TQF:บทที่ 681  ผู้เป็นรักแรก (1)

 

หยูเฮงน้อยถามคำถามที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็อยากรู้ สายตาของนางทอดไปที่ท่านย่า

 

ฟางซูหยุนสบเข้ากับสายตาพวกนางและเผยยิ้มบางๆ “คงจะเป็นเพราะเสี่ยวเสี่ยวของพวกเราโดดเด่นเกินไป ชื่อเสียงโด่งดังไปถึงหูฮ่องเต้ จึงตั้งใจเรียกให้เข้าเฝ้า

 

“อิอิ ก็เป็นไปได้” หยูเฮงน้อยยิ้มแย้มและมองเฉิงเสี่ยวเสี่ยว “คุณหนู ข้าว่าหวงฝู่เส้าจวินไปบอกฮ่องเต้แน่เลยว่าชอบท่าน เขาเลยจะให้พวกท่านแต่งงานกัน สนุกล่ะทีนี้”

 

“สนุกบ้าอะไร” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยื่นมือไปเคาะหัวนาง “เจ้าอย่าเหลวไหล มันเป็นไปไม่ได้หรอก”

 

ในสายตาของนางหวงฝู่เส้าจวินเป็นคนทำอะไรมีหลักการ เขารู้สึกชอบนางก็จริงแต่ไม่มีทางผลีผลามไปขอฮ่องเต้แน่ ที่ฮ่องเต้เรียกเข้าเฝ้าครั้งนี้ต้องด้วยสาเหตุอื่นแน่

 

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยรึ”

 

ฟางซูหยุนไม่ทราบเรื่องนี้ นางมองหลานสาวที่สวยราวเทพยดาด้วยความรู้สึกรักใคร่และเป็นกังวล “ถ้ามีเรื่องแบบนี้เกรงว่าที่ฮ่องเต้เรียกเสี่ยวเสี่ยวเข้าพบเรื่องนี้อาจจะมีส่วนด้วยจริงๆ”

 

“ท่านย่าอย่าไปฟังที่หยูเฮงน้อยพูดเหลวไหล ข้ากับหวงฝู่เส้าจวินเคยพบกันแค่ 2-3 ครั้งเท่านั้น เรียกได้ว่ารู้จักแต่ยังไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น เขาจะให้ฮ่องเต้มีพระราชโองการให้แต่งงานได้อย่างไรกัน นี่มันเละเทะเกินไปแล้ว” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวส่ายหัว

 

“ก็จริง” ฟางซูหยุนหัวเราะ “เสี่ยวเสี่ยว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องระมัดระวังด้วย ข้าว่าฮ่องเต้น่าจะเพ่งเล็งเจ้าอยู่จริงๆ”

 

“เพ่งเล็งข้าแล้วยังไง ต่อให้เขาเป็นฮ่องเต้แล้วจะทำอะไรข้าได้” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ใช่คนขี้กลัว เรื่องที่นางไม่ชอบใครก็บังคับตัวเองไม่ได้

 

นางมีต้นทุนพอ

 

ฟางซูหยุนพยักหน้าเบาๆ “ข้าเข้าใจความหมายของเจ้าและเชื่อว่าเจ้าจะจัดการได้ดี”

 

“ฮูหยินฟาง จะถึงพระราชวังแล้วล่ะสิ” หยูเฮงน้อยชะโงกหัวออกไปมองก่อนจะหันกลับมาถาม

 

“น่าจะใกล้แล้วล่ะ”

 

ภายใต้การคุ้มกันของกลุ่มทหารราชวงศ์ รถลากสัตว์วิญญาณของพวกนางเข้าไปในวังอย่างราบรื่นโดยไม่มีใครขวาง

 

“ฮูหยินฟางซูหยุน คุณหนูเฉิง แม่นางหยูเฮง เชิญลงรถได้….”

 

เสียงแหลมๆของขันทีดังมาจากด้านนอก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นขันทีผู้ประกาศพระราชโองการนั่นเอง

 

ย่าหลาน 3 คนลงรถมา เฉิงเสี่ยวเสี่ยพินิจพิเคราะห์พระราชวังโบราณตรงหน้าซึ่งแตกต่างกับพระราชวังที่ต้วเองเคยเห็นเมื่อชาติก่อนอย่างมาก เพราะที่นี่โบราณ ใหญ่โต และอลังการมากกว่า ประดุจว่าจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดิน

 

โถงแต่ละโถงอร่ามตามาก อิฐสีทองสอดแสงเจิดจ้าไปทั่วเมื่อสะท้อนเข้ากับแสงแดด เปล่งประกายวิบวับที่ทำให้ทุกอย่างยิ่งดูหรูหราขึ้นไปอีก

 

คนที่ยืนอยู่ตรงนี้รู้สึกตัวเล็กลงไปทันที

 

“พระราชวังนี่ไม่เลวเลย” หยูเฮงน้อยชื่นชม

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้านิ่งๆ ไม่เลวจริงๆ

 

ขันทีวัยกลางคนที่ได้ยินคำพูดของหยูเฮงน้อยเพียงแค่ชำเลืองมองนางนิดหน่อยเท่านั้น ไม่ได้ตำหนิอะไร และยังพูดด้วยความนอบน้อม “ทั้ง 3 ท่านตามข้าน้อยมา”

 

“ผู้คุม เชิญ..” ฟางซูหยุนตอบด้วยมารยาทและตามเขาไป

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยตามไปโดยไม่ชำเลืองมองพระราชวังอีก

 

ถึงอย่างไรสำหรับทั้ง 2 แล้ว ไม่ว่าวังจะหรูหราเพียงใดหากพวกนางอยากได้ก็สร้างได้ทุกเมื่อ ไม่จำเป็นที่พวกนางต้องตื่นเต้น

 

กลุ่มทหารยวี่หลินผ่านพวกนางไปอย่างองอาจ สาวสวยทั้ง 3 เรียกสายตาตะลึงจากพวกเขาได้ หยูเฮงน้อยเล่นหูเล่นตาใส่พวกเขาส่งผลให้เหล่าทหารยวี่หลินที่เสียสมาธิเกือบจะเดินชนเสา ทำให้หยูเฮงน้อยหัวเราะไม่หยุด

 

เห็นท่าทางของนางแล้วเฉิงเสี่ยวเสี่ยวได้แต่ส่ายหน้าอย่างทำอะไรไม่ได้ อาจจะเพราะชอบนิสัยที่ไม่รู้จักโตของนาง ไม่ว่านางจะทำอะไรก็ตามใจตลอด

 

ราวๆครึ่งนาทีต่อมาขันทีก็พาพวกนางมาอยู่ตรงหน้าโถงในวังที่ชื่อว่าห้องหนังสือหลวง

 

เมื่อขันทีเข้าไปทูนแล้วฮ่องเต้จึงเรียกพวกนางเข้าพบในที่สุด

 

แต่ก่อนที่พวกนางจะเข้าไปข้างใน มีชายวัยกลางคนสวมชุดสีม่วงชิงเข้าไปในห้องหนังสือหลวงของฮ่องเต้ก่อนแล้ว

 

คนๆนี้ก็คือองค์ชาย 18 ของฮ่องเต้ หวงฝู่มั่วเฉิน ปรากฏเทพเทวาที่อายุน้อยที่สุดแห่งราชวงศ์ ไม่ใช่แค่ฮ่องเต้ที่รักเขา ทั้งประเทศหวงฝู่ต่างรักและเคารพเขากันทุกคน

 

เขาเป็นองค์ชายคนเดียวที่ไม่แก่งแย่งชิงอำนาจ องค์ชายคนเดียวที่ตั้งใจรับใช้ประชาชนจริงๆ

 

ขอแค่พวกประชาชนขอความช่วยเหลือจากหวงฝู่มั่วเฉิน เขาพร้อมช่วยทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ อีกฝ่ายจะอยู่ในฐานะอะไร เขาก็ช่วยผดุงยุติธรรมให้หมด

 

ประชาชนทุกคนรักเขา แต่หลายปีมานี้เขาแทบไม่ปรากฏตัวสู่สายตาสาธารณชนเลย

 

หน้าตาของฮ่องเต้และองค์ชาย 18 เหมือนอย่างกับแกะ พ่อลูกคู่นี้เหมือนกันจนน่าตกใจจริงๆ แต่ความรู้สึกของทั้ง 2 แตกต่างกันออกไป คนหนึ่งเป็นฮ่องเต้ที่น่าเกรงขาม คนหนึ่งเป็นองค์ชายผู้อ่อนโยน แต่กลับพูดคุยกันเหมือนเพื่อนภายในห้องหนังสือหลวง

 

“เฉินเอ๋อ เจ้าเก็บตัวฝึกฝนมาหลายปีแล้ว ไหนๆครั้งนี้ออกมาก็พักผ่อนซะหน่อย ไม่ต้องรีบไปฝึกฝนต่อหรอก เจ้ายังหนุ่มอยู่” ฮ่องเต้มองลูกชายคนเล็กตรงหน้าด้วยความเมตตา

 

หวงฝู่มั่วเฉินหัวเราะ ไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด “ลูกจะเชื่อฟังเสด็จพ่อ”

 

“เจ้านี่นะ จริงสิ เดี๋ยวข้าจะให้เจ้าพบคนๆนึง” จู่ๆฮ่องเต้ก็ส่งยิ้มปริศนา

 

“พบคนๆนึง?” หวงฝู่มั่วเฉินชะงักไป เขาไม่ค่อยได้เจอคนนอก ส่วนใหญ่ก็เจอแต่กับญาติๆเท่านั้น ไม่นานนักเขาก็กลับมามีท่าทีเรียบเฉย “ขอรับเสด็จพ่อ”

 

“เฉินเอ๋อ สนใจออกไปเดินเล่นมั้ย” ฮ่องเต้เห็นท่าทางไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดของลูกชายแล้วได้แต่ลอบถอนหายใจ

 

“ไม่ล่ะ” ริมฝีปากบางของหวงฝู่มั่วเฉินเอ่ยปฏิเสธอย่างเรียบง่าย

 

ฮ่องเต้ส่ายหัวอย่างทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เสนอความคิดตัวเอง “พ่ออายุมากแล้ว ไม่ค่อยอยากสนใจเรื่องในโลกนี้เท่าไหร่แล้ว เฉินเอ๋อ เจ้ามาดูแลแทนพ่อสักหลายสิบปีดีมั้ย”

 

“ไม่ล่ะเสด็จพ่อ พวกหลานๆก็เก่งกาจกันหลายคน ท่านเลือกสักคนนึงก็ได้” หวงฝู่มั่วเฉินปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด

 

เขาไม่ชอบเรื่องพวกนี้ซะยิ่งกว่าเสด็จพ่อของเขา คิดอย่างเดียวว่าจะฝึกฝนอย่างเดียว เรื่องอื่นเขาไม่สนใจจะเข้าไปยุ่ง

 

ตำแหน่งฮ่องเต้เป็นบัลลังก์ที่อยู่เหนือที่สุดในสายตาผู้อื่น แต่หวงฝู่มั่วเฉินกลับเห็นมันเป็นแค่ของดาดๆ ไม่เก็บมาใส่ใจเลยแม้แต่น้อย

——————————–