TQF:บทที่ 690 การเสนอข้อตกลง (2)
พูดจบสายตาที่หวงฝู่หยีมั่วมองนางอยู่ก็คมยิ่งขึ้น “และไม่ได้มีแค่คนเดียวเท่านั้น อย่างน้อยๆก็ต้องมีสัก 3-5 คน ต่อให้เจ้าคิดว่ากลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนเก่งกาจแค่ไหนก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วทำไมพระโอรสถึงยังอยากได้กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนล่ะ”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวกรอกตาและถามด้วยท่าทีเรียบเฉย
“เหอะๆๆ…”
หวงฝู่หยีมั่วหัวเราะเบาๆเมื่อได้ยินคำถามของนาง และพูดอย่างทรนง “เพราะข้าไม่ได้เป็นแค่พระโอรสเท่านั้น แต่ยังเป็นท่านแม่ทัพอีกด้วย อีกอย่างมีแม่นางเฉิงเป็นกำลังให้ ข้าจะกลัวไปทำไม”
“งั้นรึ….”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวตอบเบาๆอย่างเลื่อนลอย เริ่มหนักใจขึ้น นางไม่รู้ว่าทำไมหวงฝู่หยีมั่วถึงพูดทุกอย่างให้ชัดเจนกับนางในตอนนี้ แต่นางรู้ว่าเขาไม่ได้โกหก
หากต้องเผชิญกับการร่วมมือของพวกเขาละก็ต้องยอมรับว่าตึงมือมากแน่ๆ ตอนนี้คนพวกนี้ยังไม่มีข้ออ้างที่เหมาะสม แต่เมื่อไหร่ที่พวกเขามี กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนจะต้องเจอกับมรสุมอันใหญ่หลวงอย่างแน่นอน
อยากจะมีที่ยืนในผืนดินฉางไห่ก็ต้องมีพลังพอที่จะอยู่เหนือทุกคน ไม่อย่างนั้นก็ต้องเจอเข้ากับการโจมตีจากทุกๆทาง
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็กินข้าวกันเงียบๆโดยไม่ได้พูดอะไรอีก
จนถึงเวลาที่ต้องแยกจากกัน หวงฝู่หยีมั่วมองนางและกล่าว “ข้าเชื่อการตัดสินใจของเจ้า และข้าจะไม่ล้มเลิกความตั้งใจ บางทีอาจมีสักวันที่ข้าจะรักเจ้า เพราะข้าเชื่อว่าเจ้ามีเสน่ห์ขนาดนั้น ฮ่าๆๆ…”
อีกฝ่ายเหลือไว้เพียงเสียงหัวเราะอันจองหอง เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเองก็เผยยิ้มอย่างมีระดับและกลับบ้านตระกูลฟางไป
“คุณหนู…”
เพิ่งจะกลับมาถึงหยูเฮงน้อยก็มาปรากฏตัวทันทีเพื่อมาแจ้งผลลัพธ์ของวันนี้ ทุกคนไม่สามารถต่อโคลงบทล่างที่น่าพึงพอใจได้จึงหยิบเอาโคลงบทบนของนางไปหมด แม้แต่โคลงบทแรกพวกเขาก็ไม่พลาด
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ใส่ใจนักกับเรื่องพวกนี้ ขอแค่ตาแก่พวกนั้นไม่มาวุ่นวายกับตัวเองอีกก็พอแล้ว ถึงอย่างไรโคลงบทพวกนั้นก็ไม่ได้สำคัญ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจอะไร
เมื่อกลับมาถึงห้องหยูเฮงน้อยรู้สึกได้ว่าอารมณ์นางไม่ปกติเท่าไหร่ อดถามไม่ได้ “คุณหนู ท่านออกไปคุยอะไรกับหวงฝู่หยีมั่วมา”
“หยูเฮงน้อย ถ้าให้เจ้าปะมือกับเทพเซียนเจ้ารับมือได้กี่คน”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่รู้ถึงพลังที่แท้จริงของหยูเฮงน้อยอย่างแน่ชัด นางผู้มั่นใจมาตลอดเริ่มกังวล
“2-3 คนไม่มีปัญหา หลักๆคือข้ายังอยู่ในช่วงเจริญเติบโต ความสามารถและอิทธฤทธิ์บางอย่างยังใช้ได้ไม่เต็มที่ ทำไมเหรอคุณหนู”
หยูเฮงน้อยสัมผัสความกังวลในใจนางได้
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองนางและพูดเนือยๆ “วันนี้ข้าวนๆอยู่ในชิงยางครึ่งค่อนวัน จากการสัมผัสของข้าพบว่ามีปีศาจเฒ่าเทพเซียนอย่างน้อง 10 กว่าคน เห็นได้ว่าแม้เทพเซียนจะยากในการบรรลุ แต่ก็ใช่ว่าไม่มีใครทำได้”
“….”
หยูเฮงน้อยเงียบ จ้องมองอย่างมีสมาธิ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพูดต่อ “หยูเฮงน้อย ช้าหรือเร็วเราก็ต้องเปิดศึกกับปีศาจเฒ่าพวกนี้ และจะเกิดขึ้นเร็วมาก ถ้าเป็นไปได้เราต้องเลื่อนขั้นมิติในเร็วๆนี้ให้พลังของเจ้ากับข้าบรรลุอีกครั้ง”
“คุณหนู มิติของเรา 500 กว่าขั้นแล้ว ถ้าจะเลื่อนขั้นอีกเกรงว่าสิ่งที่ต้องใช้จะยิ่งเยอะขึ้น ไม่อย่างนั้นไม่เห็นผลเท่าไหร่”
หยูเฮงน้อยขมวดคิ้วด้วยท่าทีสงสัยและถามขึ้น “คุณหนู ทำไมปีศาจเฒ่าพวกนั้นต้องต่อต้านพวกเราด้วยล่ะ”
“ง่ายๆ เราแย่งอาหารจากปากของพวกเขา เจ้าว่าพวกเขาจะต่อต้านพวกเรามั้ย”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพูดเบาๆพลางถอนหายใจ มีแววกลัดกลุ้มในนัยน์ตาคู่สวย และเล่าบทสนทนาวันนี้กับหวงฝู่หยีมั่วให้นางฟัง
เมื่อฟังจบหยูเฮงน้อยอึ้งอยู่นาน เบิกตากว้างนิดหน่อยพลางพึมพำ “เขาบ้าไปแล้ว จะให้สัตว์อมตะของพวกเราไปปะทะกับกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุน แล้วยังจะแต่งตั้งคุณหนูเป็นมเหสีเหมือนกันอีก กลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชังมีเทพเซียนอย่างน้อย 3-5 คน แต่ที่คุณหนูสัมผัสได้ในชิงยางมีอย่างน้อย 10 กว่าคน และล้วนมีโอกาสที่จะเป็นศัตรู
ยิ่งพูดสีหน้าของหยูเฮงน้อยก็ยิ่งเข้มงวดขึ้น นางรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแต่คือความจริง เมื่อเป็นเช่นนั้นสถานการณ์ที่พวกนางต้องเผชิญอันตรายกว่าที่คิด
ในสายตาคนอื่นกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนเก่งกาจมากพอ แข็งแกร่งมากพอ แต่สัตว์อมตะที่อยู่แค่ระดับก้าวสู่เทพเทวาพวกนี้เมื่อต้องเจอกับผู้ฝึกฝนวิทยายุทธระดับเทพเซียนก็มีโอกาสแค่โดนฆ่าทิ้งเท่านั้น
หยูเฮงน้อยมีพลังขนาดนั้น และนางก็ทะนงตัว แต่เมื่อต้องเจอกับปีศาจเฒ่ามากขนาดนี้นางก็ไม่กล้าพูดว่าจะต้านทานภยันตรายครั้งนี้ได้
กลุ่มทหารรับจ้างอันดับ 1 เอ้าชังที่เก่าแก่ที่สุดมีรากเหง้าที่ผ่านการฟูมฟักมานับล้านปี ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่พวกนางสู้ได้อย่างแน่นอน อีกอย่างคนที่อยากเขมือบกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนไม่ได้มีแค่กลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชังเท่านั้น ยังมีคนอื่นอีก เรียกได้ว่าพวกนางอยู่ท่ามกลางสัตว์ป่ากระหายเลือดเลยล่ะ
“คุณหนู เราจะทำอย่างไรดี” ถึงยังไงซะหยูเฮงน้อยก็ยังเด็ก ไม่ว่าจะฉลาดแค่ไหนก็คือเด็ก
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มนิดหน่อย “ไม่เป็นไรหรอก พวกนั้นอยากจะเขมือบเราก็ต้องมีเหตุผล ส่วนอิทธิพลอย่างหวงฝู่หยีมั่วยังไม่มีค่าพอจะเขมือบกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนของเราได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่มาพูดเรื่องแบบนี้กับข้าหรอก”
“ส่วนปีศาจเฒ่าพวกนั้นต่อให้อยากเขมือบพวกเราพวกเขาก็ต้องมีเหตุผลที่เหมาะสม ไม่อย่างนั้นจุดยืนพวกเขาก็สั่นคลอน ปีศาจเฒ่าที่อยู่มาเป็นพันเป็นหมื่นปีย่อมต้องการรักษาหน้าตัวเอง เพราะฉะนั้นช่วงนี้ต้องสั่งพวกทหารรับจ้างไม่ให้ก่อเรื่องใหญ่จนโดนคนอื่นจับจุดอ่อนได้ และเป็นเหตุให้พวกปีศาจเฒ่าต้องออกมา”
“ขอแค่เหล่าปีศาจเฒ่าไม่ออกมา คนพวกนั้นไม่ครณามือหรอก แน่นอนว่าพวกเราต้องพยายามถอนรากถอนโคนพวกคนที่ไม่มีเทพเซียนคอยพิทักษ์และอยากจะยุ่มย่ามกับกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนของเรา ขาดคนพวกนี้คอยปลุกระดมไปก็มีประโยชน์กับเราเช่นกัน”
ท่ามกลางเสียงนุ่มนวลของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวมีจิตสังหารแฝงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้ากล้ายื่นมือที่ไม่ควรยื่นออกมานางสับแน่
หยูเฮงน้อยพยักหน้า “คุณหนู ข้าเรียกผึ้งหยกน้อยออกมาและกระจัดกระจายไปสืบข่าวทั่วชิงยาง เมื่อเป็นแบบนี้พวกเราก็จะมีหูตาของตัวเองเหมือนกัน”
“ได้ แต่ให้พวกนางระวังไว้อย่าไปเข้าใกล้ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธระดับสูง ถ้าคนพวกนี้สัมผัสความแตกต่างของผึ้งหยกน้อยได้จะเป็นปัญหาเอา”
“ได้ คุณหนูวางใจเถอะ ข้าจะบอกพวกเขา”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้าเบาๆ เรื่องพวกนี้หยูเฮงน้อยจัดการได้ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่จำเป็นต้องคิดมากกับเรื่องพวกนี้ “พวกเราจะรู้ว่าปีศาจเฒ่าในชิงยางมีกี่คน และคนที่จะมาเป็นศัตรูมีอีกกี่คน
การไม่รู้เรื่องพวกนี้ไม่ดีกับพวกเราเท่าไหร่”
“อ๋อ มีคนนึงต้องรู้เรื่องพวกนี้แน่ เดี๋ยวข้าไปหาเขาคุณหนู”
พูดจบหยูเฮงน้อยก็ออกไปอย่างรีบร้อน เฉิงเสี่ยวเสี่ยวรู้ทิศทางที่นางไปแล้วก็อมยิ้ม บางทีเขาอาจจะบอกหยูเฮงน้อยก็ได้
บัดนี้ ณ โถงเล็กๆในพระราชวัง หยูเฮงน้อยทะลุมิติออกมา ทำให้ผู้เฒ่าที่ราวกับไม่หายใจแล้วรู้สึกตัวทันที
“เฮ้ ตาเฒ่า เจ้านอนอยู่เหรอ” หยูเฮงน้อยมาอยู่ข้างกายเขาและยื่นมือไปผลักคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่เบาๆ
——————————