ผมเคยอยู่ที่นี่มาก่อน
เผชิญหน้ากับการสอบถามจากชายหน้ายิ้ม หมอดูใจเย็นอย่างน่าประหลาดใจเหมือนเขาคิดถึงคำถามนี้เอาไว้ก่อนแล้ว เขาขยับไปยืนอยู่ด้านหลังเฉินเกอและดึงผ้าพันคอมาปิดใบหน้าของตัวเองมากขึ้น “เพื่อนผมบอกข่าวเรื่องคุณกับผม”
“อย่างนั้นเพื่อนของแกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?” หลังจากความลับของเขาถูกเปิดเผยออกมา รอยยิ้มบนใบหน้าของชายหน้ายิ้มก็ยิ่งคลี่ขยายเป็นดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิ ทั้งน้ำเสียงและท่าทางของเขาต่างไปจากก่อนหน้า มันเหมือนว่าชายคนนี้นั้นรู้สึกยินดีอย่างแท้จริงก็ตอนที่ลงมือฆ่า
“แกฆ่าคนแค่บนรถ ตอนนั้น เพื่อนของฉันอยู่ด้านนอกรถ และเขาเห็นทุกอย่าง”
“อย่างนั้นเหรอ? งั้น เพื่อนคนนั้นอยู่ที่ไหนแล้วล่ะตอนนี้?”
“เขาตายแล้ว เขาไม่เคยกลับออกมาอีกเลยหลังจากเข้าไปในอพาร์ทเม้นท์ผีนั่น” ตอนที่เขาได้ยินว่าเพื่อนของหมอนั้นตายแล้ว ก็เหมือนสีหน้าของชายหน้ายิ้มจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย มันเหมือนความเสียดาย
“งั้นตอนนั้นฉันก็คงพลาดปล่อยให้มีผู้รู้เห็นเหตุการณ์ แต่นั่นก็ไม่สำคัญ นั่นก็แค่เตือนฉันว่าให้ระวังมากขึ้นครั้งหน้า” ชายหน้ายิ้มเลิกซ่อนจิตสังหารของตน เขาเดินออกมาที่ทางเดิน เส้นสีดำเริ่มปรากฏขึ้นบนผิวของเขา– มันดูเหมือนหลอดเลือดสีดำ
“นี่เป็นคนหรือผีเนี่ย?” ชายวัยกลางคนรู้ว่าอย่างไรเขาก็ไม่ใช่คู่มือของชายหน้ายิ้ม เขาทิ้งภรรยาและลูกชายของตัวเองโดยไม่คิดสักวินาทีวิ่งไปที่ประตูหน้าและเตรียมจะหนีไป
“ใจเย็นลงก่อน ต่อให้คุณฆ่าพวกเรา คุณก็หนีไม่ได้ อย่างที่หมอพูด เป้าหมายแท้จริงของผู้บงการเบื้องหลังก็คือคุณ และพวกเราก็เป็นผู้เสียหายร่วมแล้ว” เฉินเกอยืนบังหมอเอาไว้ “พวกเราอยู่บนเรือลำเดียวกันแล้ว ถ้าพวกเราสู้กันเอง ก็มีแต่จะเป็นประโยชน์กับผู้บงการเบื้องหลัง มันจะไม่ดีกว่าเหรอถ้าพวกเราจะร่วมมือกันรับมือกับสิ่งที่กำลังจะมา?”
ปลายนิ้วของเขานั้นจับกระเป๋าเอาไว้ ฝ่ามือของเฉินเกอชุ่มไปด้วยเหงื่อ ซู่อินเตือนเขาก่อนหน้านี้แล้วว่าชายหน้ายิ้มนั้นอันตรายมาก ตอนที่หมอพูดขึ้นมาก่อนหน้านี้ ชายคนนั้นไม่ชอบใจนัก แต่ว่าพอเฉินเกอพูดขึ้น เขาก็ลังเลแต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้น
“แกพูดมีเหตุผล แต่ทำไมฉันต้องทำตามคำสั่งของแกด้วย?” เส้นสีดำใต้ผิวของชายคนนั้นเชื่อมเข้าด้วยกันเกิดเป็นสิ่งที่ดูคล้ายตาข่าย มันเหมือนว่าตาข่ายนั่นกำลังจะฉีกเนื้อหนังเขาออกมา สำหรับคนธรรมดาแล้วนี่ย่อมเป็นความเจ็บปวดอันเกินทนทาน แต่ว่าชายหน้ายิ้มกลับไม่แสดงท่าทางเจ็บปวดเลยสักนิด เขากำลังยิ้มกว้างด้วยซ้ำ
เขาดูจะคุ้นเคยกับความเจ็บปวดนี้ มือของเขายกขึ้นไปทางมุมปาก เขาดึงผิวหนังของเขา การดึงผิวออกไปเช่นนั้นคือการฉีกทึ้งการปลอมแปลงของเขาออก สันหลังของเขายาวขึ้น และคอที่ยาวอย่างผิดธรรมชาติอยู่แล้วก็เหยียดยาวออกไปอีก
“บางทีคุณอาจจะคิดว่ามันง่ายมากที่จะฆ่าพวกเราทั้งหมด แต่อย่าลืม ยังมีรองเท้าส้นสูงสีแดงคู่หนึ่งอยู่บนรถด้วย และเจ้าของรองเท้าคู่นั้นก็อาจจะกำลังตามติดอยู่กับผู้โดยสารสักคน ผมเชื่อว่าคุณสามารถฆ่าพวกเราทั้งหมดได้ แต่นั่นจะมีประโยชน์อะไรกับคุณล่ะ?” การพูดถึงรองเท้าส้นสูงสีแดงทำให้ชายหน้ายิ้มชะงัก และมือของเขาที่ดึงแก้มตัวเองอยู่ก็ลดต่ำลง
“พวกเราไม่ใช่ศัตรูกัน ครั้งหนึ่งคุณเคยสังหารคนทั้งคันรถและนั่นก็ทำให้คุณเป็นศัตรูกับผู้บงการเบื้องหลัง แต่ว่านั่นเกี่ยวอะไรกับพวกเราที่เหลือล่ะ? ผู้บงการคนนั้นลากพวกเรามาเพื่อจัดการกับคุณ ดังนั้นมองจากมุมหนึ่ง พวกเราล้วนเป็นฝ่ายเดียวกันเพราะว่ามีศัตรูคนเดียวกัน!” เฉินเกอชี้ไปที่หมอกสีเลือดด้านนอกหน้าต่าง “ถนนที่พวกเราผ่านมานั้นหายไปแล้ว พวกเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกนี้เลย และไม่มีใครบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คุณยังมั่นใจเหรอว่าจะสามารถหนีไปจากที่นี่ได้ด้วยตัวคนเดียว?”
เลือดในหมอกนั้นติดอยู่บนหน้าต่างรถ และรถเก่า ๆ ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงไปโดยสมบูรณ์
“มีเวลาให้คิดไม่มากแล้ว ถ้าคุณยินดี พวกเราก็ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าคุณไม่ อย่างนั้นพวกเราก็สู้กัน พวกเราอาจจะไม่สามารถฆ่าคุณได้ แต่ก่อนที่พวกเราจะตาย ผมแน่ใจว่าพวกเราต้องทำให้คุณบาดเจ็บได้บ้างแหละ” เฉินเกอรู้สึกได้ถึงด้ามค้อนผ่านเนื้อผ้าของกระเป๋า เขาไม่รู้ว่าชายหน้ายิ้มจะให้ความร่วมมือหรือไม่ และเขาต้องเตรียมการสำหรับทุกความเป็นไปได้
ไม่มีใครพูดอะไร เมื่อความเงียบครอบคลุมลงมา ชายหน้ายิ้มก็ดูเหมือนจะชั่งน้ำหนักอยู่ในใจ ตอนที่ความตึงเครียดเพิ่มสูง จู่ ๆ ก็มีเสียงตุบดังมาจากที่กลางรถ
“บ้าชะมัด? นี่ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย?” ขี้เมากลิ้งตกลงมาจากที่นั่งและฟุบอยู่กับพื้น เขาเหลือบมองไปนอกหน้าต่าง และเมื่อเห็นหมอกเลือดหนาหนักปกคลุมไปทั่ว เขาก็ตื่นทันที
ขี้เมาที่ตื่นขึ้นมาทำให้บรรยากาศในรถลดความตึงเครียดลง เส้นสีดำใต้ผิวของชายหน้ายิ้มหายไปช้า ๆ และร่างกายของเขาก็กลับเป็นปกติ เหมือนทุกอย่างก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น และชายหน้ายิ้มก็กลับไปยังที่นั่งของตัวเอง
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” ขี้เมาหยิกแก้มตัวเอง “ฉันแค่หลับไปตื่นเดียว และพวกคุณก็พาผมมาที่ไหนไม่รู้? แล้วคนขับรถไปไหนล่ะ?”
“คนขับรถทิ้งรถไปแล้ว พวกเราเองก็ไม่รู้ว่าพวกเราอยู่ที่ไหน แต่อย่างหนึ่งที่แน่ใจได้ ที่นี่อันตรายมาก” เฉินเกอถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นชายหน้ายิ้มกลับไปที่นั่งตัวเอง การที่พวกเขาไม่ต้องใช้ความรุนแรงนับเป็นข่าวดีของเฉินเกอเพราะอย่างไรเสีย เขาก็ยังคิดจะขอยืมพลังของชายหน้ายิ้มรับมือกับเงานั่น
“คนขับทิ้งรถไปแล้ว? เดี๋ยวนะ นี่มันงงไปหมดแล้ว ให้เวลาผมเรียบเรียงความคิดก่อน” ชายขี้เมานับนิ้ว “แรกเลย ผมดื่มมากไปสักหน่อย จากนั้นผมก็มารอรถเมล์อยู่ที่ป้าย ผมดูเหมือนจะเผลอหลับไปบนรถ นั่นไม่มีอะไรผิดปกติเสียหน่อย!” กลิ่นเหล้ายังอวลอยู่รอบตัวขี้เมา เขาพูดด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก และเขาก็พูดไม่ชัดนัก ”แล้วก็ ทำไมคนขับรถถึงทิ้งรถไปล่ะ? พวกเราไม่ได้ถูกปล้นใช่ไหม? ทำไมคุณไม่ปลุกผมขึ้นมาถ้าเกิดเรื่องขึ้นแบบนี้?”
ถ้ามีใครกล้าปล้นรถของเฉินเกอ อย่างนั้นพวกเขาก็น่าจะเป็นพวกโง่ที่โชคดีที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่แล้ว
“ไม่ได้เกิดอะไรอย่างนั้นหรอก แต่ว่าสถานการณ์ของพวกเราตอนนี้น่ะอันตรายกว่าถูกปล้นเป็นสิบเท่า” เฉินเกอไม่สนใจขี้เมาเพราะว่าเขาเป็นแค่คนธรรมดา “น่าจะมีฆาตกรบ้าคลั่งซ่อนตัวอยู่ในหมอกเลือด ถ้าคุณตกลงไปอยู่ในมือของพวกมันตอนที่อยู่คนเดียว คุณคงจะจบลงด้วยการถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ”
“ฆาตกร? หั่นเป็นชิ้น ๆ? มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย? ผมจะเรียกตำรวจ!” ขี้เมาดึงโทรศัพท์ออกมา แต่ว่าไม่มีสัญญาณตั้งแต่พวกเขาเข้ามาในหมอก
“หมอกนี่ขัดขวางสัญญาณทั้งหมด คุณเก็บแรงเอาไว้เถอะ ถ้าพวกเราหนีออกจากหมอกนี่ไม่ได้ พวกเราก็จะตายอยู่ที่นี่ทั้งหมด” เฉินเกอปลอบขี้เมาแล้วหันไปหาคนอื่น ๆ “รถคันนี้ดึงดูดความสนใจและยังติดอยู่กลางถนน ผมคิดว่าพวกเราน่าจะหาที่ซ่อนก่อนและคอยดูรอบ ๆ ตัวก่อนที่จะตัดสินใจอย่างอื่นต่อไป”
“ผมเห็นด้วย” หมอเป็นคนแรกที่ตกลง และผู้โดยสารคนอื่น ๆ ก็ทำตามในไม่ช้า
“เอาละ อย่างนั้นพวกเราก็ควรจะลงจากรถ อยู่ที่นี่รังแต่จะทำให้พวกเราเป็นเป้าง่ายขึ้น” เฉินเกอคว้ากระเป๋าและกระเป๋าที่เจ้าแมวขาวอยู่แล้วลงจากรถเมล์เที่ยวสุดท้ายสาย 104 ไปเป็นคนแรก
เขาใช้ดวงตาหยินหยางกวาดมองตึกรอบ ๆ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป “ฉันเคยเห็นตึกนี้ในเกมของเสี่ยวปู้มาก่อน!”
ตอนนั้น เพื่อหาจุดเซฟจุดแรก เฉินเกอวิ่งไปตามถนนในเกมนับครั้งไม่ถ้วน
“เกมสะท้อนชีวิตจริง นี่น่าจะเป็นข้อได้เปรียบมาก ๆ ของฉันแล้ว” มีแผนที่ของเมืองอยู่ในความทรงจำ การรบกวนของหมอกสีเลือดที่มีต่อเฉินเกอนั้นลดลงไปอยู่ในระดับต่ำสุด