ตอนที่ 536 ต้องไปจริงหรือ
“ข้อมูลชี้ว่าอยู่ในบริเวณนี้ และในบริเวณนี้ที่มีสิ่งมีชีวิตระดับสูงก็มีแต่ดาวโลกแห่งนี้ครับ” เจ้าหน้าที่ตอบอย่างไม่ชักช้า
ชายคนนี้ยิ้ม แล้วเลื่อนปลายนิ้ว บนจอภาพปรากฏดวงดาวสีน้ำเงิน เป็นสีน้ำเงินเข้ม ดูสบายตา
“โลกหรือ งั้นข้าจะไปดูหน่อย” ดูว่าที่นั่นมีอะไรน่าสนุก ทำไมป้าตัวเองถึงยินดีอาศัยอยู่ที่สถานที่โบราณแบบนั้น อีกอย่าง ที่นั่นมีคนคนนั้นใช่ไหม
เจ้าหน้าที่ตกใจ “นายน้อย เกรงว่าจะไม่ได้ครับ ถ้าไม่มีการอนุญาตจากท่านประมุข ท่านไปไม่ได้ การทะลุมิติเป็นเรื่องอันตราย” ไม่มีใครรู้ว่าในกระบวนการนั้นจะเกิดอะไรขึ้น
ถึงเทคโนโลยีของพวกเขาจะแข็งแกร่งยิ่งใหญ่มาก แต่อย่างไรโลกก็อยู่ห่างจากพวกเขาไกลแสนไกล หลายปีมานี้มีเพียงร้านค้าปัญญาประดิษฐ์ที่เคยไป คนบนดาวดวงนี้ไม่เคยไปถึงที่นั่น
“ข้าอยากไป ยังไม่เคยมีใครขวางได้!” แววตาชายคนนี้หมองลง สายตาที่แหลมคมทำให้เจ้าหน้าที่คนนี้ไม่กล้าพูดอะไรอีก
ถึงตอนนี้เจ้าหน้าที่อีกคนที่กำลังวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเงียบๆ ก็หันมา “นายน้อย ผมพบปัญาหนึ่ง”
ภาพเปลี่ยนเป็นคนผู้นี้พูดคุยกับชายคนนี้
เขาเลียริมฝีปากแล้วพูด “คืออย่างนี้ครับ เมื่อกี้ผมวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนหนึ่ง ร้านค้าปัญญาประดิษฐ์ระดับสูงของดาวเราหมายเลข 748 อบู่บนดาวโลกครับ”
“เจ้านั่นหรือ?” ร้านค้าปัญญาประดิษฐ์ระดับสูงของดาวพวกเขามีพวกนอกลู่แบบนี้ เขากลับไม่ได้จับมาทำลาย แต่ปล่อยมันไป แม้ว่าจะไม่ได้กำหนดเจ้าของร้านให้ แต่มันทำอะไรยังเคารพข้อกำหนด พวกเขาจึงปล่อยมันไป
เพราะอย่างไรพวกเขาสามารถซื้อของต่างๆ ที่ดาวพวกเขาไม่มีจากมัน ว่าไปแล้วร้านค้าตลาดมืดก็มีประโยชน์ไม่น้อย
“แต่นานแล้วที่ไม่ได้ข่าวจากมันในระหว่างดวงดาวแล้ว” มิน่าระยะนี้เขาจึงไม่ได้ของแปลกๆ จากมัน ที่แท้มันไปถึงโลกแล้ว
เจ้าหน้าที่ใช้สองมือแตะจอภาพตรงหน้า มีข้อมูลมากมายปรากฏขึ้น รวมทั้งลักษณะภายนอกของโลก “เดิมตำแหน่งที่ 748 ส่งออกมาไม่ใช่ที่นี่ ไม่รู้ทำไมมันจึงไปถึงดาวโลก”
พวกเขาย่อมไม่รู้ พลังที่ยิ่งใหญ่นั้นทำให้มิติบิดเบี้ยวทะลุกาลอวกาศ ซึ่งต่างจากการกระโดดข้ามมิติของพวกเขา พวกเขาข้ามระยะทาง แต่พวกเขาไม่กล้าข้ามกาลอวกาศ
แน่นอนว่าร้านค้าปัญญาประดิษฐ์กล้าทำ แต่ถ้าพาคนมาด้วยย่อมต่างออกไป กาลอวกาศที่ต่างออกไป อาจทำให้อายุขัยสั้นลง แต่เครื่องจักรไม่มีอายุขัย ไม่จำเป็นต้องกลัว
“แบบนั้นก็ยิ่งสนุก ฮ่าฮ่า…” ชายคนนี้หัวเราะแล้ว ดวงตาฉายความสนใจมากขึ้น
เจ้าหน้าที่ทั้งสองมองหน้ากัน แย่แล้ว พวกเขาไม่สามารถเกลี้ยกล่อมนายน้อยได้ กลับทำให้เขาสนใจดาวที่ล้าหลังดวงนั้นมากขึ้น จะทำอย่างไรดี
ขณะที่พวกเขากำลังครุ่นคิด ใบหน้าชายคนนั้นหายไปจากจอแล้ว ลบไปแล้ว พวกเขาจึงทำงานต่อ
นายน้อยจะทำอะไร ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาตัดสินใจได้ ทำงานของตนเองสำคัญกว่า
“นายน้อย ท่านตัดสินใจจะไปดวงดวงนั้นหรือ?” ลูกบอลเงินสีขาวนวลลอยอยู่ข้างๆ ตัวเขา แต่เสียงพูดอ่อนหวานมาก ฟังแล้วราวกับหญิงที่ดูแลบ้าน
มันคือร้านค้าปัญญาประดิษฐ์ของชายคนนี้ มีประสิทธิภาพสูงกว่าเจ้าลูกบอลเงินกว่าเท่าตัว
ตอนที่ 537 อยู่ฉลองตรุษจีนที่นี่
มันชื่อลูกบอลขาว ถูกกำหนดเป็นเพศหญิง เอาใจใส่เก่ง ถือเป็นผู้ดูแลบ้านและเลขาของชายคนนี้
มีรอยยิ้มจางๆ ที่มุมปากชายคนนี้ “แน่นอนว่าต้องไป อยู่ที่ดาวดวงนี้มาหลายปีแล้ว ถ้าไม่ออกไปดูๆ บ้าง ก็คงเป็นการทำผิดต่อตัวเอง”
โลกภายนอกเป็นอย่างไรบ้าง ที่ผ่านมาล้วนใช้เทคโนโลยีขั้นสูงไปสำรวจ
พวกเขาไม่รู้รายละเอียดว่าเป็นอย่างไร ที่มองเห็นก็เป็นการบันทึกภาพแล้วส่งมา แบบนี้ไม่มีความหมายนัก
“แต่ท่านประมุขคงไม่เห็นด้วยแน่ๆ ค่ะ” ลูกบอลขาวลอยอยู่ข้างหลังเขา น้ำเสียงไม่เห็นด้วย เธอไม่ใช่ร้านค้าปัญญาประดิษฐ์ที่ตระเวนอยู่ข้างนอก
แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยไปจากดาวดวงนี้ แน่นอนว่าข้างนอกไม่ปลอดภัยเท่ากับที่นี่ มีโอกาสเผชิญกับสภาพการณ์ทุกอย่าง อย่างเช่นคนร้ายอวกาศที่หนีคดี คนพวกนี้มักเป็นเผ่าพันธุ์ที่ถูกเนรเทศจากดาวต่างๆ
พวกนี้รวมกลุ่มกัน ทำการปล้นยานบินที่ผ่านไปมา ปล้นชิงทรัพย์สิน ฆ่าคนตามอำเภอใจ แม้แต่ร้านค้าปัญญาประดิษฐ์ของพวกเขาก็ถูกปล้นไป
ชายคนนี้ยิ้มหยัน “ไม่ต้องกังวล ข้ามีวิธีรับมือ” ในมือเขามีเทคโนโลยีทันสมัยที่สุดในระหว่างดาว ถ้าเขาพาคนไปสองสามคน ใช้ยานบินที่ไม่สะดุดตานัก ย่อมไม่มีปัญหา
อีกอย่างพลังชีวิตของคนดาวดวงนี้แข็งกล้า ไม่ตายง่ายๆ
เขาพูดถึงขั้นนี้แล้ว ลูกบอลขาวจึงไม่เหมาะที่จะพูดอะไรอีก แล้วตามเขาไป ผ่านประตูบานหนึ่ง ออกไปจากที่นี่
อีกด้านหนึ่งทางอีลั่วเสวี่ยกับครอบครัว หลังงานเลี้ยงอวิ๋นเว่ยลาหยุดหนึ่งสัปดาห์ อยู่บ้านเป็นเพื่อนพ่อแม่ ระหว่างนี้ยังมีคนมาเยี่ยมที่บ้านไม่น้อย
ในแขกกลุ่มนี้มีคนที่มาแสดงความยินดีอีกครั้งที่พวกเขารับอีลั่วเสวี่ยเป็นลูกบุญธรรม อีกด้านหนึ่งเพื่อทำความคุ้นเคย เพราะอีลั่วเสวี่ยเป็นผู้เชี่ยวชาญของสำนักแพทย์โบราณ สำนักนี้ก็เหมือนคนในสายบำเพ็ญเพียรที่เข้าถึงตัวได้ยาก
ในหมู่พวกเขาคนที่สามารถศึกษาที่สำนักแพทย์โบราณ ส่วนมากมีตำแหน่งไม่สูง ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าวันหน้าเกิดเจ็บป่วย อยากเชิญพวกเขามารักษา ล้วนต้องดูสถานะของตัวเอง
แต่ตอนนี้ต่างไปแล้ว เวลานี้อีลั่วเสวี่ยเป็นคนของสกุลอวิ๋น ต่อไปคงหาความสะดวกจากสกุลอวิ๋นได้ อย่างน้อยก็ช่วยพวกเขาขอร้อง ย่อมได้ผลดีกว่า
“เสวี่ยเอ๋อ หลายวันนี้อาศัยใบบุญของหลาน มีคนมาเยือนบ้านเราไม่ขาด!” อวิ๋นเซินกำลังเดินหมากกับเฉวียนหมิง พลางพูดแหย่อีลั่วเสวี่ยซึ่งกำลังชงชาอยู่
พอนายหญิงผู้เฒ่าได้ยินเช่นนั้น ไม่รอให้อีลั่วเสวี่ยพูด ก็ชิงพูดก่อน “ตาเฒ่า พูดอะไรอย่างนี้ ที่จริงแอบดีใจ ยังมาว่าหลานสาวฉันอีก เสวี่ยเอ๋อ เราอย่ายุ่งกับพวกเขา เดี๋ยวหลานสอนย่าชงชาแบบนี้ รสชาติเยี่ยมมาก”
นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าอีลั่วเสวี่ยซึ่งดูเป็นคนที่ทันสมัยมาก กลับรู้วิธีชงชาชั้นสูงเช่นนี้ อย่าว่าไป รสชาติดีเลิศ
อวิ๋นเว่ยอยู่ข้างๆ เอามือยันคางมองดูบิดาเล่นหมากรุกกับลูกเขย ในใจมีความรู้สึกซับซ้อน
“แฮ่แฮ่ เธอพูดถูกแล้ว ที่จริงได้หน้าได้ตามากเลย ฮ่าฮ่า” นายท่านผู้เฒ่าหัวเราะอย่างไม่ปิดบัง เดิมฐานะของสกุลอวิ๋นก็ไม่ต่ำ หลายปีนี้ด้วยความมุมานะของอวิ๋นเว่ย ทำให้สูงขึ้นอีก
แต่เพราะผ่านไปนานขนาดนี้แล้วเขายังไม่แต่งงานใหม่ กลุ่มคนที่อยากเป็นดองด้วยจึงไม่พอใจ แอบขัดขาเขาลับหลัง แต่หลายวันมานี้ก็เป็นคนกลุ่มนี้ที่ขยันมาเยี่ยมพวกเขาที่สุด
มีหลานสาวที่เหมือนสิ่งล้ำค่าคนนี้ ช่างกำไรจริงๆ
“นั่นย่อมแน่นอน ลูกสาวที่ผมชื่นชมย่อมต้องดีเลิศแน่ พ่อ ควรจะเดินตานี้” อวิ๋นเว่ยอดไม่ได้ แล้วชี้นิ้วบอก แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกบิดาตบหัว
“รู้จักไหม ดูหมากอย่างเดียวห้ามพูด? ไปให้พ้น เฉวียนหมิง พวกเราเดินหมากต่อ” นายท่านผู้เฒ่าสีหน้าไม่พอใจ