ตอนที่ 257

Rise of The Undead Legion

Chapter 257 : ก็อกๆ….

ชายแก่คนนี้ถามเขาเรื่องการเสียสละ  เดฟ ใช้เวลาสักพักในการคิด  เขาไม่มีของมีค่าอะไรในเกม เขาได้เสียสมบัติทั้งหมดไปตอนที่อันเดตและโลกใต้ดินได้หายไปสำหรับเขา  เขาไม่คิดว่าไอ้แก่นี่จะสนใจในเงินรึสิ่งของ  ชายแก่คนนี้เหมือนกับนักพรต
“ ฉันไม่ได้มีของมากมาย “ – เดฟ ยักไหล่ – “ ของสำคัญของฉันโยนชิงไปหมดแต่ฉันจะให้ของอะไรก็ได้ที่ฉันจะให้ได้ “
รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นมาบนหน้าชายแก่ – “ พูดฉลาดดี โดยเฉพาะสำหรับพวกหน้าใหม่ในโลกนี้ “
เดฟ มองไปที่ชายแก่ด้วยความคาดหวังรอคอยคำตอบ
ชายแก่พยักหน้ายืนยันแต่ก็ยังดูว่ามีปัญหาอยู่
“ ฉันติดหนี้เทพอันเดตสำหรับพรที่เขาให้มา ฉันจะพูดความจริงกับนายแต่นายจะไม่ชอบคำพูดที่ฉันจะพูดไปแน่ “
“ สิ่งที่นายตามหาน่ะฉันไม่เห็น จากการค้นหาด้วยตาภายในของฉันตั้งแต่ที่ฉันเห็นนายมา เมฆเทพรับรู้ได้ถึงตาของกันและกันไม่ให้ฉันหาความจริงที่นายอยากได้ยิน “
เดฟ อึ้งไปทันที มือของเขากำแน่นจนอยากจะเขกหัวอีกฝ่าย
‘แน่นอน เทพน่ะมายุ่งกับเควสของฉันอีกแล้ว ’
เขาคลายหมัดออกพยายามรวบรวมสติ  เขาไม่ได้รับแจ้งเตือนเควสล้มเหลว ดังนั้นมันจึงมีทางที่จะทำเควสให้เสร็จได้  ถ้ารู้ว่าต้องทำยังไง  ตัวอย่างเลือดของ Eleanor  ถ้าเทพพังค์นั่นพูดความจริง  การถาม Balaam ถึงตำแหน่งของ Eleanor นั้นเป็นแผนสองในการหาเลือด  เขาไม่ได้เห็นวิธีไหนที่จะทำสำเร็จได้เพราะเทพทั้งใต้ดินและบนดินต่างก็ขัดขวางนักพรตคนนี้ เขาต้องคุยกับเทพอันเดตโดยหวังว่าไอ้บ้านั่นจะมีแผนสำรองซ้อนสำรอง เขายังต้องหาทางถามไอ้พังค์นั่นว่าทำไมกฎของเทพถึงมาทำให้การเล่นเกมของเขาต้องยุ่งยาก
เดฟ ส่ายหน้าสลัดความคิดที่มีก่อนจะเงยหน้าขึ้น
“ ดี ดาร์กหนุ่ม  นายรู้ว่าความจริงและความหวังนั้นไม่ได้ไกลจากความสิ้นหวังถ้านายฉลาดพอที่จะหาวิธีและนี่ก็ได้เวลาที่นายจะกลับไปหาเทพอันเดตแล้ว เอาคำขอโทษของฉันไปบอกเขาด้วยแล้วถือว่าฉันยังติดหนี้เขาอยู่ “
“ ขอบคุณมาก ฉันจะบอกให้ นายค่อนข้างเจ๋งนะสำหรับการเป็นนักพรต  แล้วเจอกัน “
ชายแก่หัวเราะออกมาแล้วกลับไปที่ศาลาของตัวเองเพื่อทำการเดินต่อ  เดฟ มุ่งหน้าไปยังบันไดหินขาวแล้วบอกตัวเองให้กลับไปยังทะเลทรายที่ไม่น่าพอใจ  อย่างน้อย Grumpy ก็รอเขาอยู่ด้านล่าง
“ อีกอย่าง ดาร์กหนุ่ม “
เดฟ หันกลับไปมองชายแก่
“ บอกเทพอันเดตว่าทุกครั้งที่ตาภายในของฉันถูกกันเอาไว้ ฉันเห็นประตูสีทอง “
“ อะไรนะ ?  ไอ้บัดซบรุ่นสี่ ไอ้ตัวล้มเหลว–“
เสียงกรีดร้องด้วยความโกรธดังขึ้นมาจากพายุเงาและสายฟ้าสีม่วง  มันมีไฟรูปกรวยโผล่ออกมา คำด่าและสบถนี้มาแบบไม่ได้หยุดพัก  ภาษามันเปลี่ยนไปเรื่อยๆแต่ก็พูดด้วยน้ำเสียงของคน
จากนั้นภาษาก็ได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง ครั้งนี้มันมีบางอย่างนอกจากภาษาก็ยังมีเสียงที่ดังขึ้นมาซึ่งไม่อาจจะเข้าใจรึได้ยินจากที่ไหน
น้ำวนสีดำได้บิดเบี้ยวไปพร้อมกับคำพูดนั้น
คำพูดแรกที่ดังลงมาได้ฝังตัวลงในหินจนทำให้ Mt.Glory สั่นไหวราวกับว่ากำลังจะตกลงไปซึ่งทำให้ เดฟ และชายแก่ล้มลงกับพื้น
***
คุณต้านทานผลความกลัว
-10,000
***
จากนั้นก็มีแจ้งเตือนโผล่ขึ้นมาทันที
***
ประกาศจากเซิฟเวอร์
ความโกรธของเทพ
เทพองค์หนึ่งโกรธเกรี้ยวขึ้นมา ภัยพิบัติกำลังก่อตัว
พื้นที่รอบ Mt.Glory อยู่ในภัยพิบัติ ภัยพิบัติทั้งทางธรรมชาติและไม่ธรรมชาติกำลังเกิดขึ้นและอาจจะปรากฏขึ้นในตัวมอนเตอร์ตำแหน่งดังกล่าว
***
เดฟ เงยหน้าขึ้นมองภูเขาที่สั่นไหว
‘ เหี้ยเอ้ย ! ’
คำพูดที่สองได้ลอยขึ้นจนหายไปจากสายตา จากนั้นมันก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับระเบิดพลังสีเทา
ท้องฟ้ามืดมิดราวกับว่ามีใครปิดสวิตซ์ไฟ  บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยความมืดมิดและแสงสีแดง, เสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งที่ดังขึ้นเรื่อยๆ
เดฟ ลุกขึ้นยืนแล้วมองออกไปแต่เขาก็ไม่อาจจะขยับได้  ความรู้สึกกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นในใจเขา มีพลังที่กดทับจิตใจของเขาเอาไว้โจมตีเขาจากทุกด้าน
“ ยาเม ! “
เดฟ ถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วมองไปรอบๆ มันคือชายแก่ที่พูดออกมา  เขายืนอย่างใจเย็นราวกับก้อนหินที่ไม่อาจสั่นไหว  ชายแก่ผอมแห้งคนเดิมคนนี้แต่โซ่เหล็กที่ล่ามเขาไว้ตอนนี้ดูเปราะบางราวกับกระดาษ
“ พอแล้วเทพอันเดต นี่มันไม่เหมาะ จำไว้ว่านายเป็นใคร “
เงานั้นสลายไปในทันที เทพแห่งความตายหยุดลงมือแล้วท้องฟ้าก็กลับมาสดใสอีกรอบ
***
ประกาศจากเซิฟเวอร์
อีเวนต์ความโกรธของเพทจบลง
ขอบคุณที่เล่นเกม ขอให้สนุก !
***
เดฟ สูดหายใจแล้วค่อยๆลุกขึ้นยืนพร้อมกับหอบ
ชายแก่ยืนอยู่กับเทพอันเดต ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่แต่เบาเกินไปที่ เดฟ จะได้ยินได้  เทพอันเดตมองลงไปที่หินบนพื้นแล้วพยักหน้าตอบรับเป็นบางครั้ง
ชายแก่พูดจบและถอยกลับมา
เทพอันเดตเงยหน้าขึ้นแล้วมอง เดฟ อย่างอายๆ
“ อะแฮ่ม ฉันขอโทษ ฉันไม่น่าจะพูดคำพูดแย่ๆออกมา “
‘เหี้ย ไอ้ห่านี่เป็นคนทำทั้งหมด แค่พูดแย่ๆ ฉันต้องเริ่มทำตัวดีกับมันบ้างแล้ว แล้วถ้ามันทำมากกว่าพูดล่ะจะเป็นยังไง ?’
เทพอันเดตยังคงมองมาที่เขา
“ โอ้ ใช่ เอาล่ะ มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรมาก…ฉันคิดว่านะ ? “
ชายแก่ฮึดฮัดออกมาแล้วส่ายหน้าให้กับทั้งคู่ – “ เด็กๆ ! ไปได้แล้ว ! พวกนายทั้งคู่เลย  ! พวกนายมีเรื่องต้องทำและฉันก็ต้องดูแลกรงล้อไม่งั้นแล้วมันจะตกลงไปที่โลกก่อนเวลาของมัน “
เทพอันเดตจับทีเกราะอกของ เดฟ แล้วยกตัวเขาขึ้น
“ เฮ้ย…” – เดฟ ร้องออกมา เขายังไม่ฟื้นตัวจากเหตุการณ์เมื่อตะกี้เลย
แรงของเทพนี่ไม่อาจจะต้านทานได้ มันก็ดูเข้าท่า  เทพน่ะต้องแข็งแกร่งกว่าบอสอยู่แล้วและยิ่งเอาดาร์กอย่างเขาไปเปรียบไม่ได้ด้วย
แต่ท่าทีของเทพอันเดตนี่มันกลับกันกับที่เทพควรจะเป็น
เทพอันเดตยังคงยกตัว เดฟ ขึ้นราวกับเขาไม่มีน้ำหนัก
“ เอาล่ะเด็กน้อย เราจะไปหาตัวพระเฮงซวยนั่น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็อยู่ใกล้ๆฉันไว้ เตรียมพร้อมนะ เราจะลงไปกันแล้ว “
เดฟ กรอกตาใส่กับคำพูดของเทพอันเดตที่ขัดกับที่ทุกคนคาดเอาไว้
เทพอันเดตก้าวออกไปพร้อมกับภาพรอบตัว เดฟ ที่กลายเป็นภาพเบลอ
พวกเขาได้เข้ามาในมิติที่เต็มไปด้วยดวงดาวและมีเสียงสวรรค์ดังขึ้นมา พวกมันส่องแสงลงมาจากสวรรค์ ต่อหน้าพวกเขานั้นมีประตูสีทองที่ใหญ่กว่าภูเขาที่พวกเขาเพิ่งอยู่ตะกี้
“ เรามาถึงแล้ว “
เดฟ มองไปที่เทพอันเดตและสงสัยว่าเทพจะเห็นเขาคุยกับ Winter Rose และ Omni รึเปล่า
เทพอันเดตเดินไปที่ประตูเหล็กทันที
“ กล้าๆเปิดประตูออกมาหน่อย ฉันรู้ว่านายอยู่ที่นี่ ! “ – เทพอันเดตตะโกน
เขายกหมัดขึ้นแล้วเคาะไปที่ประตูสามครั้ง การเคาะแต่ละครั้งนั้นทำให้ประตูนั้นสั่นไหวและเกิดเสียงที่เหมือนกับฟ้าผ่า
การสั่นนี้หายไป พวกเขาได้แต่รอ
แต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตอนนี้แม้แต่หูของ เดฟ ก็ยังอื้ออยู่
การทำให้ประตูขนาดใหญ่แบบนี้สั่นไหวได้นี่มันคนละระดับกับเขาไปเลย
แรงของเทพอันเดตนี่มัน….ก็สมกับเป็นเทพ เขาสามารถใช้พลังเทพออกมาได้ตามใจ  ต่อไปนี้ เดฟ คงดูถูกอีกฝ่ายไม่ได้ อย่างน้อยก็ต่อหน้า
‘ฮึ่ม มันไม่เหมือนว่ามันจะมีเรื่องไหนเป็นจริงเลย ต้องจำไว้ว่านี่เป็นแค่เกม ’
เทพอันเดตฮึดฮัดออกมาจนทำให้ เดฟ กลัวว่าจะมีเหตุการณ์เหมือนตะกี้เกิดขึ้นอีก
“ นายรู้มั้ยว่าทำไมเทพถึงไม่เคาะเป็นครั้งที่สอง ? เพราะเราไม่ได้คำตอบเราถึงต้องทำแบบนี้ ! “
เทพอันเดตยกเท้าขึ้นมาแล้วเตะไปที่ประตู
ประตูขนาดใหญ่แยกออกจากกัน ด้านหนึ่งถึงกับห้อยลงมาจากบานประตู
‘เหี้ย ! ตอนแรกแค่คำพูด ตอนนี้ก็ไอ้นี่  ฉันต้องปิดปากตัวเองไว้แล้วตอนที่มันอยู่ใกล้ๆ ทำตามที่มันพูดก็พอ ’
มีลำแสงสีทองส่องประกายออกมาตอนที่ประตูเปิดจน เดฟ ต้องหลับตา
“ ออกมา ไอ้คนหลอกลวง  ! “ – เทพอันเดตตะโกน
ร่างสองร่างโผล่ออกมาจากแสงสีทองพร้อมกับถือหอกยืนอยู่ตรงหน้า เดฟ กับเทพอันเดต พวกนั้นสวมชุดสีขาวภายใต้เกราะสีทองและมีปีกสีรุ้งหกอันกางอยู่ด้านหลัง
เดฟ เครียดขึ้นมาทันที ‘พวกเทวดา’
“ ใครกันกล้ารบกวนอาณาเขตของ Lord Demiurge ? “ – เสียงราวกับดนตรีได้ดังขึ้นมา
เทพอันเดตฮึดฮัดแล้วกรอกตาใส่ตำแหน่งนี้ – “ อย่าเริ่มเลย เอาไอ้เดมิออกมา “
“ นายท่านกำลังทำธุระเรื่องอื่นอยู่ “
“ พวกแกหมายถึงเขากำลังนอนอยู่ หลีกไปให้พ้นทางฉัน “ – เทพอันเดตพูดขึ้นพร้อมกับก้าวออกไปด้านหน้า
“ เจ้าแห่งความตาย แต่ท่าน Demiurge สั่งให้เราห้ามให้ใครเข้าไป “
เทพแห่งความตายมองไปที่เทวดา
“ ไอ้บ้าเดมิ ! “ – เขาตะโกนผ่านผู้ส่งสาร – “ ไสหัวออกมา ! อย่าให้ฉันต้องทำให้ลูกน้องแกต้องกลายเป็นฝุ่น ! “
จากนั้นมันก็เงียบอยู่นาน   สักพักก็ได้มีเสียงบ่นและเสียงสบถดังขึ้นในหูพวกเขา  พวกเทวดาแสดงสีหน้าว่างเปล่าแต่ก็ยังแฝงไปด้วยความอับอายออกมาต่อหน้า เดฟ
เดฟ อาจจะอคติกับพวกเทวาดาอยู่แล้ว
“ โอ้ ว่าไง ! นายมาทำอะไรที่ประตูบ้านฉัน  ไอ้อันธพาล ? ฉันได้สั่งการพิเศษไปแล้วและพวกนี้ต้องใช้เวลาเป็นสิบปีกว่าจะทำตามได้  “  เสียงทุ้มดังขึ้นมาจนทำให้ดวงดาวรอบๆนั้นสั่น
แสงด้านในประตูได้สว่างขึ้นมากกว่าเดิม
“ อั๊ก แสงของไอ้บ้านี่มันจ้าเกินไปสำหรับฉัน “
เทพอันเดตทำท่าราวกับนักมายากลข้างถนนกำลังเล่นกลและเอาแว่นตากันแดดออกมา
เขาโยนอันหนึ่งให้กับ เดฟ
เดฟ เห็นร่างรูปร่างคนปรากฏขึ้นที่ประตูโดยร่างนี้มีขนาดเท่ากับประตูทองซึ่งใหญ่ยิ่งกว่า Drahma
“ ไอ้เดมิ “ – เทพอันเดตพูดขึ้นพร้อมกับปรับแว่นกันแดดของตัวเอง
“ ฉันชื่อ Demiurge  ผู้สร้างความวุ่นวาย เจ้าแห่ง—“ – Demiurge พูดออกมาจนหยุดตอนที่เห็น เดฟ
“ นายพาอันเดตของนายมาด้วยงั้นเหรอ ? ! ที่นี่เนี้ยนะ ? ! ฮา ! ครั้งนี้นายเป็นคนที่ฝ่าฝืนกฎ  ไอ้คนไม่สำคัญ “ – ร่างนั้นน่ะเยาะเย้ยและหัวเราะอย่างดีใจพร้อมกับชี้มายังเทพแห่งความตาย