ได้เช่นกัน

 

“พริบตาเดียวผ่านไปหลายสิบปีแล้ว พวกเราเองก็แก่แล้ว พวกอำนาจต่างๆก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้นแล้ว สิ่งสำคัญคือเลือกคนที่เหมาะสมมาสืบทอดตระกูลฟางของเราต่อไป เป็นผู้ตัดสินทิศทางต่อจากนี้ของตระกูลฟาง คอยปกปักรักษาและพัฒนาตระกูลต่อไป”

 

“พี่ใหญ่ พวกเราจะทำตามที่ท่านบอก”

 

“พี่ใหญ่ ท่านว่ายังไงพวกเราก็ว่าตาม ข้าไม่มีความเห็นอื่น”

 

พี่น้อง 3 คนตรงนี้คุยกันสนุก ส่วนภายในบ้านสามก็มีเสียงกรีดร้องอย่างตื่นตระหนกของเหล่าคนรับใช้ดังขึ้นอีกครั้ง

 

เมื่อเห็นพวกเจ้านายอย่างคุณชายทั้งหลายมีแผลกันอีกครั้งก็รู้ได้โดยไม่ต้องพูดว่านายท่านสามลงมือทำร้ายคนอื่นอีกแล้ว

 

แม้แต่คุณหนูฟางซูเสวี่ยที่แต่งงานออกไปข้างนอกแล้วก็มีรอยแดงของฝ่ามืออยู่บนใบหน้า เห็นได้ว่าครั้งนี้นายท่านสามโมโหหนักมากจริงๆ

 

พวกคนรับใช้ที่หลบได้พากันหลบหมด คนที่หลบไม่ได้คอยรับใช่เหล่าเจ้านายด้วยความระมัดระวัง กลัวมากว่าจะต้องเหลือเพียงวิญญาณด้วยน้ำมือของเจ้านายอีก

 

ฟางซูเสวี่ยที่โกรธจัดเมื่อกลับมาถึงที่พักตัวเองไม่พูดพร่ำทำเพลง ตบสาวใช้ที่เดินเข้ามารับ 1 ฉาดแรงๆ “ไอพวกไม่มีประโยชน์ ไสหัวไปไกลๆข้าเลยนะ”

 

“เจ้าค่ะ” สาวใช้ถูกตบไปทีเสียใจจนน้ำตาไหลแต่ไม่กล้าไปไหนจริงๆ ยังตามหลังเจ้านายอยู่

 

ฟางซูเสวี่ยเดินไปที่ห้องนอนตัวเองพลางถาม “เจ้าสำนักกลับมารึยัง”

 

“ทูลฮูหยิน เมื่อคืนเจ้าสำนักกลับมาดึกมาก ตอนนี้น่าจะยังไม่ตื่น” สาวใช้บอกเสียงเบา

 

“เฮอะ…”

 

ฟางซูเสวี่ยสบถ 1 ที แววตาเป็นประกายเย็นยะเยือก นางหยุดฝีเท้าลงจ้องไปยังสาวใช้ที่หน้าตาดีใช้ได้และถามอย่างโหดเหี้ยม “มีพวกผู้หญิงสำส่อนเข้าไปในห้องเจ้าสำนักรึเปล่า”

 

“ไม่มี ฮูหยิน ไม่มีคนเข้าไป” สาวใช้ตื่นกลัวจนแทบจะคุกเข่า

 

“ไม่มีก็ดี ไม่อย่างนั้น….”

 

ฟางซูหยุนทิ้งท้ายด้วยสีหน้าอำมหิตแล้วก็เดินเข้าห้องนอนไปตามหาเจ้าสำนักโดยไม่สนใจสาวใช้ที่แทบจะเป็นลมพับไปอีก

 

เซียวซีหนิงที่กำลังนอนกอดผ่าห่มหลับสบายพอได้ยินเสียงผลักประตูและพลังลมปราณที่รู้สึกได้ก็รู้ทันทีว่าใครมา

 

เมื่อวานพัวพันอยู่กับแม่สาวเย้ายวนอ่อนหวานคนนั้นมาทั้งคืน เขากำลังอยากจะพักผ่อน ถ้าเป็นคนอื่นกล้าเข้ามาแบบไม่ดูตาม้าตาเรือเขาคงตบไปนานแล้ว

 

กับการมาของภรรยาหลวงฟางซูเสวี่ย เขาพลิกตัวด้วยความไม่พอใจ ไม่แม้แต่จะชายตามองนาง

 

ฟางซูเสวี่ยเห็นคนบนเตียงก็ก้าวเดินเบาลง เผยรอยยิ้มออดอ้อนเมื่อเดินไปข้างเตียง แต่นางลืมไปว่าบนใบหน้าของตัวเองยังมีรอยฝ่ามืออยู่ ทำให้ท่าทางของนางไม่ดูออดอ้อนแต่น่ากลัวซะมากกว่า

————————-