TQF:บทที่ 682  ผู้เป็นรักแรก (2)

 

“เจ้า เจ้านี่นะ”

 

“ขออภัยเสด็จพ่อ ลูกไม่อยากเป็นฮ่องเต้จริงๆ”

 

โชคดีที่ในห้องหนังสือหลวงมีพวกเขาแค่ 2 คนเท่านั้น ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ยกบัลลังก์ฮ่องเต้ให้ง่ายๆแบบนี้ล้อเล่นรึเปล่า

 

แน่นอนว่าหากเหล่าองค์ชายและพระโอรสที่จ้องบัลลังก์นี้อยู่รู้ต้องคลั่งแน่ อย่างไรซะพวกเขาก็คงนึกไม่ถึงเลยว่าคนที่ฮ่องเต้หมายตาไว้จะเป็นองค์ชาย 18 องค์ชายที่ไม่มีอะไรเลยอยู่เพียงลำพังได้สืบทอดบัลลังก์ นี่ต้องเป็นเรื่องล้อเล่นแน่ๆ

 

ฮ่องเต้ไม่ได้โกรธกับการปฏิเสธจากลูกชาย เขาพยักหน้าเบาๆราวกับอยู่ในความคาดหมายอยู่แล้ว

 

ในขณะนั้น ฮ่องเต้รับรู้ได้ว่าคนที่ตัวเองเรียกเข้าพบมาถึงหน้าห้องหนังสือหลวงแล้ว เขาอดชำเลืองมองลูกชายไม่ได้ มีแววยิ้มแว้บผ่านไปในนัยน์ตา

 

“ฝ่าบาท….”

 

มีเสียงส่งมาตามหลังเสียงฝีเท้า ขันทีชราค่อยๆโน้มตัวลงทูนกับคนบนบัลลังก์ “ทูนฝ่าบาท คุณหนูตระกูลฟางพาหลานสาวและสาวใช้มาเข้าเฝ้าแล้วพะย่ะค่ะ”

 

คุณหนูตระกูลฟาง!

 

“เปรี้ยง…” มีเสียงฟ้าผ่าอยู่ในหัวของหวงฝู่มั่วเฉิน เขาตัวแข็งไป มีประโยคนี้ดังอยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมา ไม่ได้ยินชื่อเรียกขานคุณหนูตระกูลฟางมากี่ปีแล้วนะ

 

ส่วนประโยคอื่นของขันทีชราเขาไม่ได้ยินเลยแม้แต่น้อย ในหัวเขาค่อยๆปรากฏภาพของหญิงสาวผู้เลอโฉมและอ่อนโยนผู้หนึ่ง ผู้เป็นยอดรักของเขา แต่ช่วยไม่ได้ที่เขาหาทั่วผืนดินฉางไห่แล้วก็ยังไม่พบนาง

 

นางหายตัวไป

 

เขาเจ็บปวดรวดร้าวจนแทบบ้า ออกไปตามหานางหลายต่อหลายครั้งโดยไม่สนการห้ามของฮ่องเต้ ได้เผชิญกับภยันตรายมาอย่างนับไม่ถ้วน มีอยู่หลายครั้งที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่ไม่ว่าเขาจะหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอร่องรอยของยอดรักตัวเองอยู่ดี

 

ผ่านไปปีแล้วปีเล่าเขาก็ไม่ยอมแพ้ เขารู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่เขาหาไม่เจอ

 

10 ปีให้หลัง เขาเก็บความรักลึกซึ้งนี้ไว้ในใจแล้วยอมรับสิ่งที่เสด็จพ่อจัดให้ เขาแต่งงานกับลูกสาวขุนนางคนหนึ่ง แต่ใจเขาไม่ได้อยู่กับนาง ทั้ง 2 คนแค่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเท่านั้น หลายปีต่อมามเหสีสิ้นชีพลงด้วยความซึมเศร้า และเขาก็ไม่คิดจะแต่งงานอีก

 

หลังจากนั้นเขาก็เก็บตัวฝึกฝนมาตลอด ออกมาข้างนอกเป็นครั้งคราวก็จะออกไปตามที่ต่างๆ หวังว่าจะได้พบคนที่คุ้นเคย

 

ออกไปด้วยความหวังทุกครั้ง และกลับมาด้วยความผิดหวังทุกครั้ง

 

ตอนนี้เขาไม่คิดจะออกไปไหนแล้ว เขารู้ว่าเสียนางไปแล้วจริงๆ

 

แต่ตอนนี้เขากลับได้ยินการเรียกขานที่เป็นของนาง นางกลับมาแล้วรึ หรือว่ามีผู้หญิงคนอื่นที่มีการเรียกขานแบบเดียวกับนาง

 

เขาจ้องเขม็งไปที่ประตู เมื่อร่างอันคุ้นเคยปรากฏสู่สายตา เขาก็นิ่งอึ้งไป ในหัวว่างเปล่าอย่างกับถูกสายฟ้าฟาดเข้าให้ ลืมหายใจ ลืมแม้กระทั่งตอนนี้อยู่ที่ไหน

 

ในสายตาเขาไม่มีคนอื่นอีกต่อไป เขามองคนที่เดินมาทีละก้าวเหมือนกับอยู่ในความฝันที่เขาไม่อยากตื่น เขาไม่กล้าแม้แต่จะกระพริบตา กลัวว่านาทีต่อมาคนที่ตัวเองเฝ้าคะนึงหาจะหายไป

 

เมื่อย่าหลานฟางซูหยุนก้าวเข้ามาในห้องหนังสือหลวง เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็สัมผัสถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปในห้องหนังสือหลวงได้ทันที

 

ยังไม่ทันจะได้เหลียวมองคนอื่นนางก็พบว่าท่านย่าที่เพิ่งเดินได้ไม่กี่ก้าวก็ชะงักไป ก่อนจะตัวสั่นอย่างรุนแรงเหมือนกับเห็นอะไรบางอย่าง

 

เกิดอะไรขึ้น?

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่งงงวยมองตามสายตานางไปก็ได้เห็นชายรูปหล่อวัยกลางคนกำลังมองท่านย่าตัวเองด้วยท่าทีอึ้งๆ

 

เมื่อหันกลับมาอีกทีท่านย่าตัวเองก็น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาอย่างเสียอาการ

 

นี่มันเรื่องอะไรกัน

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยมองหน้ากัน เกิดความคาดเดาขึ้นมากมายในใจ สุดท้ายนางก็ทอดสายตาไปยังตาแก่ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร ฮ่องเต้ เขาเองก็ดูจะตกอยู่ในภวังค์เหมือนกัน

 

เมื่อเขาเห็นเฉิงเสี่ยวเสี่ยวนัยน์ตาก็เปล่งประกายเจิดจ้าสบเข้ากับตาของนาง ทั้ง 2 จ้องกันและกันอยู่อย่างนั้น

 

สมกับเป็นฮ่องเต้ ตาแก่นี่ไม่ธรรมดา

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองวิทยายุทธเขาออกทันทีว่าอยู่ระดับจุดสูงสุดของปรากฏเทพเทวาแล้ว คนที่เป็นฮ่องเต้มีเรื่องให้ต้องเหนื่อยตั้งมากมาย แต่วิทยายุทธยังสูงขนาดนี้ ต้องบอกเลยฮ่องเต้นี่มีพรสวรรค์ไม่ธรรมดาจริงๆ

 

ส่วนในใจฮ่องเต้ก็ทึ่งอยู่ไม่น้อย ด้วยวิชามังกรฟ้าของเขาทำให้รู้ว่าหญิงสาวอายุเพียง 20 กว่าปีตรงหน้านี้เป็นถึงปรากฏเทพเทวาเลยทีเดียว และยังใกล้จะบรรลุตอนกลางแล้วด้วย ความเร็วแบบนี้น่าตกใจจริงๆ

 

ตระกูลเฉิงอยู่ที่ไหน ทำไมถึงอบรมสั่งสอนคนรุ่นหลังที่ดีขนาดนี้ออกมาได้

 

มีคำถามมากมายเกิดขึ้นในใจฮ่องเต้ ยิ่งอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตระกูลของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวขึ้นไปอีก

 

“ซู ซูหยุน ชะ ใช่เจ้ารึเปล่า…”

 

เสียงสั่นเทาที่แฝงไว้ด้วยความกลัวดังขึ้นทำลายความเงียบงันในห้องหนังสือหลวง หลังจากนั้นความสนใจของทุกคนก็ไปอยู่ที่ทั้ง 2 คนอีกครั้ง

 

ขันทีชราที่ยืนอยู่ข้างๆถอนหายใจเบาๆ เขารู้ถึงความรักขององค์ชาย 18 ดี ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้พบกันแล้ว คงยากจะให้แยกจากกันอีก

 

ฮ่องเต้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ก็มีสีหน้าเจ็บปวดใจ เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมลูกชายคนนี้ของตัวเองถึงรักแต่ฟางซูหยุน ราวกับว่าต่อให้สาวงามทั่วปฐพีมาอยู่ตรงหน้าก็ยังสวยไม่เท่าเพียงรูปวาดของฟางซูหยุน

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าชายชุดม่วงวัยกลางคนนี้หน้าเหมือนฮ่องเต้มาก ดูจากอายุกระดูกแล้วเขาน่าจะอายุ 50 กว่าแล้ว รุ่นราวคราวเดียวกับท่านย่าตัวเอง

 

ถ้างั้น 2 คนนั้นเป็น….

 

ในขณะที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวกำลังคาดเดาด้วยสายตาเป็นประกาย ก็เห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาหาฟางซูหยุนด้วยความฉับไว และพูดอย่างตื่นเต้น “ซูหยุน เป็นเจ้าจริงๆ เจ้ากลับมาแล้ว…”

 

“มั่วเฉิน เจ้า…”

 

ฟางซูหยุนเช็ดน้ำตาเบาๆด้วยความอาย นางนึกไม่ถึงว่าจะเจอคนเคยรักที่นี่ และหลานสาวตัวเองก็อยู่ข้างๆ

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเข้าใจความคิดของท่านย่าทันที นางส่งสายตาให้หยูเฮงน้อย หยูเฮงน้อยพยักหน้าและยิ้มให้กับคน 2 คนที่ไม่กล้ามองหน้ากัน นางทำมือเป็นปมและส่งไปบนตัวของทั้งคู่ท่ามกลางสายตาของทุกคน

 

นาทีต่อมาฟางซูหยุนและหวงฝู่มั่วเฉินก็หายตัวไป

 

ฮ่องเต้และขันทีชรามีท่าทีตกตะลึง โดยเฉพาะขันทีชรา นัยน์ตามัวหมองที่แทบจะมองไม่เห็นแล้วของเขาเป็นประกายเจิดจ้าพลางเอ่ย “ยัยหนู เจ้านี่ไม่ธรรมดาเลยนะ”

 

“อิอิ….”

 

หยูเฮงน้อยหัวเราะออกมาอย่างดีใจกับคำชื่นชม พลางเหลือบมองเขาอย่างพิจารณา “ผู้เฒ่า เจ้าเองก็ไม่ธรรมดานะ วิทยายุทธระดับเทพเซียน เจ๋งนี่”

————————–