อันตรายข้างหน้า

ภรรยาที่ไม่พูดอะไรเลยสักคำ ชายวัยกลางคน และชายขี้เมา ล้วนหันกลับมองไปยังทิศทางที่เด็กชายชี้ไป เสียงประหลาดดังมาจากที่สุดทางเดิน ลูกบิดประตูของห้องหนึ่งนั้นขยับเล็กน้อยเหมือนมีบางคนที่ถูกล็อกเอาไว้ในห้องพยายามจะออกมา

เสียงประหลาดนี้ดังอยู่ในตึกที่พักอาศัยที่เงียบอย่างน่ากลัวทำให้หัวใจของพวกเขาทุกคนบีบรัดแน่น

“ผู้ชายคนที่นำทางขึ้นชั้นบนไป เขาบอกว่าที่นี่ไม่มีใครอยู่”” ชายวัยกลางคนยิ่งคิดเรื่องนี้เท่าไหร่ เขาก็ยิ่งกลัวมากเท่านั้น “ฉันเคยมาที่เมืองหลี่ว่านมาก่อน ฉันจะพูดอย่างไรดี? บางครั้ง คุณก็จะเจอเรื่องแบบนี้ที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์”

“ตัวอย่างเช่น?”

“คุณไม่อยากรู้สักตัวอย่างหรอก เชื่อผม ทั้งหมดที่พวกเราทำได้ก็คือหลีกเลี่ยงพวกเขาให้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้”

“แล้วถ้าพวกเราหลีกเลี่ยงเขาไม่ได้ล่ะ?” ชายขี้เมาเอนตัวพิงผนัง และดวงตาของเขาก็หรี่มองไปยังปลายสุดทางเดิน

“ถ้าพวกเราหลีกเลี่ยงเขาไม่ได้ อย่างนั้นพวกเราก็ทำเป็นมองไม่เห็นพวกเขาและทำตัวปกติที่สุดเท่าที่พวกเราทำได้ บอกตัวเองเข้าไว้ว่ามันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของจินตนาการของคุณเอง” ใบหน้าของชายวัยกลางคนซีดเหมือนเขากำลังนึกถึงความทรงจำน่ากลัวบางอย่าง เหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นที่หน้าผากของเขา และเขาก็ดูเหมือนกำลังจะอาเจียนออกมา “เมืองหลี่ว่านที่ฉันเคยมาเมื่อตอนนั้นไม่เหมือนเมืองหลี่ว่านตอนนี้ ตอนนั้นไม่มีหมอกสีแดง มันเหมือนทุกอย่างเปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นมา”

“หยุดพยายามทำให้ผมกลัวได้แล้ว บ้าชะมัด ทำไมมันถึงรู้สึกเหมือนมีคนเป่าลมเข้ามาในหูผมละเนี่ย แล้วยังมีเสียงผู้หญิงกำลังพูดอีก!” ชายขี้เมาหันกลับไปมองด้านหลังตัวเอง ‘ฆาตกร’ ที่เรียกตัวเองว่ามือกรรไกรนั้นเดินไปตามทางเดิน มันควรจะเป็นใบหน้าของชายคนหนึ่ง แต่เมื่อมองนานเข้า ก็จะรู้สึกเหมือนกำลังมองผู้หญิงคนหนึ่งอยู่

คนผู้นั้นไม่ได้ตามพวกเขาเข้าไปในทางเดินแต่ว่าเดินต่อไปข้างหน้า

“นั่นผู้ชายหรือว่าผู้หญิงน่ะ?” ความรู้สึกประหลาดทำให้ขี้เมารู้สึกกระวนกระวายเป็นอย่างยิ่ง เขาตบไหล่ชายวัยกลางคน “เมื่อกี้นี้มีคนเดินผ่านไป”

“จริงเหรอ?” เมื่อชายวัยกลางคนหันกลับไปมอง หมอกเลือดก็ปกคลุมทั่วทางเดินไปแล้วและเขาก็มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น “ไม่ต้องสนใจเขา พวกเราระวังตัวเองก่อน”

เพียงแค่พริบตาเดียว ลูกบิดประตูที่ปลายทางเดินก็หยุดขยับ และทุกอย่างก็กลับเป็นเงียบลงอีกครั้ง หมอกหนา และรอบด้านก็ดูหลอนอย่างประหลาด บางครั้งก็มีเสียงลมพัดโหยหวนและทำให้ทั้งกลุ่มเป็นกังวลมากขึ้น

“คนที่อยู่ด้านหลังประตูยอมแพ้ไปแล้วเหรอ?” ชายขี้เมาจับราวบันไดเอาไว้ เขากำลังยืนอยู่ที่ปากทางเดิน เตรียมตัววิ่งหนีหากจำเป็น

“บางที หรือสิ่งนั้นอาจจะหนีออกมาจากห้องแล้วก็ได้” ชายวัยกลางคนก้มลงไปดึงโทรศัพท์ออกมาจากในกระเป๋า ชายขี้เมาสังเกตเห็นว่าโทรศัพท์ของชายวัยกลางคนนั้นเป็นรุ่นเก่าหลายปีแล้ว เขาปรับความสว่างของหน้าจอไปที่ระดับสูงสุด เขายกมันขึ้นตรงหน้า และมันก็ดูเหมือนจะมีบางอย่างเข้ามาอยู่กับพวกเขาในทางเดินด้วย แต่ว่า พวกเขาก็อยู่ไกลเกินกว่าจะมองเห็นว่ามันคืออะไร

“นี่แปลก” ชายวัยกลางคนใช้ศอกสะกิดขายขี้เมา “ฉันรู้สึกเหมือนว่าในทางเดินนี้ต่างไปจากก่อนหน้า ไปดูกัน”

ตอนที่สายลมพัดระใบหู มันก็เหมือนมีคนบ้ากระซิบกระซาบกับเขา ชายขี้เมารับโทรศัพท์ของชายคนนั้นมาและเข้าไปดูใกล้ ๆ “มันดูไม่เหมือนว่าสิ่งนี้จะอยู่ที่นี่ก่อนหน้านี้นะ”

เขาก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างไม่เต็มใจนักและใบหน้ายังขมวดมุ่นขณะตรวจดูเพดานที่เสื่อมสภาพ ประตูที่ปิดอยู่ และขยะที่กองอยู่ตามทางเดิน

“หืม?” ความสนใจของชายขี้เมาไปสะดุดอยู่ที่ของสิ่งหนึ่งทันที

“คุณเห็นอะไร?” ชายวัยกลางคนรีบเดินไปดูสิ่งที่ชายขี้เมาเจอ เขาไม่เห็นว่าจะมีอะไรผิดปกติ– ไม่มีผีหรือว่าศพ

“ผมก็ไม่แน่ใจ รอเดี๋ยวนะ” ชายขี้เมาส่งโทรศัพท์คืนและดึงโทรศัพท์ของตัวเองออกมาเปิดใช้ไฟฉาย แสงไฟหักเหอยู่ในหมอก และนั่นก็หมายความว่าพวกเขาก็ยังมองเห็นสิ่งนั้นไม่ชัดอยู่ดี

“มันน่าจะเป็นประตูบานนี้แหละที่มีเสียงดังมาก่อนหน้านี้” ชายขี้เมาสะกดความกลัวเอาไว้แล้วเดินไปข้างหน้า ในที่สุดเขาก็เห็นสิ่งที่เพิ่มเข้ามาที่ไม่เห็นว่าจะมีอยู่ตรงนี้มาก่อน “ไม้ถูพื้น?”

มีไม้ถูพื้นด้ามหนึ่งเพิ่มเข้ามาในทางเดิน ไม้ถูพื้นแบบที่ใช้กันทุก ๆ วัน เขาสงสัยว่าใครกันที่โยนมันเอาไว้ตรงนี้

“ก็แค่ไม้ถูพื้น ทำไมคุณถึงพยายามทำให้ผมกลัวแบบนั้นด้วย?” ชายวัยกลางคนสูดลมหายใจลึกและวางเด็กชายลงบนพื้น แขนของเขาเริ่มปวด

ชายขี้เมาถอนหายใจอย่างโล่งใจ และเขาก็เกาหัวอย่างอาย ๆ “ผมเดาว่าผมคงจะกระวนกระวายเกินไป… แต่ว่าก่อนหน้านี้มีไม้ถูพื้นนี่อยู่ในทางเดินนี้เหรอ?”

“มันน่าจะมีนะ ฉันเองก็จำไม่ได้” ชายวัยกลางคนยืนอยู่กับชายขี้เมา และพวกเขาก็มองไปตามทางเดินด้วยแสงจากโทรศัพท์ของตัวเอง

ชายขี้เมาที่ต้องการเดินไปต่อ จู่ ๆ ก็หยุดเท้า เขาถามชายวัยกลางคนที่อยู่ข้าง ๆ อย่างไม่แน่ใจ “ไม้ถูพื้นขยับใช่ไหมน่ะ? ก่อนหน้านี้มันไม่ได้อยู่ตรงนี้นี่? ผมจำได้ว่ามันพิงอยู่กับประตูห้องที่สามจากด้านหลัง ทำไมมันถึงเหมือนกับว่ามันขยับมาอีกประตูหนึ่งล่ะ?”

“จริงเหรอ?” ชายวัยกลางคนหันกลับไปมองไม้ถูพื้น

ภายใต้การเพ่งมองของชายสองคน จู่ ๆ ไม้ถูพื้นก็ขยับ และผ้าถูพื้นสีดำก็เริ่มขยับช้า ๆ เผยให้เห็นใบหน้าคนผู้หนึ่งที่ด้านใต้!

ชายขี้เมาและชายวัยกลางคนนั้นไม่คิดว่าจะเกิดอะไรอย่างนี้ขึ้น แขนขาของพวกเขาเย็นเฉียบ ก่อนที่พวกเขาจะทำได้ทำอะไร ไม้ถูพื้นก็เริ่มคืบคลานมาทางพวกเขา เมื่อมันใกล้เข้ามา ก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนว่านั่นไม่ใช่ไม้ถูกพื้น แต่ว่าเป็นคนผู้หนึ่งที่มีผมยาว

“วิ่ง!”

ชายขี้เมากำโทรศัพท์เอาไว้หันหลังวิ่งหนี ชายวัยกลางคนทิ้งภรรยาและลูกเอาไว้แล้วตามชายขี้เมาไป เด็กชายกลัวมาก เขาเริ่มร้องไห้จนกระทั่งแม่ของเขาเข้ามาอุ้มเขาเอาไว้

เสียงฝีเท้าก้องไปทั้งตึก และชายขี้เมาก็เป็นคนแรกที่ออกมาจากทางเดิน เขาลังเลครู่หนึ่งระหว่างขึ้นบันไดไปหาเฉินเกอกับวิ่งออกไปจากตึกนี้ เขาเงยหน้าขึ้นมองบันได ม่านผมสีดำตกลงมาบนใบหน้าของเขา และใบหน้าซีดเผือดก็ไถลลงมาตามราวบันไดในช่องบันได

เขาโยนความระมัดระวังทิ้งไปกับสายลมแล้ววิ่งออกไปจากตึกพร้อมกับกรีดร้อง ในถนนที่มีหมอกหนาของเมือง ที่ซึ่งความจริงและฝันร้ายถักทอเข้าด้วยกัน ทุกตึกดูเหมือนปิศาจกินคน

หัวใจของเขายังเต้นกระหน่ำ ชายขี้เมาไม่กล้าอยู่นานต่อ เขาตะโกนไปที่ชายวัยกลางคนด้านหลังเขา “วิ่ง ทางนี้!”

จากนั้นเขาก็วิ่งเข้าไปซ่อนในตึกสองชั้นที่ข้าง ๆ กัน

ประตูนั้นไม่ได้ล็อกเอาไว้ แต่ว่าต้นไม้ที่ในสวนล้วนแห้งและเหี่ยวไปหมดแล้ว และที่สะดุดตาที่สุดก็คือบ้านสุนัขหลังใหญ่ที่ตรงมุมลึกสุดของสวน

มันทำจากท่อเหล็กและไม้กระดานที่ขึ้นรา มีรอยกัดแทะทิ้งเอาไว้หลายจุด นอกจากที่ด้านในตึกแล้ว ที่เดียวที่สามารถซ่อนตัวได้ก็คือในบ้านสุนัขนี่

เสียงผีเท้าและเสียงหัวเราะของผู้หญิงดังมาจากด้านนอก และมันก็ทำให้ชายขี้เมาปั่นป่วน มันทำให้เขารู้สึกว่าไม่มีที่ไหนปลอดภัย

เขาพุ่งไปที่บ้านสุนัขและนั่งยอง ๆ ลงที่ด้านหลัง ที่ด้านในดูอันตราย ใครจะไปรู้ว่าฉันจะวิ่งเข้าไปเจออะไรที่ข้างในนั่น? มันจะดีกว่าที่จะซ่อนอยู่ตรงนี้ก่อน

ชายขี้เมาพยุงตัวเองเอาไว้ด้วยการจับแผ่นไม้ที่ใช้เป็นหลังคาบ้านสุนัข เขาคิดจะไปซ่อนตัวในบ้านสุนัข แต่ว่าก่อนที่เขาจะชะโงกหน้าเข้าไป ก็มีกลิ่นเหม็นเน่าพลุ่งเข้ามาในจมูกเขาเสียก่อน