บัญชามังกรเดือด บทที่ 902 พระชายางู
ฉินเทียนมีสีหน้าตะลึงอ้าปากค้าง
เขาคิดไม่ถึงว่ากลเล็กๆของตนจะถูกผู้หญิงคนนี้อ่านออก? เมื่อกี้พวกเขาไม่ได้กำลังถกกันเรื่องวิชาที่สืบทอดลี้ลับและเครื่องมือศักดิ์สิทธิ์เหรอ?
ทำไมถึงลากมาถึงเรื่องท้องได้?
เมื่อมองใบหน้าเฉินหยวนที่อยู่ใกล้ๆตรงหน้า เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรชั่งขณะ
รู้สึกได้ถึงลมหายใจที่ร้อนแรงของเฉินหยวน เขากลืนน้ำลายแล้วรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
ตอนนี้ไม่มีข้ออ้างอื่นแล้ว คงจะไม่ต้องทำอย่างนั้นกับผู้หญิงคนนี้ภายใต้การถูกบังคับจริงๆใช่ไหม…
จากใจเขาแล้ว เขาปฏิเสธ!
เฉินหยวนมองฉินเทียน ผ่านไปพักหนึ่งถึงจะส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมา
เธอรีบหมุนตัวอย่างรวดเร็ว พูดอย่างเรียบๆว่า “มองออกว่าคุณเป็นผู้ชายที่ดี”
“คุณฉินแต่งงานแล้วสินะคะ ภรรยาสวยมากใช่ไหม?”
ฉินเทียนพูดไม่ออกอีกครั้ง ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนไวมาก และดูเหมือนว่าตัวเขาจะทำร้ายจิตใจเธอแล้ว?
เขาสัมผัสได้ว่าเฉินหยวนไม่ได้กำลังแสดง และอารมณ์ของเธอกำลังเศร้าหมอง เธอนั่งก้มหน้าข้างเตียงราวกับสัตว์ประหลาดน้อยที่กำลังเลียแผลเงียบๆ
เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “ถ้าเรื่องนี้ผ่านไปแล้วก็ไปจากเกาชาวเถอะ”
“เธอยังสาว”
“วางใจได้ พอถึงตอนนั้นฉันรับรองว่าเขาจะไม่รั้งเธอ”
เฉินหยวนหันหน้ามายิ้ม ไม่ได้พูดอะไร
ในวันต่อๆมาทั้งสองคนมาหาสู่กันอย่างยอดเยี่ยม ทั้งๆที่เป็นหนุ่มโสดสาวโสดได้มาอยู่ห้องเดียวกัน กลับอึ้งราวกับเป็นพี่น้องกัน
ทั้งสองคนแยกกันนอนอย่างเป็นที่รู้ๆกันทั้งสองฝ่าย ไม่ไปสัมผัสหัวข้อสนทนาที่อ่อนไหว
ฉินเทียนค่อยๆรู้สึกวุ่นวายใจขึ้นมา เขาไม่รู้ว่าเกาชาวจะสืบเรื่องของเขาไปอีกนานแค่ไหน
เขาไม่ได้มีเวลามากพอที่จะมาเสียเวลาที่นี่
เวลาผ่านไปแบบนี้เต็มๆ 3 วัน เมื่อถึงกลางคืนวันที่ 4 จู่ๆประตูห้องก็ถูกเคาะอย่างรีบร้อน
ฉินเทียนและเฉินหยวนตื่นขึ้นมาจากความฝัน
“คุณฉิน ตื่น”
“ได้เวลาออกเดินทางทำงานแล้ว”
ที่หน้าประตูมีเสียงต่ำดังออกมา
ฉินเทียนมองออกไป ในที่สุดก็จะเริ่มขึ้นแล้ว เขาจงใจพูดเสียงหนักแน่นว่า “ทำไมถึงมาเรียกกลางดึกล่ะ?”
“รอแป๊บ ฉันใส่เสื้อผ้า!”
ความจริงเขากับเฉินหยวนนอนด้วยกันต่างไม่ได้ถอดเสื้อผ้า เพื่อที่ป้องกันไม่ให้คนนอกสงสัย ทั้งคู่ชักช้ากันอยู่พักหนึ่งก่อนจะไปเปิดประตู
“คุณฉินหลายวันนี้เท้าไม่ก้าวออกห้องเลย เล่นสนุกไหม?”
ที่หน้าประตู ผู้ชายร่างท้วมพูดพลางมองเฉินหยวนข้างๆ แล้วเผยรอยยิ้มที่แสนเลี่ยน
ความหมายในนั้นไม่พูดก็รู้
ต้องบอกว่าเฉินหยวนเป็นผู้หญิงที่เกาชาวโปรดปราน ใบหน้าและหุ่นทำให้พวกเขาอยากจะขย้ำ แอบน้ำลายไหลมาตั้งนานแล้ว
เมื่อคิดว่าเกาชาวกลับยกเฉินหยวนให้ฉินเทียน ทั้งสองก็อยู่ในห้องเดียวกันมาเต็มๆ 3 วัน ทัศนียภาพแบบนี้ผู้ชายล้วนรู้สึกอิจฉา
ฉินเทียนพูดเสียงหนักแน่น “พวกของฉันล่ะ?”
“พี่เทียน พวกเราอยู่นี่!”
ห่างไปไกลไป๋หลิง ฉวนซานและจินถังรีบเดินเข้ามาภายใต้สายตาควบคุมของผู้ชายสองสามคน
เมื่อเห็นว่าพวกเขายังสบายดี ฉินเทียนก็สบายใจขึ้นเยอะ
สำหรับการแอบขุดหลุมศพ หาชีพจรจี้จุดอะไรนั่น เขายังนับว่าเป็นคนนอก ถึงตอนนั้นยังต้องพึ่งไป๋หลิงกับฉวนซาน
พวกเขาเป็นคนในวงการนี้ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำไมฉินเทียนถึงได้แสดงความมั่นใจต่อหน้าเกาชาว
“คุณชายเกาล่ะ?”
“ตามฉันมา”
ฉินเทียนและพวกเข้ามาในห้องที่เคยมาก่อนหน้านี้อีกครั้งภายใต้การนำทางของบอดี้การ์ด
เกาชาวเห็นฉินเทียนก็เลิกคิ้ว “คุณฉิน ผู้หญิงคนนี้คุณพอใจไหม?”
ฉินเทียนพยักหน้า “คุณชายเกาสอนได้ดีเลยครับ”
เกาชาวหัวเราะ หยิบธนบัตรสีแดงออกมาสองสามปึกจากลิ้นชักโยนให้เฉินหยวน
“นี่คือรางวัลเธอ”
“ฉันเคยบอกแล้วว่าจะส่งเธอให้คุณฉิน กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ไว้รอฉันกับคุณฉินได้รับชัยชนะกลับมา เธอค่อยไปกับเขา”
“เชื่อว่าคนอย่างคุณฉิน จะไม่เอาเปรียบเธอ”
“ขอบคุณมากค่ะคุณชายเกา!” เฉินหยวนพูดพลางเหลือบมองฉินเทียนอย่างกังวลใจ พูดเสียงเบาว่า “คุณฉิน ฉันจะรอนะคะ”
เธอกัดฟันก้มหน้าแล้วรีบกลับไป
ฉินเทียนเลิกคิ้วมองเกาชาว “พูดอย่างงี้ คุณชายเกาจะเริ่มจริงๆแล้วใช่ไหม?”
“ตอนนี้สามารถบอกผมได้รึยังว่าสถานการณ์เป็นยังไงกันแน่?”
“สุสานอยู่ไหน มีข้อมูลรึเปล่า”
เกาชาวพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ตามฉันมา!”
“เราไปสถานที่จริง!”
จากหลายวันที่ไปสืบมาเขาเชื่อในฐานะของฉินเทียนแล้ว ตอนนี้ไม่สงสัยอีก จึงแทบที่จะรอไม่ไหวที่จะไปขุดหาสมบัติในสุสาน
ลงตึกไป ที่ลานจอดรถก็เจอรถออฟโรดจำนวนสิบกว่าคันกำลังรออยู่
คิดไม่ถึงว่าเกาชาวคนนี้จะพาบอดี้การ์ดไปด้วย 50 คน ขอร้องล่ะนี่เรากำลังจะไปขุดสุสาน ไม่ได้ไปปิกนิกนะ
สำหรับการทำชั่วโดยไม่เห็นหัวกฎหมายท้องที่ของเขา ทำให้ฉินเทียนต้องมองใหม่
ขบานรถขับมุ่งออกไปนอกเมืองในยามค่ำคืน
บนรถเกาชาวถึงจะพูดบรรยายข้อมูลที่เขาได้มาให้ฉินเทียนฟังอย่างตื่นเต้น
จนถึงตอนนี้ฉินเทียนยังไม่รู้ว่าสุสานฮุนโหวค้นพบของมีค่าอะไรที่คนไม่รู้กันแน่ และไม่รู้ว่าเกาชาวเข้าร่วมไปเท่าไร
แต่มองออกว่าสุสานฮุนโหวสร้างแรงกระตุ้นให้เกาชาวอย่างมาก
หลายวันมานี้เขากำลังคิดว่าจะทำอะไร จนกระทั่งก่อนหน้านี้เขาได้ยินพงศาวดารวรรคหนึ่งจากศิลปินพื้นบ้าน
นั่นก็คือฮุนโหวในตอนนั้น มีพระสนมเอกที่เขารักมากๆคนหนึ่งผู้ซึ่งถูกส่งตัวมาจากต่างแดน ชื่อว่าพระชายางู
เพราะปัญหาด้านฐานะ พระชายางูจึงไม่สามารถมีชื่อและได้รับความรักดังเช่นผู้หญิงปกติคนอื่น
แต่ว่ากันว่าผู้หญิงคนนี้มีพรสวรรค์ โดยเฉพาะเรื่องเอาใจผู้ชาย ฮุนโหวหลงใหลเธอจนโงหัวไม่ขึ้น หัวปักหัวปำ
แน่นอนว่าพฤติกรรมนี้สร้างความไม่พอใจให้กับคนจำนวนมาก สุดท้ายพระชายางูคนนั้นก็ถูกวางยาพิษจนตาย
ฮุนโหวเสียใจมากจึงสั่งให้จัดการฝังศพพระชายางูอย่างยิ่งใหญ่
ตามพงศาวดารที่ศิลปินคนนั้นเล่า สุสานพระชายางูห่างจากสุสานฮุนโหวไม่ไกล
เจ้าปลาหมึกยักษ์พูดอย่างตื่นเต้นว่า “ต่างแดนมีเวทมนตร์ตั้งแต่สมัยโบราณ พระชายางูนั่นสามารถทำให้ฮุนโหวหลงใหลหัวปักหัวปำ ไม่แน่ว่าอาจจะใช้เวทมนตร์อะไรสักอย่าง”
“ขุดสุสานของเธอ ไม่แน่ว่าเราอาจจะเจอเวทมนตร์อะไรก็ได้!”
“หลังจากที่คุณชายฝึกสำเร็จแล้วก็จะไร้เทียมทาน”
“5555!” เกาชาวหัวเราะเสียงดังอย่างภูมิใจ
ของโบราณธรรมดาบางอย่างสามารถใช้เงินมาชั่งได้ ซึ่งเขาไม่สนใจเลยสักนิด
เพราะเขาไม่ขาดเงิน
สิ่งที่เขาสนใจจริงๆคือเวทมนตร์
“คุณฉิน ที่ตั้งโดยประมาณของสุสานพระชายางู ฉันมั่นใจ แต่พูดตามตรงฉันส่งคนไปหลายร้อยคนไปหากว่าครึ่งปีก็ไม่เจออะไร”
“จะเจอหลุมฝังศพไหมต้องดูคุณและคนของคุณแล้ว”
ฉินเทียนพยักหน้า “วางใจได้”
“เรื่องนี้พวกเราถนัด ผมไม่สนใจเรื่องเวทมนตร์ต่างแดน ถึงตอนนั้นต้องแบ่งของโบราณให้บางส่วนก็พอ”
“คำไหนคำนั้น!” เกาชาวตบหน้าอกรับรอง
ขบวนรถออฟโรดแล่นไปในความมืดยามค่ำคืน ถนนค่อยๆเปลี่ยนเป็นทางลูกรัง นอกหน้าต่างดำมืดจนมองไม่เห็นป่าทึบ
ภูมิประเทศสูงขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาเข้าเขตภูเขาแล้ว