TB:บทที่ 188 พี่น้องทั้งสาม
เมื่อได้ยินคำของเฉินหลง ใจของจางเฟิงหยานกระตุกเล็กน้อย แต่เขายังคงปั้นหน้ายิ้มอยู่และกล่าวไป “คุณเฉินลง คุณรู้เมื่อไรกันว่า “เทียนเจียนการเงิน” คือ “เทียนเจียจ่ง””
“เรื่องนี้สำคัญด้วยหรือ” เฉินหลงยิ้ม
“ไม่ครับ ไม่ได้สลักสำคัญอะไร แม้เทียนเจียการเงินจะเป็นเทียนเจียจ่ง ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับการร่วมมือของเราครับ และแม้เทียนเจียจ่งจะเป็นปิศาจสำหรับคุณ ทว่าสิ่งที่เป็นหลักของเรายังเป็นนักธุรกิจนะครับ เทียนเจียการเงินนี่มักวางอยู่บนหลักของความเชื่อมั่นที่ดีเสมอครับ ไม่เช่นนั้นพวกเราคงไม่กลายมาเป็นบริษัทการเงินชื่อดังระดับโลกหรอกครับ ตราบเท่าที่เราทำงานด้วยกัน แน่นอนว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีใครจะเสียประโยชน์” จางเฟิงหยานกล่าวอย่างใจเย็น
“แต่ผมยังทำใจร่วมมือกับคนที่อยากกุดหัวผมไม่ได้ครับ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่หัวผมจะหลุดจากบ่า คุณจาง คุณเป็นทายาทของเทียนเจียจ่ง คุณไม่เข้าใจหรือ” เฉินหลงวางฝ่ามือของเขาบนที่วางแขนของเก้าอี้ เขามองจางเฟิงหยาน จางเฟิงหยานมองเฉินหลงและกล่าวไป “ดูท่า คุณเฉินมีแผนดีๆพร้อมจะรับมือหนทางปิศาจทั้งแปดแล้วสินะครับ”
“ช่วยไม่ได้นี่ครับ ในเมื่อคุณจะมาเอาชีวิตผม หากผมไม่เตรียมตัว ผมจะโดนคุณฆ่าไปก่อนสิครับ” เฉินหลงยิ้ม “จะว่าไป รวมคุณแล้ว ผมได้เจอทายาทแค่สามกลุ่ม แล้วอีกห้าคนเป็นใครกันหรือครับ”
หากไม่รู้สิ่งที่เฉินหลงและจางเฟิงหยานคุยกันอยู่และมาเห็นสีหน้าของคนสองคนที่คุยกันอย่างมีความสุข คงทำให้คิดว่าบทสนทนานี้กำลังเป็นไปด้วยดี ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาพูดเรื่องฆ่ากันอยู่
“คนหนึ่งในกลุ่มนั้น ที่ผมบอกกับคุณได้คือหลานหลี่เย่ของกลุ่มแพทย์ ตอนนี้เขาติดเกม “โลกใหม่” ของบริษัทคุณงอมแงมผมเชื่อว่าเขาจะไม่ทำการข่มขู่อะไรคุณ แต่ผมต้องขอโทษด้วย ผมบอกเรื่องของคนที่เหลือไม่ได้” จางเฟิงหยานขายเพื่อนเขาไปทันที
แต่จะอย่างไรก็แล้วแต่จางเฟิงหยานรู้ว่าเพื่อนเก่าของเขาไม่ได้สนใจเอาหัวเฉินหลงไปหรอก เพราะสิ่งที่เขาต้องการเมื่อมายังจีนที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้คือตามรอยบรรพบุรุษและสนุกสนาน ตอนนี้เจอเกมโลกใหม่ที่เขาจะได้พัฒนาความสามารถทางการแพทย์ของเขาแล้ว เขาจะไปสนใจอะไรอย่างอื่นอีก
“เมื่อไหร่คุณจะมาเอาชีวิตผมกันละ คุณจาง” จางเฟิงหยานไม่ยอมตอบ เฉินหลงก็ไม่บังคับให้เขาพูดต่อไป
อย่างไรแล้ว คนที่เหลืออีกสี่คนต้องโผล่มาอยู่ดี แล้วจากนั้นเขาจะรู้เอง
“คุณเฉิน นี่คุณล้อเล่นอยู่จริงๆหรือ ผมถามตัวเองว่าผมไม่ใช่คู่ต้อสู้คุณหรอก ผมจะไปท้าทายคุณที่ความสามารถเกินผมไปได้อย่างไร” จางเฟิงหยานรีบกล่าวตอบ
“อ้าว แล้วผมจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ผมเล่า” ใบหน้าเฉินหลงฉายแววขี้เล่น เขามองจางเฟิงหยาน
แต่ทว่าเขาไม่เคยต่อสู้อแบบตัวต่อตัวกับจางเฟิงหยานจริงๆเลย แต่จางเฟิงหยานกลับกล่าวไปแล้วว่าไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของเฉินหลง เขาจึงต้องการจะฟังคำอธิบายของจางเฟิงหยานด้วยว่าจะพูดอย่างไร
จางเฟิงหยานกล่าวด้วยร้อยยิ้มที่ใจเย็น “ผมยังมีตามีหูอยู่ในจีนที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ครับ ผมรู้เรื่องคุณและอาจารย์ทั้งสี่ด้วย และระฆังทองที่ใช้เหมือนกัน คุณคิดว่าผมจะเป็นคู่แข่งคุณได้หรือหลังจากที่ผมแพ้ให้ฉือเฮยหูไปแล้ว” เฉินหลงยิ้มแต่ไม่กล่าวอะไร
“คุณเฉินครับ นอกจากสถานะของเทียนเจียจ่งแล้ว คุณอยากจะมาร่วมมือกับเทียนเจียการเงินของเราไหมครับ” เขาเห็นเฉินหลงไม่ว่าอะไรต่อ จางเฟิงหยานจึงทำได้แค่ถามไปอีกครั้ง
เรื่องสำคัญคือนอกจากความบาดหมางระหว่างเฉินหลงและหนทางปิศาจแล้ว จางเฟิงหยานหวังอย่างแรงกล้าว่าจะได้ร่วมมือกับเฉินหลง สุดท้ายแล้วเกม“โลกใหม่”นี่ก็ทำเงินได้มากอยู่ดี
“อย่างที่ว่าไป ผมไม่อยากร่วมมือกับศัตรูตัวเอง” เฉินหลงปั้นยิ้มบนหน้าเขาและกล่าวอย่างจริงใจ
“ถ้าหากว่าเทียนเจียนจ่งตั้งใจจะรามือไปละ” จางเฟิงหยานถามอีกครั้ง
หากจะกล่าวตามจริง เมื่อได้รู้พลังของเฉินหลงแล้วและรู้อีกว่าเขาเป็นประธานของ “บริษัทเทคโนโลยีเว่ยหลง” จางเฟิงหยานล้มเลิกแผนที่จะฆ่าเฉินหลงไปแล้วในใจ ตอนนี้เขายังต้องการจะกลับไปอธิบายให้กลุ่มของเขาฟังว่าเฉินหลงนั่นมีปริศนามากไปและควรจะเลิกการลอบสังหาร
“ค่อยคุยเรื่องนี้ทีหลังแล้วกัน” หลังเฉินหลงกล่าวจบ เขาหยุดพูดต่อ
จางเฟิงหยานเข้าในแล้วว่าเฉินหลงตั้งใจจะตรวจสอบแขกก่อน เขาจึงยืนขึ้นและกล่าวกับเฉินหลงไปว่า “ผมจะไปก่อน แต่จะว่าไป ผมอยากบอกคุณเฉินไว้ว่า“โลกใหม่”ของบริษัทน่ะได้เรียกความสนใจของคนจำนวนมาก ผมเชื่อนะครับว่า คนพวกนั้นจะเริ่มทำอะไรสักอย่างเร็วๆนี้ ผมหวังว่าคุณเฉินจะตื่นตัวไว้” เมื่อกล่าวจบจางเฟิงหยานก็ออกไป
แม้ไม่มีจางเฟิงหยานมาคอยเตือนแต่เฉินหลงรู้อยู่ว่าบางประเทศจะต้องทำอะไรบางอย่างเนื่องจากความริษยา ทว่าคำเตือนของจางเฟิงหยานยังทำให้เฉินหลงเพ่งความสนใจกับปัญหานี้ด้วย หากว่าเขาทำเพียงอยู่เฝ้าที่นี่ทุกวัน เขาคงไม่ทำตัวเองเหนื่อยตาย คงถึงเวลาแล้วที่เขาจะไปคุยกับคนหนุนหลังของตน
หลังจากนั้นเฉินหลง โทรศัพท์หาเกาเฟิงเสี่ยวและบอกเขาเรื่องที่เขาไหว้วานให้ส่งคนไปช่วยเป็นกองกำลังดูแลบริษัทเขา
วันต่อมา ราวกับเป็นถั่วในฝักเดียวกัน เกาเฟิงเสี่ยวพาชายสามคนที่หน้าตาเหมือนกันทุกระเบียดนิ้วมา
ชายสามคนนั้นยังไม่แก่เกินยี่สิบห้าหรือยี่สิบหกปี คนหนึ่งถือมีด คนหนึ่งมีดาบ อีกคนมีค้อน
“เฉินหลง พวกเขาทุกคนล้วนเป็นทายาทของคุณหวังหง….”
สิ้นคำ เกาเฟิงเสี่ยวแนะนำคนทั้งสาม หวังเฟิง หวังซีหลาน หวังจุ่ย คือคนที่ใช้ดาบและค้อน พวกเขาทุกคนมีพลังถึงระดับกำเนิด
“ขอบคุณมากๆนะครับที่มาช่วยเฉินหลง” หลังเกาเฟิงเสี่ยวแนะนำแล้ว เฉินหลงรีบแสดงความตื้นตันใจ
หวังเฟิงและหวังซีหลานทำเพียงพยักหน้าตอบเฉินหลง หวังจุ่ยดูเหมือนจะเป็นคนที่เชี่ยวชาญในการวางตัว เขากอดเฉินหลงและกล่าวไปพร้อมรอยยิ้มว่า “เฉินหลงคุณนี่ช่างสุดยอด จริงๆเลย คุณสร้างเกมที่ทรงพลังอย่าง“โลกใหม่”ขึ้นมาได้ ผมอดไม่ได้ที่จะพูดอวยคุณ อีกอย่างคุณไม่ต้องไปใส่ใจสองคนนั้น หลังพวกเขาฝึกดาบและค้อนแล้ว พวกเขาดูเหมือนพวกท้องไม่ย่อย จะว่าไปแล้วคุณช่วยหาอุปกรณ์ดีๆและค้อนสักคู่ให้ผมได้ไหมครับ” ดูท่าหวังจุ่ยก็เป็นผู้เล่นในโลกใหม่ด้วย
เมื่อได้ยินคำของพี่ชาย หวังเฟิงและหวังซีหลานอดไม่ได้ที่จะกรอกตา
“พี่ค้อนครับ เกมนี้ไม่มีเอนพีซี แม้ผมจะเริ่มต้นจากฝุ่นแต่ผมก็ช่วยไม่ได้ อย่างไรก็ตามผมช่วยอัพเกรดโลกใหม่ของคุณเพื่อให้คุณได้ผลประโยชน์ที่คุณคาดไม่ถึงได้นะ” เพราะหวังจุ่ยมีความคล้ายกับเขา เฉินหลงจึงชอบใจเขาเป็นพิเศษ และอีกอย่างหนึ่งคือพวกเขาเป็นทายาทของหวังหง เฉินหลงจึงพร้อมจะให้พวกเขาได้สนุกสนานกับ “โลกใหม่” แบบเต็มรูปแบบ
“อัพเกรดหรือครับ” หวังจุ่ยแค่อำเล่นตอนที่เขาขอไปในคราวแรก เขาจึงประหลาดใจด้วยความคาดไม่ถึง
ตอนหวังจุ่ยเข้า“โลกใหม่” เขารู้ว่า“โลกใหม่”ช่วยเรื่องศิลปะการต่อสู้ได้อย่างมาก ตอนแรกเขาคิดว่าเกมนี้ไรเทียมทานแล้วเมื่อมาถึงขั้นนี้ แต่เขาคาดไม่ถึงว่าจะยังมีรูปแบบที่อัพเกรดอีก หวังจุ่ยรู้สึกตื่นเต้น
เช่นเดียวกันกับหวังเฟิงและหวังซีหลาน พวกเขาตื่นเต้นที่ได้เจอเฉินหลง