TQF:บทที่ 688 มองออกทะลุปรุโปร่ง (3)

 

เมื่อได้โคลงบทล่าง 2 ฉบับนี้ไป หวงฝู่เส้าจวินก็วิ่งออกไปด้วยความปิติอย่างยิ่ง หลังจากนั้นก็เป็นพวกคนแก่คนเฒ่าที่มาหาถึงบ้านตระกูลฟาง

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวรู้ดีอยู่ในใจว่าตัวเองมีความสามารถเท่าไหร่ จะมาแข่งเรื่องความรู้ความสามารถกับคนพวกนี้นั้น นางไม่มีอะไรจะสู้มากเท่าไหร่ จึงปฏิเสธไปครั้งแล้วครั้งเล่า หาข้ออ้างต่างๆนาๆมาบอกพวกเขา แต่ก็ยังกีดกันตาเฒ่าพวกนี้ไม่ได้

 

ดังนั้น วันนี้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวจึงวางกลอุบายประตูมังกรไว้ พวกเจ้าอยากจะเล่น ก็จะเล่นด้วยให้พอเลย

 

1 ก้านธูปผ่านไป 2 ก้านธูปผ่านไป

 

แต่ละคนส่ายหัวไปมาด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน แต่ไม่มีใครต่อโคลงบทล่างได้

 

เมื่อไม่มีใครต่อได้ ตาเฒ่าเคราขาว 1 ในนั้นจึงบอกกับคนในศาลา “แม่นางเฉิง มีโคลงบทล่างรึเปล่า”

 

“ตาเฒ่า เจ้าบ้ารึเปล่า ถ้าไม่มีโคลงบทล่างแล้วคุณหนูของข้าจะออกโคลงบทบนให้พวกเจ้าทำไม” หยูเฮงน้อยตอกหน้าเขาอย่างไม่เกรงใจ

 

ตาเฒ่าเคราขาวยิ้มเจื่อนๆแล้วมองไปรอบตัวอีกครั้ง ไม่ว่าจะคนแก่หรือคนหนุ่มก็ยังไม่มีใครต่อได้ จึงประสานมือขึ้นอีกครั้ง “แม่นางเฉิง โปรดต่อโคลงบทล่างด้วย”

 

“มิกล้า…”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยืนขึ้น ย่อตัวนิดๆและบอกกับพวกตาแก่ “วันนี้ข้าจะออกโคลงบท 2 บรรทัดให้พวกท่านต่อ ถ้ามีโคลงบทมากกว่า 3 โคลงที่ไม่มีใครต่อได้ หลังจากนี้ห้ามมาเล่นต่อโคลงกับข้าอีก เป็นยังไง”

 

“เรื่องนั้น…” ตาเฒ่าเคราขาวดูออกว่าเฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ได้พูดเล่น จึงพยักหน้าอย่างทำอะไรไม่ได้ “พวกเรารับปากได้ไม่มีปัญหา แต่โคลงบทที่แม่นางเฉิงออกให้ต้องไม่ต่ำกว่า 10 โคลง เป็นยังไง”

 

10 โคลง?

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวคิดดูแล้วยังต้องใช้อีก 9 โคลงจึงพยักหน้า “ไม่มีปัญหา ข้าจะออกอีก 9 โคลงบทให้พวกท่าน กำหนดให้ต่อโคลงบาทล่างมาให้ได้ใน 1 ชั่วยาม ถ้าโคลงบทล่างของพวกท่านไม่ดีเท่าของข้าถือว่าพวกท่านแพ้เป็นไง”

 

“ได้ ไม่มีปัญหา”

 

“พวกเรารับปาก”

 

“หวังว่าคุณหนูเฉิงจะออกโคลงบทบนที่น่าสนุกมาให้”

 

……

 

ทุกคนต่างรับปาก เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มนิดๆแล้วเดินไปที่โต๊ะตัวเล็กอีกด้านยกพู่กันขึ้นเขียน ‘มองมนุษย์ มองสิ่งของ มองนภา มองพสุธา มองไปมองมามองผู้อื่นมีสูงมีต่ำ’

 

เพิ่งเขียนเสร็จหยูเฮงน้อยก็เอาไปแขวนไว้หน้าศาลา

 

ทันใดนั้นโคลงบท 2 บรรทัดอันเยี่ยมยอดก็ปรากฏสู้สายตาของทุกคน แต่ละคนพากันอ่านเสียงดังและปรบมือชื่นชม

 

คู่ชายหญิงที่ยืนอยู่ไม่ไกล หวงฝู่มั่วเฉินและฟางซูหยุนมองมาทางนี้ พอได้เห็นโคลงบทนั้นหวงฝู่มั่วเฉินก็เม้มปากยิ้มบางๆ “ไม่รู้ว่ายัยหนูเสี่ยวเสี่ยวนี่เป็นปีศาจอะไรรึเปล่า ไม่ว่าจะด้านไหนก็โดดเด่นได้ขนาดนี้ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง หญิงสาวผู้มากความสามารถอะไรนั้นน่ะ ข้าว่ามีแต่เสี่ยวเสี่ยวที่คู่ควรกับตำแหน่งหญิงสาวอันดับหนึ่ง

 

“เจ้าสิเป็นปีศาจ ห้ามว่าเสี่ยวเสี่ยวของข้าแบบนี้นะ” ฟางซูหยุนเง้างอนอย่างไม่พอใจ ที่มุมปากมีรอยยิ้มเช่นเดียวกัน

 

หวงฝู่มั่วเฉินหัวเราะ “ข้าไม่ได้ว่านางนะ ข้าชม ข้าหาคำอื่นมาบรรยายยัยหนูที่ทำได้ทุกอย่างแบบนี้แล้ว จึงต้องให้นางเป็นปีศาจไป”

 

“ก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นอย่างที่เจ้าพูด เสี่ยวเสี่ยวของข้าก็มีเรื่องที่ทำไม่เป็น”

 

ฟางซูหยุนยิ้มอ่อนโยน “เสี่ยวเสี่ยวเก่งกาจหลายด้านมาก มีแค่ด้านเย็บปักถักร้อยที่นางทำไม่ได้ และไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้เลย ถ้าจะให้นางเย็บปักถักร้อย นอกจากนิ้วมือที่ต้องเจอกับหายนะแล้ว ของที่เย็บออกมาก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร”

 

“เหอะๆๆ หมายความว่าเสี่ยวเสี่ยวทำงานเย็บปักถักร้อยไม่เป็นรึ ตลกดีนะ ไม่คิดว่าในที่สุดก็มีสิ่งที่นางทำไม่เป็น”

 

หวงฝู่มั่วเฉินหัวเราะเบาๆ เขาแปลกใจอยู่บ้างกับเรื่องนี้ มีหญิงสาวน้อยคนนักที่ไม่เป็นเรื่องเย็บปักถักร้อย โดยเฉพาะหญิงสาวผู้เพียบพร้อมอย่างเฉิงเสี่ยวเสี่ยว ต้องถนัดเรื่องพวกนี้กว่าอื่นใด

 

“จริงสิ เรื่องที่ข้าบอกเจ้าครั้งที่แล้วเจ้าให้คนไปช่วยรึยัง” ฟางซูหยุนนึกอะไรขึ้นได้ชำเลืองมองคนข้างๆ ในแววตามีความรักใคร่ที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว

 

หวงฝู่มั่วเฉินหุบยิ้มลง “ซูหยุน เจ้ารู้มั้ยว่าการตามหาใครสักคนในผืนดินฉางไห่มันยากแค่ไหน แม้ว่าข้าจะสั่งลงไปแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ข่าวคราว ต้องผ่านไปอีกสักพักจึงจะรู้ ชายหนุ่มที่พวกเจ้าตามหาเป็น….”

 

ทั้งคู่คุยกันเงียบๆตรงนี้ อีกด้านเฉิงเสี่ยวเสี่ยวลงมือเขียนอย่างช่ำชอง โคลงบทบนถูกเขียนออกมาเรื่อยๆ

 

‘น้ำทะเลขึ้นลงในทุกๆวัน เมฆฟ้าขึ้นลงไปอีกยาวนาน’

 

‘เย็นบนเย็นล่าง มาผ่านตอนเย็นในตอนเย็น”

 

…..

 

‘การศึกษาเหมือนต้นอ่อนที่เพิ่งขึ้น ไม่เห็นว่าโต แต่โตขึ้นทุกวัน’

 

‘ขึ้นตึกสูงผู้เดียว อยากพูดแต่ไม่อยากพูด ชวนลมมาเมาด้วยกัน เกลียดความทุกข์ของการจากลา พระจันทร์และดวงดาวต้องหลั่งน้ำตา เศร้ากับคนที่ผอมลงเรื่อยๆ”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเขียนโคลงบทบน 9 โคลงออกมาในพริบตาเดียวและโยนให้ทุกคน ส่วนตัวนางวางพู่กันลงและหายตัวไป

 

น่าเบื่อ

 

ถึงอย่างไรของพวกนี้ก็ไม่ใช่อะไรที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวโปรดปราน

 

เชื่อว่าหลังจากการกลั่นแกล้งในครั้งนี้ตาแก่พวกนี้ไม่น่าจะมาวุ่นวายกับตัวเอง

 

เมื่อเห็นนางไปแล้วหวงฝู่เส้าจวินที่คอยมองอยู่ก็เริ่มรู้สึกผิด เขาไม่ควรสร้างปัญหาให้นางปวดหัวรึเปล่า

 

ในหมู่พวกเขา หวงฝู่หยีมั่วไม่สนใจพวกบทกลอนโคลงกวีที่สุด เขาจึงออกไปตามเฉิงเสี่ยวเสี่ยว

 

ไม่นานนักเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็รู้ว่าเขาตามมา แต่ไม่ได้ปฏิเสธการร่วมทางกับเขา

 

“จะไปไหนเหรอ” หวงฝู่หยีมั่วถาม

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเดินออกจากบ้านตระกูลฟางไปพลางพูด “เดินไปเรื่อยๆ ไม่ได้จะไปไหน”

 

“ไม่ได้ บอกมาเถอะอยากไปไหน วันนี้แม่ทัพผู้นี้จะขออยู่เป็นเพื่อนแม่นางเอง” หวงฝู่หยีมั่วแกล้งแซวขำๆ

 

 

 

 

————————–