“ข้ามีสิ่งนี้ เข้าไปได้ไหม?” จวินอู๋เสียสังเกตเห็นทั้งสองลังเล จึงหยิบเอาเหรียญทองแดงที่ได้รับจากการทำงานที่หอคอยโยวหลิงแห่งที่สี่ออกมา
ชายทั้งสองมองเหรียญทองแดงแล้วยิ้มออกมาทันที
“ได้ๆ”
เหรียญทองแดงเป็นหลักฐานการทำงานให้กับหอคอยโยวหลิง วิญญาณที่มีเหรียญทองแดงจะได้รับสิทธิเข้าฝึกในหอคอยโยวหลิงก่อน แต่เหรียญทองแดงมีอายุแค่ 7 วันเท่านั้น แม้ว่ามันจะให้เข้าได้เลยโดยไม่ต้องรอ แต่มันก็มีเวลาจำกัด ชายสองคนนั้นลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นเหรียญทองแดงพวกเขาก็มีเหตุผลสมควรที่จะยอมให้จวินอู๋เสียเข้าไป ด้วยวิธีนี้ พวกเขาไม่เพียงจะได้ความชื่นชอบจากสาวงาม แต่ยังไม่ต้องฝ่าฝืนกฎอีกด้วย ยามทั้งสองจึงยินดีที่จะทำ
เมื่อมีเหรียญทองแดงเป็นใบผ่านทาง ยามทั้งสองจึงยิ่งกว่ายินดีที่จะเปิดประตูให้กับจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียเดินตรงเข้าไปในหอคอยโยวหลิง เหรียญทองแดงมีการใช้งานที่เฉพาะเจาะจง สิทธิพิเศษของเหรียญใช้ได้แค่หอคอยโยวหลิงที่พวกเขาลงแรงก่อสร้างขึ้นมาเท่านั้น เหรียญทองแดงของจวินอู๋เสียมีตัวอักษร “สี่” จารึกไว้อย่างชัดเจน แต่เนื่องจากชายทั้งสองมัวแต่หลงใหลในความงามของจวินอู๋เสีย จึงไม่ได้มองเหรียญให้ดีๆ ทำให้จวินอู๋เสียได้ผลประโยชน์ไป
นี่เป็นครั้งแรกที่จวินอู๋เสียได้ประโยชน์จากความงามของตน นางไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี นางไม่เคยสนใจเรื่องรูปร่างหน้าตามากนัก แต่มันกลับมีประโยชน์ในวันนี้.novel-lucky.
ในหอคอยโยวหลิงยังคงหนาแน่นด้วยวิญญาณมนุษย์เหมือนกับตอนที่จวินอู๋เสียมาเมื่อครั้งก่อนทุกประการ วิญญาณมนุษย์มีจำนวนมากที่สุดในชั้นที่ 1 – 5 ของหอคอยโยวหลิง ยิ่งเดินสูงขึ้นไป คนก็ยิ่งน้อยลง
คนที่สามารถไปถึงชั้นที่สิบสองได้มีเพียงศิษย์สองคนของอูจิ่ว และเนื่องจากการจับกุมครูวิญญาณ เจียงอวิ๋นหลงและศิษย์อีกคนจึงไม่ได้ฝึกอยู่ที่นี่ตอนนี้ แต่กำลังยุ่งอยู่ข้างนอก ดังนั้น เมื่อจวินอู๋เสียขึ้นไปถึงชั้นสิบสอง ทั้งชั้นจึงว่างเปล่า มีเพียงลูกไฟวิญญาณดวงมหึมาลอยอยู่กลางอากาศ กินพื้นที่เกือบสองในสามของชั้นที่สิบสองทั้งหมด
จวินอู๋เสียเดินไปรอบๆเพื่อตรวจสอบสถานที่ มีวิญญาณมนุษย์อยู่ที่ชั้นสิบเอ็ดแค่คนเดียวเท่านั้น เนื่องจากยิ่งชั้นสูงขึ้น วิญญาณมนุษย์ที่สามารถทนได้ก็ยิ่งน้อยลง และตอนที่พวกเขาหมกมุ่นอยู่กับการฝึก ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะสังเกตเห็นว่ามีใครผ่านชั้นที่พวกเขาอยู่ ดังนั้นจึงไม่มีใครเห็นจวินอู๋เสียเดินตรงขึ้นไปที่ชั้นสิบสองเลยสักคน
หลังจากแน่ใจว่าจะไม่มีใครปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน จวินอู๋เสียก็หยิบเอาเหล็กหมาดที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อออกมา นางมองวงอักขระเสริมวิญญาณใต้ลูกไฟวิญญาณอย่างสงบ ขณะที่นึกทบทวนลำดับอักขระที่นางได้ตรวจสอบมานับครั้งไม่ถ้วน จากนั้นก็เดินเข้าไปและหมอบลงข้างๆไฟวิญญาณพร้อมกับใช้เหล็กหมาดในมือแก้ไขวงอักขระเสริมวิญญาณ
เสียงแกะสลักเบาๆดังขึ้นในชั้นสิบสองของหอคอยโยวหลิง เสียงนั้นเบามาก ถ้าไม่ได้อยู่ที่ชั้นเดียวกันก็ไม่มีทางได้ยิน หลังจากทำงานหนักอยู่สามชั่วโมงเต็ม ในที่สุดจวินอู๋เสียก็ปรับเปลี่ยนวงอักขระเสริมวิญญาณใต้ไฟวิญญาณให้เป็นไปตามที่นางตั้งใจได้สำเร็จ นางแก้ไขแค่ส่วนเล็กๆเท่านั้น ภายใต้ไฟวิญญาณขนาดมหึมาเช่นนี้ จะไม่มีใครสังเกตเห็นว่าอักขระได้ถูกเปลี่ยนไปแล้ว เว้นแต่อูจิ่วจะเข้ามาตรวจสอบด้วยตัวเอง นอกนั้นจวินอู๋เสียมั่นใจว่าไม่มีใครสังเกตเห็นแน่
หลังจากการตรวจสอบขั้นสุดท้ายว่าได้พลาดอะไรไปหรือไม่ ในที่สุดจวินอู๋เสียก็แน่ใจว่านางแก้ไขมันอย่างสมบูรณ์แล้ว นางเก็บเหล็กหมาดแล้วเดินลงจากชั้นสิบสองไป
พอก้าวลงมาถึงชั้นเก้า วิญญาณมนุษย์ที่เดินตรงเข้ามาก็ทำให้แววตาของจวินอู๋เสียเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางลดสายตาลงต่ำและทำราวกับว่าไม่ได้สังเกตเห็นอะไรทั้งสิ้น จากนั้นก็เดินผ่านวิญญาณมนุษย์คนนั้นไป และเดินลงไปข้างล่างอย่างช้าๆ