TQF:บทที่ 689  การเสนอข้อตกลง  (1)

 

 

“ไม่ต้องหรอก เจ้าไม่มาอยู่เป็นเพื่อนก็ไม่เป็นไร” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวตอบและเดินหน้าต่อ

 

หวงฝู่หยีมั่วไม่ใส่ใจกับท่าทางเฉยชาและไม่แยแสของนาง ยังคงตามติด “เห็นเจ้าอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่ เดี๋ยวข้าไปดื่มเป็นเพื่อนเป็นไง”

 

“เดี๋ยวค่อยว่ากัน”

 

“เจ้าอยากจะไปไหนล่ะ”

 

“เจ้านี่พูดมากจัง”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพาเขาเดินสะเปะสะปะไปทั่วชิงยางราวกับไม่มีจุดหมายเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็ไม่ได้หยุดลงเลย

 

แม้หวงฝู่หยีมั่วจะไม่รู้ว่าหมายความว่ายังไงแต่ก็ยังคงเดินเป็นเพื่อนนางไปทุกหนแห่ง

 

การเดินของทั้งคู่เหมือนว่าจะค่อยๆเดินเล่นไปเรื่อยๆ แต่แท้จริงแล้วไม่ได้เดินช้ากันเลย เพิ่งจะมาปรากฏตัวอยู่ที่ถนนสายหนึ่ง พริบตาเดียวก็ไปอยู่บนถนนอีกสายหนึ่ง และไปอยู่ที่ปลายถนนอีก

 

โชคดีที่ทั้งคู่ไม่ได้เป็นที่สังเกตเท่าไหร่ เนื่องจากคนในชิงยางคับคั่ง โดยเฉพาะผู้ฝึกฝนวิทยายุทธไร้สำนักและทหารรับจ้างที่อยู่เต็มไปหมด จึงไม่มีใครสนใจความผิดปกติของทั้ง 2

 

เดินจากเขตตะวันออกไปยังเขตตะวันตก แล้วเดินจากเขตเหนือไปเขตใต้ ด้วยความเร็วของทั้งคู่พวกเขาใช้เวลาเพียงครึ่งวันก็เดินครบไปครึ่งค่อนชิงยาง เมื่อเห็นว่าเป็นเวลากลางคืนแล้ว หวงฝู่หยีมั่วจึงมองนางและถาม “เป็นไง จะเดินต่ออีกรึเปล่า ข้าอยู่เป็นเพื่อนเจ้าต่อได้”

 

“ไม่ต้องหรอก”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวส่ายหัว เดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมหนึ่งเพื่อพักผ่อน

 

ทั้ง 2 คนเดินตามๆกันเข้ามา ทอดสายตาไปก็เห็นมีคนมากินข้าวอยู่เต็มโรงอาหารไปหมด พวกเสี่ยวเอ้อวุ่นกันจนหัวหมุน ผู้จัดการร้ายใช้ลูกคิดได้อย่างเสียงดังฟังชัด

 

การปรากฏตัวของทั้งคู่เป็นที่สนใจของผู้จัดการร้านทันที หลังจากที่เงยหน้าขึ้นไปจากเดิมที่ไม่อยากสนใจหน้าเขาก็นิ่งอึ้งไปทันที ราวกับไม่อยากจะเชื่อว่าแม่ทัพอ๋องจะมาปรากฏตัวที่นี่

 

เหมือนว่าคนทั้งชิงยางจะรู้จักแม่ทัพอ๋อง เพียงแต่เขตนี้ไม่ใช่เขตที่อยู่ใกล้ตำหนักขององค์ชายต่างๆ คนสำคัญของราชวงศ์จึงไม่ค่อยปรากฏตัวอยู่แถวนี้เท่าไหร่

 

ตอนที่เขาเห็นการมาของแม่ทัพอ๋องก็นึกว่าตัวเองตาฝาด แต่เมื่อคนตรงหน้าเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆเขาก็รู้ได้ว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด แม่ทัพอ๋องมาอยู่ที่นี่แล้วจริงๆ

 

ผู้จัดการร้านไม่กล้าเสียมารยาท รีบเชิญทั้ง 2 ท่านไปทานข้าวในห้องส่วนด้วยท่าทางอ่อนน้อมอย่างที่สุด

 

ส่วนแขกคนอื่นที่ได้เจอคนในราชวงศ์ไม่ได้แตกตื่นกันนัก ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือชิงยาง การได้เจอคนใหญ่คนโตก็เป็นเรื่องปกติ

 

ทุกคนแค่อึ้งไปชั่วขณะ แต่ก็ไม่ได้เก็บเรื่องที่แม่ทัพอ๋องปรากฏตัวมาใส่ใจ ยังคงทำหน้าที่ตัวเองกันต่อไป

 

อาหารอันโอชะ 4 อย่างบวกกับเหล้าวิเศษ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคนตรงหน้า นางจิบเหล้าวิเศษขณะที่เขาจ้องเขม็งมาที่นาง สายตาคมกริบนั่นราวกับจะมองทะลุถึงวิญญาณของนาง

 

เพียงแต่เขายังไม่มีความสามารถขนาดนั้น ยิ่งกับเฉิงเสี่ยวเสี่ยวด้วยแล้วพลังแค่นี้ก็แค่เด็กๆเท่านั้น ไม่ว่าเขาจะจ้องยังไงนางก็ถือว่าเป็นธาตุอากาศ เมินจนถึงที่สุด

 

สุดท้ายหวงฝู่หยีมั่วจึงต้องเก็บสายตาคาดคั้นของตัวเองไปและกลับกลายมาเป็นแววตาเรียบเฉยปกติ “แม่นางเฉิง ไม่ทราบว่าที่เดินเล่นมาทั้งวันนี้ได้อะไรรึเปล่า”

 

“ได้สิ ต้องได้อยู่แล้ว ทำไมล่ะ พระโอรสไม่ได้อะไรรึ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวดื่มเหล้าในแก้วจนหมด และวางแก้วลงพลางเทเหล้าต่อในขณะที่ถามไปด้วย

 

“แม่นางเฉิงได้ ข้าเองก็ย่อมได้” หวงฝู่หยีมั่วมองนางและถามยิ้มๆ “ไม่ทราบว่าแม่นางเฉิงรู้จักตึกจงหยวนของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนมั้ย”

 

“รู้สิ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเหลือบมองเขาและตอบเรียบๆ

 

“ถ้าอย่างนั้นแม่นางเฉิงพอจะเดาที่มาที่ไปของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนออกรึเปล่า”

 

“รู้แล้วจะทำไม ไม่รู้แล้วจะทำไม มันเกี่ยวอะไรกับเจ้ากับข้ารึ”

 

“หืม ไม่เกี่ยวรึ”

 

หวงฝู่หยีมั่วเผยรอยยิ้มบางๆกับคนที่เลิกคิ้ว สายตาที่มองนางอยู่คมกริบขึ้น “ไม่ทราบว่าแม่นางเฉิงสนใจจะเป็นมเหสีของข้ารึเปล่า”

 

“หืม…”

 

มือของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่ยกแก้วอยู่ชะงักไป มองเขาด้วยความนิ่งเฉย “พระโอรสพูดเป็นเล่นไป”

 

“ข้าไม่ได้พูดเล่น เชื่อว่าคนที่ยอมให้ตำแหน่งมเหสีไม่ใช่แค่ข้าคนเดียว เพียงแต่แม่นางเฉิงสนใจรึเปล่า”

 

หวงฝู่หยีมั่วเม้มปากยิ้มอ่อน มองสาวงามตรงหน้าอย่างสนอกสนใจ “เจ้าก็ไม่เลว ข้าชอบ ถือเป็นครอบครัวเดียวกันละก็ พวกเราจะสามารถครอบครองสิ่งที่ตัวเองชอบได้ในชิงยาง แม่นางเฉิงไม่สนใจรึ”

 

“ไม่”

 

ริมฝีปากแดงระเรื่อของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเอ่ยเพียง 2 คำแล้วก็ยกแก้วดื่มจนหมด “ข้าจะแต่งงานกับคนที่ข้ารักและรักข้าเท่านั้น ข้าไม่มีทางเอาตัวเองไปแลกเปลี่ยนกับคนอื่นเด็ดขาด ไม่ใช่แค่ไม่สนใจ แต่รังเกียจ ถ้าชีวิตนี้เอาแต่ทำการแลกเปลี่ยนแล้วจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไรกัน”

 

“เจ้า….”

 

หวงฝู่หยีมั่วดึงหน้าลงเป็นครั้งแรกต่อหน้าเฉิงเสี่ยวเสี่ยว สายตาคมประดุจดาบราวกับจะลบล้างนางจากใต้หล้านี้ไป

 

เพียงแต่สายตาของเขาก็ยังไม่มีอิทธพลใดๆกับเฉิงเสี่ยวเสี่ยวอยู่ดี มุมปากของนางคลี่ยิ้มออก “สิ่งที่พวกเจ้าต้องการคืออำนาจ ข้าจำได้ว่ามีคนเคยบอกข้าว่าผู้ชายต้องการเอาชนะโลกเพื่อเอาชนะหญิงสาว แต่หญิงสาวแค่เอาชนะผู้ชายก็สามารถเอาชนะโลกได้แล้ว เจ้าว่าประโยคนี้สมเหตุสมผลมั้ย”

 

“แม่นางเฉิง….”

 

หวงฝู่หยีมั่วขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “พวกเราร่วมมือกันได้ ขอแค่เจ้าช่วยข้าต่อกรกับคนของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุน เรื่องอื่นเราคุยกันได้หมด ต่อให้ต้องแบ่งประเทศนี้กันก็ย่อมได้”

 

“เหอะๆๆ….”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวหัวเราะเบาๆเมื่อได้ฟัง บังอาจมีคนมาชวนตัวเองต่อกรกับกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุน นางรู้สึกประหลาดใจจึงถามขึ้น “จะต่อกรกับกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนอย่างไรล่ะ”

 

“เป็นกำลังให้กับข้า เจ้าแค่ต้องสั่งสัตว์อมตะให้ไปสู้กับพวกเขาก็พอ ส่วนข้อแม้อย่างอื่นเจ้าเรียกร้องได้เลย” หวงฝู่หยีมั่วยิ้มออกอีกครั้ง

 

“หืม แบบนี้นี่เอง”

 

ไม่รับปากและไม่ปฏิเสธ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวอมยิ้มและถามขึ้นอีก “พระโอรส ท่านต้องการทหารรับจ้างของพวกเขาหรือทรัพยากรในมือพวกเขากันล่ะ”

 

“เหอะๆ แม่นางเฉิง หรือว่าเจ้าไม่ชอบที่มีของเยอะๆ ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม สำหรับข้าแล้วยิ่งเยอะยิ่งดี”

 

“นั่นก็จริง”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเห็นด้วยกับประโยคนี้ของเขา “แล้วอิทธิพลอื่นล่ะ จะนั่งมองท่านชิงกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนเฉยๆโดยไม่ทำอะไรเหรอ ข้าได้ยินว่ามีคนเพ่งเล็งตึกจงหยวนอยู่ไม่น้อย ท่านต้านทานการร่วมมือกันของคนพวกนั้นไหวรึ”

 

“อิทธิพลอื่น?”

 

หวงฝู่หยีมั่วขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆพลางจ้องนางเขม็ง “เจ้าพูดถูก มีคนจำนวนไม่น้อยที่เพ่งเล็งกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนรวมถึงตึกจงหยวนของพวกเขาด้วย คู่แข่งคนอื่นๆไม่จำเป็นต้องมาใส่ใจ แต่กลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชางไม่สนไม่ได้”

 

“หืม ทำไมพระโอรสถึงคิดเช่นนั้นล่ะ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มอ่อนโยน มีแสงเจิดจ้าแว้บผ่านไปในแววตา

 

“เทพเซียน”

———————