TQF:บทที่ 686 มองออกทะลุปรุโปร่ง (1)

 

 

 

“เจ้าพูดถูก ขอแค่เฉินเอ๋อมีความสุขก็พอแล้ว ส่วนเรื่องอื่นไม่จำเป็นต้องฝืน”

 

ตาเฒ่าฮ่องเต้ถอนหายใจพลางหันไปมองเฉิงเสี่ยวเสี่ยว “ยัยหนูเสี่ยวเสี่ยว เจ้าเคยเจอพวกตาหนูยัยหนูแล้ว รู้สึกอย่างไรกับพวกเขาบ้างล่ะ”

 

“พ่อที่ยิ่งใหญ่ย่อมไม่มีลูกที่ด้อย โดยเฉพาะลูกหลานแห่งราชวงศ์ย่อมต้องเก่งกาจและโดดเด่นกว่าคนทั่วๆไปอยู่แล้ว ทุกคนล้วนมีพรสวรรค์เปี่ยมล้น สามัญชนยากจะเทียบได้” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพูดยอเป็นหางว่าว

 

มุมปากของฮ่องเต้กระตุก เขามองนางด้วยความพูดไม่ออก หยูเฮงน้อยและขันทีชราแอบหัวเราะแบบไม่มีเสียงกับตาเฒ่าฮ่องเต้ที่โดนดักทาง

 

“ยัยหนูเสี่ยวเสี่ยว ในเมื่อเจ้ายอมเรียกเฉินเอ๋อว่าท่านปู่บุญธรรมแล้ว เจ้าก็ถือเป็นเหลนของข้าด้วยรึเปล่า เจ้าต้องเรียกข้าว่าท่านปู่ทวดสิ อยู่ต่อหน้าท่านปู่ทวดแล้วยังไม่ยอมพูดความจริงอีกเหรอ”

 

ฮ่องเต้ขี้เกียจจะอ้อมค้อมกับเด็กผู้หญิงจึงพูดไปตรงๆ แล้วยังทำหน้าด้านโมเมนับญาติอีกด้วย

 

ท่านปู่ทวดอีกแล้ว

 

คราวนี้ถึงตาเฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่หมดคำพูดซะแล้ว เคยเห็นคนที่หน้าด้านมา แต่คนตรงหน้านี่หน้าด้านยิ่งกว่าพวกนั้นซะอีก

 

“อิอิ ตาเฒ่าฮ่องเต้ อยากให้คุณหนูเรียกเจ้าว่าท่านปู่ทวดหรอ รอให้ลูกชายเจ้าแต่งกับฮูหยินฟางของเราก่อนค่อยว่ากัน” หยูเฮงน้อยหยอกล้อประมุขแห่งประเทศโดยไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย

 

ตาเฒ่าฮ่องเต้เลิกคิ้วและเอ่ยอย่างไม่แยแส “เรื่องนั้นง่าย ข้าออกพระราชโองการก็จบ ส่วนฟางซูหยุนยังไงซะก็ต้องเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลหวงฝู่ ใครก็แย่งไปไม่ได้”

 

ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นตาเฒ่าฮ่องเต้ไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้มีชื่อในแผนผังตระกูลแน่ แต่ฟางซูหยุนแตกต่างออกไป แค่ตระกูลฟางยังไม่พอ ที่ฮ่องเต้ให้ความสำคัญคือยัยหนู 2 คนตรงหน้านี่

 

มี 2 สาวนี้เป็นกำลังให้ฟางซูหยุนก็เพียงพอแล้ว

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพอจะเดาออกว่าฮ่องเต้คิดยังไง นางจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องของท่านย่า ให้ช่วยชักจูงได้ แต่สุดท้ายแล้วจะเอาหรือไม่เอาก็ให้ท่านย่าเป็นคนตัดสินใจเอง

 

ส่วนการนับญาตินี้นางยอมรับในใจได้ แต่จะไม่เอ่ยปากยอมรับโต้งๆ

 

“ฝ่าบาท หลายๆเรื่องฝ่าบาทก็รู้อยู่แก่ใจ ไม่ต้องหาเรื่องให้ปวดหัวเพิ่มหรอก หากไม่มีอะไรแล้วข้าน้อยขอทูลลา”

 

“หืมม….”

 

ตาเฒ่าฮ่องเต้แปลกใจนิดหน่อย มองนางอย่างตั้งใจและเอ่ยเสียงขรึม “ยัยหนูเสี่ยวเสี่ยว เจ้าบอกข้ามาตรงๆนะ กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนเป็นของเจ้ารึเปล่า”

 

“…..”

 

นัยน์ตาราบเรียบของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวมีประกายเจิดจ้าและเลิกคิ้วเบาๆ เม้มปากไม่ยอมพูดอะไร

 

หยูเฮงน้อยมีท่าทีตะลึงเมื่อได้ยินคำถามของเขา นางคิดไม่ถึงเลยว่าตาเฒ่าฮ่องเต้จะพูดถึงกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุน

 

“เมื่อก่อนข้าแค่สงสัยว่ากลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนเป็นของเจ้า แต่เมื่อกี้ข้ารู้สึกอย่างแรงกล้าว่าหัวหน้ากลุ่มของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนก็คือเจ้า เฉิงเสี่ยวเสี่ยว”

 

ตาเฒ่าฮ่องเต้ยิ้ม มีประกายแห่งปัญญาเจิดจ้าอยู่ในแววตา “เพราะการปรากฏตัวของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนมันกระทันหันเกินไป การพัฒนาก็ก้าวกระโดดมาก และกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนก็แข็งแกร่งมาก อิทธิพลทั้งผืนดินฉางไห่ก็ไม่สามารถสร้างตำนานแบบนี้ได้ แต่เจ้า….”

 

“จู่ๆเจ้าก็ปรากฏตัว และยังออกมาได้บังเอิญอะไรขนาดนี้ เจ้าและกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนแทบจะปรากฏตัวที่ผืนดินฉางไห่พร้อมๆกัน ที่สำคัญที่สุดคือมีแต่เจ้าเท่านั้นที่มีพลังเช่นนี้ เจ้านี่ไม่ธรรมดาจริงๆ อายุแค่นี้ก็มีวิทยายุทธระดับนี้แล้ว ต่อให้เป็นบุตรแห่งสวรรค์ที่โดดเด่นที่สุดก็ทำไม่ได้”

 

“อีกอย่าง ผลไม้ที่ข้ากินกับหยูเฮงน้อยเมื่อกี้เหมือนกับที่วางขายอยู่ในตึกจงหยวนเปี๊ยบ ไม่ว่าจะเป็นรสชาติ รสสัมผัส พลังวิญญาณ ก็ไม่แตกต่างกันเลยแม้แต่น้อย ข้าพูดตรงไหนผิดรึเปล่า”

 

พูดจบฮ่องเต้ก็มองนางด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หยูเฮงน้อยเบ้ปากอย่างไม่พอใต นัยน์ตาเป็นประกายจ้องเขม็งไปที่คนบนบัลลังก์

 

หลังจากที่การอธิบายจบลง เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ยังคงมีสีหน้าเรียบๆราวกับไม่ตกใจเท่าไหร่ นางบอกกับตาเฒ่าฮ่องเต้อย่างเรียบง่าย “ใช่แล้วจะทำไม ไม่ใช่แล้วจะทำไม ฝ่าบาทบอกว่าใช่ก็ใช่ ฝ่าบาทบอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงการปราฏตัวของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนได้ และก็จะไม่เปลี่ยนแปลงเพื่อใครด้วย ข้าเองก็เช่นกัน”

 

“คุณหนู….” หยูเฮงน้อยเดินไปอยู่ข้างกายเฉิงเสี่ยวเสี่ยวด้วยสีหน้ารู้สึกผิดและโมโหตัวเอง

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มให้นางและยื่นมือไปขยี้หัวนางเบาๆ “พวกเรากลับกันเถอะ ไว้ค่อยมาเที่ยวใหม่”

 

“อื้ม ได้”

 

2 สาวประสานมือกับฮ่องเต้และขันทีชรา ไม่ทันที่พวกเขาจะพูดอะไรก็หันหลังเดินจากไปทันที

 

ตาเฒ่าฮ่องเต้มอง 2 สาวที่เดินออกไปพลางถอนหายใจ “ยัยหนูที่อายุแค่ 20 กว่ามีวิทยายุทธระดับปรากฏเทพเทวาแล้ว ในมือมีกลุ่มทหารรับจ้างกว่าแสนคน ตัวเองก็เป็นเจ้าแห่งการฝึกสัตว์อีกด้วย ข้าละอยากให้นางเรียกข้าว่าท่านปู่ทวดจริงๆ”

 

“ฝ่าบาทวางใจเถอะ วันนั้นอยู่ไม่ไกลหรอก” ขันทีชราตอบรับยิ้มๆด้วยสีหน้ามั่นใจ ราวกับทุกอย่างอยู่ในความคาดหมายของเขา

 

ตาเฒ่าฮ่องเต้พยักหน้าด้วยแววตาคาดหวัง “สั่งลงไปด้วย ให้เอาของขวัญไปให้ยัยหนู 2 คนนั้นที”

 

“พะย่ะค่ะฝ่าบาท” รอยยิ้มบนใบหน้าขันทีชรากว้างขึ้นอีก เพียงแต่ด้วยรูปลักษณ์ของเขารอยยิ้มออกจะน่ากลัวไปนิด คนทั่วๆไปรับไม่ไหวแน่

——————–