น้ำยาปรับอากาศ

“กลิ่นจากอะไรเนี่ย?” ชายขี้เมาปิดปากและจมูกเอาไว้ขณะส่องไฟฉายเข้าไปในบ้านสุนัข ที่เกินกว่าที่เขาจะคาดเอาไว้ก็คือ ในนั้นไม่มีอะไรเลย “มันดูสะอาดมาก แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมถึงมีกลิ่นเหม็นขนาดนี้ล่ะ? กระทั่งเนื้อเน่าก็ยังไม่เหม็นขนาดนี้เลย!”

ชายขี้เมากลั้นความอยากจะอาเจียนเอาไว้แล้วก็หยิบกิ่งไม้ที่ใกล้ ๆ ขึ้นมาเขี่ยดินที่ด้านในบ้านสุนัขไปมา “ไม่มีอะไรฝั่งอยู่ข้างใต้ด้วยเหมือนกัน งั้นกลิ่นเหม็นเน่านี่มาจากไหน? มันเหมือนกลิ่นเหม็นเน่านี่ซึมซาบเข้าไปในแผ่นไม้…”

เสียงก้องของฝีเท้ารีบร้อนดังใกล้เข้ามา ชายขี้เมาก้าวเท้าถอย เพราะว่าเขาไม่สามารถทนกลิ่นได้ เขาจึงกระโจนผ่านหน้าต่างเข้าไปในตัวบ้าน

“หวังว่า ครอบครัวนั้นจะไม่ชักนำปิศาจมาที่นี่” ชายขี้เมาเริ่มรู้สึกเสียใจที่เรียกชายวัยกลางคนให้ตามเขามา– นั่นเปิดเผยตำแหน่งที่อยู่ของตัวเขาเองออกไปชัด ๆ เลยไม่ใช่เหรอ?

เขากุมหัวตัวเองเอาไว้แล้วก็นั่งยอง ๆ ลงไปใต้หน้าต่างและหยิกตัวเอง “นี่ไม่ใช่ความฝัน แต่ที่ฉันเห็นมันเป็นนรกบ้าอะไรกันล่ะ? ทำไมหัวนั่นถึงเคลื่อนที่ได้เร็วขนาดนั้น? และมันเคลื่อนที่ได้ยังไง? ใช้คางของมันหรือไง?”

ชายขี้เมาเชื่อว่าครอบครัวสามคนนั่นคงประสบกับโศกนาฏกรรมแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะออกไปช่วยคนพวกนั้นเช่นกัน “นอกจากฉันแล้ว ผู้โดยสารคนอื่น ๆ ทั้งหมดบนรถเมล์น่าจะตายไปหมดแล้ว ไม่มีใครมีความกล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้หรอก ไม่มี…”

เขายังรู้สึกหัวเบา ๆ อยู่ แต่ว่า มันไม่ใช่จากเหล้าแล้วแต่จากความกลัวและความตกใจ เหงื่อเย็น ๆ ซึมออกมาจากทุกรูขุมขนของเขา ชายขี้เมาตัวสั่น “ตอนนี้ฉันควรจะทำยังไง? โทรศัพท์ก็ไม่มีสัญญาณ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ฉันเดาว่าฉันอาจจะต้องซ่อนอยู่ที่นี่จนกว่าหมอกจะสลายไป”

หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ชายขี้เมาก็ไม่กล้าเดินไปมาอย่างไร้จุดหมายอีกต่อไปแล้ว เขาขดตัวอยู่ใต้หน้าต่าง และหลายนาทีก็ผ่านไป จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงประตูเข้าสวนแง้มเปิดออก

“มีคนมาที่นี่!” เขากลั้นหายใจ แล้วก็ตั้งใจฟัง หลังจากประตูเปิด ก็ไม่มีเสียงอื่นอีก

“สิ่งนั้นแค่เข้ามาดูแวบเดียวเหรอ? ปิศาจนั่นไม่ได้เจอฉันใช่ไหม?” คราวนี้ ชายขี้เมาเรียนรู้จากบทเรียนก่อนหน้าของตัวเอง เขาไม่ได้ชะโงกหน้าออกไปดูผ่านหน้าต่าง เพราะกลัวว่าจะมีใครมองกลับมาที่เขา กลับกัน เขาใช้โทรศัพท์ของตัวเอง ปรับมุม และเปิดใช้กล้องเพื่อมองออกไปยังสวนด้านนอก ประตูนั้นเปิดเอาไว้ครึ่ง ๆ แต่ว่าไม่มีใครอยู่ในสวน

“ฉันคงจะโชคดีแล้ว” ชายขี้เมาลุกขึ้นและเมื่อเขาเก็บโทรศัพท์ลงไป ศอกของเขาก็ปัดผ่านขวดที่ถูกทิ้งเอาไว้ที่ขอบหน้าต่าง

“น้ำยาปรับอากาศ?” ชายขี้เมาวางขวดกลับลงไปและไม่ได้คิดอะไรมากนัก เขาลุกขึ้นยืน ในที่สุดชายขี้เมาก็มีเวลาตรวจดูสถานที่ซ่อนของเขา บางที มันอาจจะเพราะเส้นประสาทตึงเครียดของเขา แต่เขารู้สึกเหมือนมีเสียงแปลก ๆ กระซิบเข้าไปในหูเขา มันเหมือนเสียงกระดิ่งลม

มันเป็นธรรมเนียมเก่าแก่ที่จะแขวนกระดิ่งลมเอาไว้เหนือประตู เมื่อกระดิ่งส่งเสียงกังวาน ก็หมายความว่ามีคนเข้ามาในห้อง ถ้าเป็นปกติแล้ว ชายขี้เมาก็คงไม่สนใจ แต่สถานการณ์ตอนนี้ต่างออกไป มีความรู้สึกเหมือนมีคนเดินอยู่ใกล้ ๆ กับทางเข้า และมันยังเคลื่อนที่เร็วด้วย

แค่คิดว่ามีสิ่งอื่นอยู่ในบ้านนี้กับเขาก็ทำให้หัวใจของเขาหดเกร็ง เสียงฝีเท้าสับสนบนพื้น ชายขี้เมาหันหน้าหลบจากหน้าต่าง และจู่ ๆ เขาก็พบว่าแสงไฟที่ด้านหลังเขานั้นสลัวลงเหมือนมีบางอย่างกำลังยืนอยู่ที่หน้าต่างบังแสงเอาไว้

*ใครยืนอยู่ที่นอกหน้าต่างน่ะ?*เมื่อความคิดนี้ผ่านเข้ามาในใจเขา หัวของชายขี้เมาก็ราวกับจะระเบิดออกมา ร่างของเขาแข็งทื่อด้วยความกลัว และเสียงกระดิ่งลมก็ดังรัวขึ้นกว่าเดิม มีบางอย่างกำลังมา!

ชายขี้เมารวบรวมความกล้าหันกลับไปมอง แต่ว่าที่หน้าต่างไม่มีอะไร

“ฉันทำตัวเองกลัวไปเองแล้ว” เขาถอยกลับไปที่หน้าต่าง และตอนที่เขาปัดผ่านกรอบหน้าต่างด้านล่าง ผิวของเขาก็รู้สึกถึงบางอย่าง เขาใช้แสงจากโทรศัพท์ส่อง เขาเห็นว่ามีขนสุนัขสีดำติดอยู่ที่รอยแตกบนกรอบหน้าต่างเป็นจำนวนมาก

ผัวะ!

หน้าต่างที่บนชั้นสองเหวี่ยงเปิดออก มือของชายขี้เมาสั่น และขนสุนัขที่บนมือของเขาก็ร่วงลงพื้น เขาได้ยินชัดเจนว่าหน้าต่างที่เหนือหัวของเขานั้นเหวี่ยงเปิดออก!

บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ หรือบางทีใครบางคนอาจจะกำลังปั่นหัวเขาอยู่ เขาไม่กล้ากระโดดออกไปจากหน้าต่าง แต่ในเวลาเดียวกัน เขาก็ไม่คิดว่าการอยู่ในบ้านจะปลอดภัย ตอนที่เขากำลังลังเลอยู่นั้น ขนสุนัขก็ฟุ้งหล่นลงมาจากบนเพดานมากขึ้น

“ทำไมถึงมีขนหมาเยอะขนาดนี้?” เขานึกถึงบ้านสุนัขว่างเปล่าที่ในสวนและกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงนั่น!

“เกิดอะไรขึ้น?” ชายขี้เมาไม่กล้ามองขึ้นไป เขาไม่สนใจจะรู้ว่าสิ่งที่มองเขาจากด้านบนอยู่คืออะไร ตอนนี้ เขาแค่อยากถูกทิ้งเอาไว้คนเดียว

“ฉันอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว ฉันต้องกลับออกไป!” ตอนที่เขาตัดสินใจนั้น ประตูในสวนก็ถูกผลักเปิดอีกครั้ง และในความมืด บางอย่างที่ดูเหมือนไม้ถูพื้นก็ขวางหน้าประตูเอาไว้

เห็นใบหน้าที่ใต้เส้นผมนั่นแล้ว หัวใจของชายขี้เมาก็เหมือนถูกจุ่มลงไปในน้ำแข็ง เขาไม่ขยับเข้าไปใกล้หน้าต่างและวิ่งหนีออกไปจากห้องนี้ที่อยู่ใกล้สวนที่สุด

“บ้าชะมัด มันมาถึงเมื่อไหร่น่ะ?” ชายขี้เมาวิ่งไปในทางเดินและเสียงกระดิ่งลมก็ดังมาจากที่ปลายทางเดิน รองเท้าใส่ในบ้านเก่า ๆ หลายคู่กระจายอยู่บนพื้น และที่นี่ก็ดูยุ่งเหยิงไปหมด

“ขนสุนัขปลิวลงมาจากด้านบน ดังนั้นน่าจะมีบางอย่างน่ากลัวอยู่ที่ชั้นสองด้วยเหมือนกัน! ฉันขึ้นไปบนนั้นไม่ได้ และฉันก็ต้องอยู่ให้ไกลจากบันได!” ชายขี้เมาสูดลมหายใจลึก ๆ ให้ตัวเองสงบลง เขาเดินเลี่ยงเข้าไปในห้องที่อยู่ห่างจากบันไดมากกว่าที่นี่

เสียงพื้นลั่นกราว และเสียงเพลงกล่อมเด็กที่ฟังประหลาดก็ดังมาจากที่ไหนไม่รู้ มันเหมือนมีคนเปิดเครื่องบันทึกเสียงของคนตาย

“ฉันเห็นรองเท้าใส่ในบ้านของทั้งผู้ใหญ่และเด็กที่ในทางเดิน ดังนั้นสิ่งที่อยู่ในบ้านนี้น่าจะมีมากกว่าหนึ่ง…” ยิ่งเขาคิด เขาก็ยิ่งกลัว แผ่นหลังของชายขี้เมาเปียกชุ่ม และร่างของเขาก็เย็นเฉียบ “หวังว่า พวกเขาจะไม่มาที่นี่”

หลังจากปิดประตูลงเงียบ ๆ ชายขี้เมาก็สังเกตเห็นว่ามีกระป๋องเปล่าหลายใบถูกทิ้งเอาไว้ที่หลังประตู พวกมันดูเหมือนกับใบที่เขาเห็นที่ขอบหน้าต่าง “ทำไมถึงมีน้ำยาปรับอากาศอยู่ในบ้านเยอะขนาดนี้?” เขากวาดกระป๋องพวกนี้ไปที่ด้านข้างและจากนั้นก็เห็นว่ายังมีขวดน้ำหอมเปล่า ๆ รวมทั้งน้ำยาดับกลิ่นอีกมากมายทิ้งเอาไว้ที่มุมห้อง

“ทำไมถึงมีน้ำยาพวกนี้ในบ้านนี้เยอะขนาดนี้? เกิดอะไรขึ้นที่นี่กัน?” ชายขี้เมาเอาแต่นึกถึงกลิ่นเหม็นที่บ้านสุนัข “บ้านสุนัขนั้นได้รับการดูแลอย่างดีแต่ว่ามีกลิ่นน่าคลื่นไส้ ห้องของคนก็เละเทะไปหมด แต่ว่ามีกลิ่นน้ำหอม ที่นี่มีบางอย่างไม่ถูกต้องแล้ว”

เขามองไปรอบ ๆ และคิดว่าเขากำลังอยู่ในห้องของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง มีนิตยสารแฟชั่นและยังหนังสือเพาะกายกระจายอยู่บนเตียง และยังมีดัมบ์เบลล์รวมทั้งเครื่องชั่งน้ำหนักอยู่ใต้โต๊ะ

ห้องนี้นั้นดูปกติไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว แต่ไม่รู้เพราะอะไร ชายขี้เมารู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

เขาเปิดลิ้นชักโต๊ะอ่านหนังสือออก ที่ก้นลิ้นชัก เขาพบรูปการทารุณกรรมสัตว์กองหนึ่ง มันทำให้เขาเสียวสันหลังวาบ แต่ว่า นั่นไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด ตอนที่ชายขี้เมาพลิกภาพพวกนั้นดู เขาก็พบว่า หนึ่งในสี่ส่วนแรกของรูปนั้นมีเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งกำลังทรมานสัตว์ แต่ว่า สามส่วนที่เหลือนั้นเป็นเด็กวัยรุ่นคนนั้นถูกทรมานแทน