บทที่ 58 ความในใจของคุณชาย

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม เล่ม 1

บทที่ 58 ความในใจของคุณชาย โดย Ink Stone_Romance

เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้นับว่าเป็นหายนะโดยแท้ อวี๋เฟิงไม่ได้กล่าวโทษอวี๋หวั่น ในทางกลับกัน เขาโทษตัวเขาเอง หากเขาไม่ได้ไปซื้อชงโหยวปิ่ง เช่นนั้นเขาก็คงอยู่ด้วยในตอนที่อวี๋หวั่นถูกจับเข้าคุก

ดรุณีน้อยคนหนึ่ง ถูกเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งจับไปในสถานที่พรรค์นั้น จะน่ากลัวเพียงใด?

ทว่า เมื่ออวี๋เฟิงมองไปยังอวี๋หวั่น ก็พบว่าบนดวงหน้าของเด็กคนนี้มิได้รู้สึกหมดอาลัยตายอยากแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน…มีรอยยิ้มบางๆ ประทับอยู่

นี่ย่อมไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีสำหรับอวี๋หวั่น น้องสาวของเขาคงไม่ได้อยู่ในคุกนานจนสติเลอะเลือนหรอกกระมัง?

“อาหวั่น อาหวั่น!” อวี๋เฟิงร้องเรียกด้วยความตระหนก เรียกให้จิตใจที่ล่องลอยไปไกลของอวี๋หวั่นหวนกลับมา

รถม้าคลอนไปคลอนมา ตะเกียงน้ำมันแกว่งขึ้นๆ ลงๆ

อวี๋หวั่นหันหน้ามาอย่างอารมณ์ดี มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย กล่าวว่า “พี่ใหญ่ มีอะไรหรือ?”

“ประโยคนี้ข้าควรเป็นคนถามถึงจะถูก ตอนที่อยู่ในคุก เจ้าได้รับความไม่เป็นธรรมหรือไม่?” อวี๋เฟิงถาม

อวี๋หวั่นส่ายหน้า “ไม่มีนะ”

ไม่มีจริงๆ เนื่องจากคนของจวนคุณชายมาตรงเวลา พี่ชายของคุณหนูเหยียนยังไม่ทันได้ไต่สวน เธอก็ถูกปล่อยตัวออกจากคุกเสียแล้ว

แน่นอนว่าเธอเข้าใจดีว่าอวี๋เฟิงกังวลเรื่องอะไร เธอดูมีความสุข ไม่ยักคล้ายกับคนที่เพิ่งเข้าคุกมา

เธอนึกถึงเด็กน้อยแสนน่ารักทั้งสามคน ใครเห็นก็ต่างเอ็นดู

เดิมทีอวี๋เฟิงคิดจะถามต่อ แต่ทันใดนั้นเองเขาก็พลันนึกอีกเรื่องหนึ่งออก จึงเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “อาหวั่น ผ้าของพวกเราอยู่ไหนหรือ? คงไม่ได้ยังอยู่ที่จวนจิงจ้าวใช่ไหม? ชะ…เช่นนั้น ใช้โอกาสที่เรายังไม่ได้ออกจากเมืองหลวง ไปนำกลับมา! คนไม่เป็นไรแล้ว ผ้าก็ทิ้งเอาไว้ไม่ได้”

“ผ้า…” อวี๋หวั่นหลุบตา มือลูบรอยย่นที่ปลายแขนเสื้อ “น่าจะไม่ได้อยู่ที่จวนจิงจ้าวแล้ว”

“แล้วอยู่ที่ใด” อวี๋เฟิงถาม

“…จวนคุณชาย”

อวี๋หวั่นเดินขึ้นมาบนรถม้าก่อน จึงไม่เห็นว่าลุงวั่นทำอะไรหลังจากนั้น แต่ไม่เห็น ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะเดาไม่ออก จิงจ้าวอิ่นไม่กล้าแม้แต่จะหายใจต่อหน้าเยี่ยนจิ่วเฉา เธอถูกเยี่ยนจิ่วเฉาพาตัวไป จิงจ้าวอิ่นมีหรือจะกล้ายึดของของเธอไว้ แปดในสิบส่วนเป็นไปได้ว่าผ้าจะอยู่ที่จวนคุณชายเยี่ยนแล้ว

“เช่นนั้นเมื่อครู่ไยเจ้าไม่นำออกมาด้วยเล่า?” อวี๋เฟิงปวดหัว “เจ้าคงไม่ได้ลืมหรอกนะ”

แน่นอนว่าอวี๋หวั่นไม่ได้ลืม เดิมทีเธอก็คิดจะถาม แต่เมื่อกำลังจะเอ่ยปาก ในใจก็พลันเห็นเงาของเด็กน้อยทั้งสามขึ้นมา เธอจึงจำต้องกล้ำกลืนคำพูดเหล่านั้นลงคอไป

อวี๋หวั่นหัวเราะ “ไม่เป็นไร วันหลังข้าค่อยไปเอากลับมาก็ยังได้”

อวี๋เฟิงแสดงสีหน้าขุ่นเคืองเช่นเดียวกับอวี๋ซง “ต้องไปจวนคุณชายอีกแล้วหรือ…”

……

อีกด้านหนึ่ง เยี่ยนจิ่วเฉาและบ่าวของจวนคุณชายเยี่ยนก็พูดคุยถึงเรื่องผ้าเหล่านี้เช่นกัน

กลับมิใช่ลุงวั่นที่เอ่ยขึ้นมา

ลุงวั่นรู้มานานแล้วว่า เด็กจากชนบทที่พบคราก่อนคือน้องชายของแม่นางอวี๋ จะว่าไปก็เป็นโชคชะตา พวกเขามักพบกับแม่นางอวี๋หรือคนรอบตัวแม่นางอวี๋อยู่เป็นประจำ

เขาถูกยั่วยวนด้วยชงโหย่วปิ่งและลูกชิ้น จนลืมไปเสียสนิทว่าต้องคืนผ้าให้แม่นางอวี๋

ลุงวั่นกล่าวว่า “ผ้ายังอยู่ที่จวน พรุ่งนี้ข้าจะนำไปคืนให้นาง”

ที่ว่าการอำเภอมีบันทึก แม่นางอวี๋อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเหลียนฮวา ตำบลเหลียนฮวา หากเร่งสักหน่อย ก็น่าจะถึงภายในหนึ่งชั่วยาม

“เหตุใดอยู่ๆ คุณชายก็ถามเรื่องนี้ขึ้นเล่า”

เมื่อเทียบกับเรื่องที่ผ้าเป็นอย่างไรแล้ว ลุงวั่นประหลาดใจยิ่งกว่าเมื่อเยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยถามว่าผ้าเป็นอย่างไร แต่ไหนแต่ไรมาคุณชายไม่เคยถามถึงธุระต่างๆ มิใช่ว่าครั้งนี้ไปทำอะไรให้คุณชายไม่พอใจ คุณชายจึงเริ่มสงสัยการทำงานของเขาหรอกนะ?

ลุงวั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อย

“คุณชาย ข้า…”

เยี่ยนจิ่วเฉาตัดบทด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “นางรู้ว่าของอยู่ที่ข้าหรือไม่?”

ลุงวั่นตกใจ พร้อมเอ่ยขึ้นอย่างไม่ค่อยเข้าใจว่า “รู้กระมัง ตอนบ่ายนางก็อยู่ที่นี่ น่าจะเห็นของที่ถูกย้ายเข้าไปในห้องของคุณชาย”

แม้ลุงวั่นจะมิได้เดาถูกทั้งหมด แต่เดาถูกต้องแปดถึงในสิบส่วน ถึงแม้อวี๋หวั่นจะไม่เห็น แต่เธอก็เดาได้

เยี่ยนจิ่วเฉาแค่นเสียงอย่างเย็นชา “ในเมื่อนางรู้ แต่กลับไม่มาเอา แล้วกลับไปเช่นนั้นเลยรึ?”

ลุงวั่นรู้สึกได้ถึงนัยยะในคำพูดของเยี่ยนจิ่วเฉา

แต่มิได้เป็นดังคาด เยี่ยนจิ่วเฉาไม่รอให้ลุงวั่นตอบคำถามก็พูดต่อเสียเอง “ข้าให้นางมายังจวน นางก็มาแต่โดยดี ว่าง่ายถึงเพียงนั้น แม้แต่ท่านแม่ข้านางยังไม่ฟัง จากนั้นก็ตั้งใจทิ้งของเอาไว้ที่ห้องของข้า…”

เยี่ยนจิ่วเฉาหรี่ตา “เมื่อรู้ว่าพ่อครัวลาหยุด นางก็รีบทำอาหารให้ข้าทันที ข้ากินเพียงคนเดียว จำเป็นต้องทำมากมายถึงเพียงนั้นเลยหรือ?”

นางทำให้คนทั้งจวนกินเลยนะ!

ลุงวั่นรู้สึกรันทดใจ อาหารทั้งโต๊ะท่านก็กินคนเดียวหมด เพราะท่านคิดว่าอาหารเหล่านั้นเป็นอาหารเย็นของท่านแต่เพียงผู้เดียว…

เยี่ยนจิ่วเฉาเดินไปยังหน้าต่าง ทอดสายตามองดอกล่าเหมยบานสะพรั่ง แล้วกล่าวอย่างคลุมเครือว่า “ทั้งยังปฏิบัติต่อลูกของข้าประหนึ่งเป็นลูกของตน…”

คุณชายเยี่ยนอยากจะสื่ออะไรกัน?

เยี่ยนจิ่วเฉาหัวเราะอย่างเย็นชา “ท่านยังไม่เห็นสินะว่าในน้ำเต้าของนางนั้นขายยาอะไร”

“นะ…ในน้ำเต้ามียารึ?” ลุงวั่นงุนงง

คุณชายคงไม่ได้สงสัยว่าแม่นางอวี๋เล่นไม่ซื่อหรอกกระมัง?

แม้เขาจะไม่ได้สนิทสนมกับแม่นางอวี๋ แต่ก็รู้สึกว่านางไม่ได้ทำงานให้กับผู้ใด และไม่ใช่ผู้น้อยซึ่งฝักใฝ่ในอำนาจจนถึงกับทำเรื่องเลวร้ายให้กับคนใหญ่คนโต

ลุงวั่นอยากบอกว่าคุณชายเยี่ยนเข้าใจผิดแล้ว แต่ใครจะรู้ว่า เด็กน้อยที่นอนไม่หลับจะถือซาลาเปาเนื้อเดินมา และสุนัขจิ้งจอกหิมะน้อยซึ่งง่วงจนแทบทนไม่ไหว กลับถูกเด็กทั้งสามลากหางเดินเข้ามาในห้อง

ในตอนนั้นเอง เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวอย่างมิได้ยี่หระ “เห็นชัดๆ ว่านางมีใจให้ข้า นางจำต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อที่จะได้อยู่ข้างกายข้า!”

ลุงวั่นผู้ซึ่งรู้สึกอยากจะเป็นลม “…”

เด็กน้อยซึ่งมีสีหน้ามึนงง “…”

ลูกสุนัขจิ้งจอกหิมะซึ่งรู้สึกกลัวจนขนลุก “…”

……

ท่ามกลางราตรีอันยาวนาน

รถม้าเคลื่อนมาถึงหมู่บ้านเหลียนฮวาซึ่งมืดสนิท ตอนนี้ก็ดึกแล้ว คนในหมู่บ้านล้วนเข้าสู่นิทรา หมู่บ้านดูเงียบงันประหนึ่งอยู่ในปรโลก

อวี๋เฟิงกระโดดลงจากรถม้า แล้วยื่นมือไปหาอวี๋หวั่น เพื่อรับเธอลงมาจากรถม้า

อวี๋หวั่นยังไม่รีบกลับ เธอเปิดกระเป๋า หยิบเงินออกมาห้าร้อยเหรียญทองแดง แล้วส่งให้สารถี “ใกล้สิ้นปี ลำบากท่านแล้ว”

เดิมทีสารถีต้องไปคืนรถม้าในตำบลก่อนฟ้ามืด ทว่าบัดนี้เวลาได้ล่วงเลยมาแล้ว ทั้งยังทำให้สารถีอกสั่นขวัญแขวนมาตลอดทั้งวัน สารถีผู้นี้มิได้ปริปากบ่นแม้แต่คำเดียว อวี๋หวั่นจึงคิดว่าสมควรให้เงินเขาเพิ่มอีก

สารถีไม่ได้เสแสร้งแต่อย่างใด เขารับเงินด้วยความปีติยินดี

เมื่ออวี๋เฟิงเห็นเงินเหล่านั้น จึงกล่าวด้วยความปวดใจว่า “ทำไมต้องให้เงินมากถึงเพียงนั้น”

อวี๋หวั่นยิ้มจนดวงตาและคิ้วเป็นรูปโค้ง “กลับบ้านเถอะ พี่ใหญ่”

“เจ้านี่นะ!” อวี๋เฟิงถอนหายใจ

อวี๋เฟิงเดินมาส่งอวี๋หวั่นก่อน

สิ่งที่เขามิได้นึกถึงเลยก็คือ กลางดึกเช่นนี้จะมีคนยืนอยู่หน้าประตูบ้าน

คนผู้นั้นเป็นบุรุษซึ่งอ่อนวัยยิ่งนัก สวมชุดยาวสีขาว ร่างสูงโปร่ง ดวงตางดงาม ยืนอยู่ราวกับกำลังรอใคร ทุกท่วงท่าของเขาล้วนมีกลิ่นอายของความเป็นผู้รู้หนังสือกำจายออกมา

มิใช่ใครอื่น เขาคือคู่หมั้นของอวี๋หวั่นผู้ซึ่งยังมิได้เปิดเผยใบหน้า ‘จ้าวเหิง’

……………………………………