TQF:บทที่ 684  ผู้เป็นรักแรก (4)

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มบางๆก่อนจะก้าวเข้าไป “องค์ชาย 18 อยากจะครองรักกับท่านย่าข้ารึเปล่า”

 

“หืม…” หวงฝู่มั่วเฉินเงยหน้าขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำถาม และได้เห็นนัยน์ตาที่เปล่งประกายความจริงจังของนาง

 

เขารักฟางซูหยุนมาก และอยากอยู่กับนางจริงๆ แต่เมื่อกี้…

 

เมื่อคิดถึงคนในอ้อมกอดที่จู่ๆก็ปิดหน้าร้องไห้และวิ่งหนีไปเขาก็รู้สึกเจ็บปวดใจ ในขณะนั้นก็ไม่สนแล้วว่าอีกฝ่ายเด็กกว่า พยักหน้าอย่างแรง

 

“แต่ว่า…” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวขมวดคิ้ว สีหน้าลำบากใจนิดหน่อย

 

หวงฝู่มั่วเฉินที่ร้อนรนใจไม่รู้ว่านางคิดอะไรอยู่จึงรีบถามขึ้น “แต่ว่าอะไร เจ้าอยากรู้อะไร ถามข้าได้เลย”

 

เห็นท่าทางของเขาแล้วทั้งฮ่องเต้และขันทีชราต่างถอนหายใจออกมา ราวกับไม่รู้จะพูดอะไรดี

 

“มเหสีของเจ้าจะทำอย่างไรล่ะ ลูกๆของเจ้าอีก” หยูเฮงน้อยเอียงหัวมองคนที่ร้อนรน ถามคำถามสำคัญที่ต้องรู้ให้แน่ชัดแทนเฉิงเสี่ยวเสี่ยว

 

ขันทีชราอดเอ่ยขึ้นมาไม่ได้ “แม่นางเฉิง แม่นางหยูเฮง พวกท่านเพิ่งเคยมาประเทศหวงฝู่ของเรา คงยังไม่รู้ว่ามเหสีขององค์ชาย 18 เสียไป 30 ปีแล้ว องค์ชายไม่มีลูกหลาน ไม่มีนางบำเรออะไร หลายสิบปีมานี้องค์ชาย 18 ก็อยู่แบบนี้มาตลอด ไม่สิ ต้องบอกว่าองค์ชาย 18 รอคุณหนูฟางซูหยุนกลับมาตลอด

 

“ผู้ชายที่ดีสุดยอด” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวโพล่งสิ่งที่คิดในใจออกมา ไม่ชมไม่ได้จริงๆ

 

หยูเฮงน้อยเบิกตากลมโต ตะโกนขึ้นมาด้วยความทึ่ง “มีใจรักมั่นคงสุดๆไปเลย ที่แท้เจ้าก็ชอบฮูหยินฟางของพวกเรามาตลอด ถ้าพวกเจ้าไม่ต้องแยกจากกันจะดีแค่ไหนนะ ฮูหยินฟางก็จะไม่ต้องมีชีวิตที่ยากลำบาก”

 

“อะไรนะ เจ้าว่าอะไรนะ ซูหยุนนางอยู่อย่างลำบากเหรอ”

 

คำชื่นชมตัวเองเขากลับไม่ได้ยิน ได้ยินแต่เรื่องที่เกี่ยวกับฟางซูหยุนอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง หวงฝู่มั่วเฉินเอ่ยด้วยความร้อนรน “ซูหยุนเป็นอะไร นางไม่มีความสุขเหรอ สามีนางรังแกนางเหรอ”

 

“เรื่องนั้น…”

 

 

หยูเฮงน้อยเพิ่งจะนึกได้ว่านี่เป็นความลับของฮูหยินฟาง ไม่ควรบอกคนอื่นมั่วซั่ว นางยิ้มเก้อๆ เบือนสายตาไปยังเฉิงเสี่ยวเสี่ยว

 

หวงฝู่มั่วเฉินเข้าใจทันที เรื่องบางเรื่องเด็กอย่างหยูเฮงน้อยไม่สะดวกที่จะพูด ต้องได้รับความยินยอมจากคุณหนูเฉิงตรงหน้านี่ก่อน เขาโค้งคำนับให้กับเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและพูดด้วยความจริงใจ “คุณหนูเฉิง โปรดเล่าเรื่องของฟางซูหยุนให้ข้าฟังด้วย ไม่ว่าเจ้าจะให้ข้าทำอะไรก็ได้ ขอแค่เจ้าบอกมาว่าซูหยุนมีความสุขรึเปล่า”

 

“นี่เจ้า…”

 

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวตกใจมาก ตัวสั่นไหวเล็กน้อยไม่กล้ารับการเคารพที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้จากเขา อีกอย่างด้วยจิตสัมผัสของนางย่อมรู้ถึงความจริงใจขององค์ชาย 18 ผู้นี้

 

บอกตามตรงเฉิงเสี่ยวเสี่ยวพึงพอใจในตัวเขามาก หากท่านย่าได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับเขาจริงๆ นางก็จะได้วางใจกับชีวิตหลังจากนี้ของท่านย่ามากขึ้น

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวคิดจะช่วยเขา และอยากรู้ว่าปมของทั้งคู่อยู่ตรงไหน จากสถานการณ์ที่พวกเขาพบกันเมื่อกี้เห็นได้ว่าท่านย่ายังชอบเขาอยู่ ส่วนองค์ชาย 18 ยิ่งไม่ต้องพูดถึง มั่นคงขนาดนี้

 

เมื่อพิจารณาสถานการณ์ของพวกเขาดู เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ถามขึ้น “องค์ชาย 18 เมื่อกี้ระหว่างเจ้ากับท่านย่า นางได้พูดอะไรเป็นการปฏิเสธเจ้ารึเปล่า”

 

“อื้ม” เขามองเฉิงเสี่ยวเสี่ยวอย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่านางจะเดาได้แม่นขนาดนี้ “เมื่อกี้พวกเราได้คุยกันหลายเรื่อง หลังจากที่ข้าบอกว่าอยากให้ซูหยุนอยู่ที่ชิงยาง ไม่ไปไหนอีก นางก็…”

 

พูดมาถึงตรงนี้หวงฝู่มั่วเฉินดูเหมือนยากจะเอ่ยปากพูดออกมา เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพูดแทนด้วยท่าทีเรียบๆ “ท่านย่าข้าบอกว่านางเป็นบุปผาที่ช้ำแล้ว ไม่คู่ควรกับองค์ชาย 18?”

 

“เจ้า…”​ หวงฝู่มั่วเฉินเบิกตาโพลง สงสัยว่าเมื่อกี้ถูกแอบฟังรึเปล่า”

 

“ข้าไม่ได้แอบฟังพวกเจ้าคุยกันนะ”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองความคิดเขาออกทันทีและอดมองบนไม่ได้ หยูเฮงน้อยที่ได้ยินก็แอบหัวเราะโดยเอามือปิดปาก ดวงตากลมโตยิ้มเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวอย่างมีความสุข

 

ฮ่องเต้และขันทีชราก็พากันยิ้ม โดยเฉพาะฮ่องเต้ที่ได้ฟังบทสนทนาระหว่างลูกชายตัวเองและเฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่เสมือนว่าทั้ง 2 สลับบทบาทอายุกันแล้วรู้สึกน่าสนุกไม่น้อย จึงยอมเป็นผู้ชมเงียบๆ

 

หวงฝู่มั่วเฉินยิ้มแหยๆที่โดนรู้ทัน “ขอโทษที เจ้าเดาได้แม่นมาก”

 

“นั่นเป็นเพราะว่าข้ารู้จักนิสัยท่านย่าดี รู้ว่านางจะพูดอะไรก็เท่านั้น”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวอธิบายเรียบๆและหันกลับมาสั่งหยูเฮงน้อย “เจ้าบอกเขาไป” พูดจบก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านอีกครั้ง

 

หยูเฮงน้อยพยักหน้าด้วยรอยยิ้มกว้างและพูดกับคนตรงหน้า “องค์ชาย 18 เล่านิทานมันเหนื่อยนะ ไม่ทราบว่าเจ้ามีรางวัลให้รึเปล่า”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่เปิดหนังสืออยู่ตากระตุก แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ยังคงอ่านหนังสือต่อไป

 

“เจ้าอยากได้อะไร ขอแค่เป็นของที่ข้ามี ข้ายอมให้เจ้าหมด” หวงฝู่มั่วเฉินไม่คิดมากเลยที่เจ้าตัวเล็กเรียกร้องสิ่งของจากเขา

 

ฮ่องเต้มองเจ้าตัวเล็กที่ยิ้มแย้มบอกอย่างใจกว้าง “หยูเฮงน้อย ไม่ว่าเจ้าอยากได้อะไรข้ารับปากหมด”

 

ฮ่องเต้ให้สัญญาเพื่อลูกชาย ด้วยฐานะประมุขของประเทศของเขา ไม่ค่อยจะมีอะไรที่เขาเอามาไม่ได้

 

หยูเฮงน้อยพยักหน้าอย่างพอใจและบอกกับฮ่องเต้ “ได้ ข้าจำไว้แล้วนะ เดี๋ยวจะมาขอจากเจ้า”

 

“ไม่มีปัญหา” ตาเฒ่าฮ่องเต้รับคำไว้เต็มปาก

 

หยูเฮงน้อยก็ไม่บ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่นอีก มองหน้าหวงฝู่มั่วเฉินและถาม “เจ้ายังจำได้ใช่มั้ยว่าฮูหยินฟางหายไปได้ยังไง”

 

“จำได้ ซูหยุนหายตัวไประหว่างที่ออกไปฝึกฝน”

 

“ถุย…” หยูเฮงน้อยมีท่าทีเหยียดหยาม ก่อนจะก่นด่าออกมา “นังชั่วฟางซูเสวี่ยเป็นคนบอกพวกเจ้ารึ”

 

“ฟางซูเสวี่ยเป็นคนแจ้งข่าวทุกคนจริงๆนั่นแหละ” หวงฝู่มั่วเฉินพอจะเอาอะไรออก สีหน้าขรึมลง

 

“คนชั่วที่ทำเรื่องชั่วย่อมไม่โง่ไปบอกคนอื่นหรอก” หยูเฮงน้อยยังคงมีสีหน้าเหยียดหยาม “นังชั่วนั่นใช่ยันต์วิเศษทำร้ายฮูหยินฟางระหว่างที่ออกไปฝึกฝน ฮูหยินฟางที่โดนยันต์วิเศษเข้าวิทยายุทธก็หายไปจนหมดสิ้นและถูกนางเตะเข้าไปในถ้ำเล็กๆถ้ำหนึ่ง แต่แล้วฮูหยินฟางก็โชคดีที่ไม่ตาย แต่ไปโผล่ในที่ของพวกเรา”

 

ทุกคนที่ได้ฟังความจริงในตอนนั้นจากหยูเฮงน้อยต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะตาเฒ่าฮ่องเต้ที่ดูเหมือนว่าจะนึกบางอย่างออกและมีสายตาคมกริบขึ้น

 

หยูเฮงน้อยไม่ได้สนใจความคิดของพวกเขา ยังคงเล่าต่อ “เนื่องจากฮูหยินฟางถูกคำสาปสะกดไว้เท่ากับว่าเสียวิทยายุทธไปจนหมด โชคดีที่ได้เจอตาเฒ่าตระกูลเฉิง เขาพาฮูหยินฟางกลับไปและแต่งงานกับนาง”

 

“ช่วยไม่ได้ที่ความสวยของฮูหยินฟางทำให้คนอื่นเพ่งเล็ง และเริ่มสร้างเรื่องป้ายสีฮูหยินฟางว่านางไม่ซื่อสัตย์ต่อสามี พวกเจ้าก็น่าจะรู้ดีว่าข่าวลือน่ะพอคนพูดกันมากๆก็ดูน่าเชื่อถือขึ้นมาแม้จะเป็นเรื่องไม่จริง ตาเฒ่าตระกูลเฉิงก็เชื่อ ไม่ใช่แค่ทุบตีฮูหยินฟางอยู่บ่อยๆ แต่ยังไล่ครอบครัวนายท่านใหญ่ออกจากบ้านด้วย จนกระทั่งหลายปีก่อนคุณหนูกลับไปที่ตระกูลเฉิงและทำลายซะ ก่อนจะพาฮูหยินฟางกลับมา”

 

“ซูหยุนนาง….” หวงฝู่มั่วเฉินกัดฟันกรอด มีไฟโทสะที่ยากจะดับได้ลุกโชติอยู่ในตา จู่ๆคนที่เคยสุภาพเรียบร้อยก็เป็นเหมือนสิงโตยัวะ โหดเหี้ยมและดุร้าย

———————————–