“นี่เป็นการทารุณกรรมสัตว์หรือว่ามนุษย์กันแน่?” ความเหี้ยมโหดและป่าเถื่อนในรูปนั้นทำให้ชายขี้เมารู้สึกไม่สบายใจ เขายัดรูปพวกนั้นกลับไปในลิ้นชักโดยไม่ดูทั้งหมด ตอนที่เขาดึงมือกลับมานั้น จู่ ๆ เขาก็รู้สึกถึงบางอย่างที่เปียกและเหนียวบนฝ่ามือของตัวเอง เขาใช้โทรศัพท์ส่องดูแล้วตาของชายขี้เมาก็กระตุก ฝ่ามือของเขานั้นเปียกไปด้วยเลือดสีแดงเข้ม
“แต่ว่าฉันไม่ได้แตะอะไรเลยนอกจากรูปพวกนี้? เป็นไปได้ไหมว่าเลือดซึมออกมาจากรูปพวกนี้?” ยืนอยู่ในห้องแปลก ๆ คนเดียว มีสิ่งที่น่ากลัวอยู่ในทางเดิน เสียงกระดิ่งลมดังกังวาน และยังปิศาจที่ดูเหมือนไม้ถูพื้นขวางอยู่ที่ประตูหน้า… ต่อให้ชายขี้เมามีความกล้ามากกว่านี้ร้อยเท่า เขาก็จะไม่ออกไปจากห้องนี้
“ปิศาจที่โปรยขนหมาลงมาที่นอกหน้าต่างน่าจะอยู่ที่ชั้นสอง และห้องนี้ก็อยู่ไกลจากบันไดที่สุด ดังนั้นมันน่าจะเป็นห้องที่ปลอดภัยที่สุด” เขาไม่กล้าออกไป กลัวว่าปิศาจอาจจะอยู่ด้านนอกประตูเมื่อเขาเปิดออกไป ดังนั้น เขาจึงจนปัญญาได้แต่อยู่ในห้องนี้อย่างตื่นตระหนกต่อ “แต่ทำไมรูปพวกนั้นถึงมีเลือดซึมออกมา? ฉันบังเอิญไปปัดโดนส่วนอื่นของลิ้นชัก หรือว่ามีห้องลับซ่อนอยู่ที่ด้านในประตู”
ชายขี้เมารวบรวมความกล้าแล้วดึงลิ้นชักสุดท้ายออกจากช่องแล้ววางลงบนพื้น คราวนี้ เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีแค่รูปภาพอยู่ในลิ้นชัก
“เดี๋ยวนะ งั้นเลือดก็มาจากในรูปจริง ๆ?” ข้อสันนิษฐานของเขานั้นดูเป็นไปไม่ได้ และจู่ ๆ ก็มีแรงกระตุ้นบอกให้เขาหนีออกไปจากห้องนี้ ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่รูปพวกนั้น และชายขี้เมาก็พบบางอย่างที่แปลกไป ในรูปทั้งหมดที่เป็นรูปคนถูกทารุณกรรมนั้น ใบหน้าของคนในรูปถูกปิดเอาไว้ แต่ในรูปที่มีคนทำทารุณกรรมสัตว์ เมื่อสัตว์กำลังจะตายนั้น จะมีมือหนึ่งกำคอของสัตว์ตัวนั้นเอาไว้ บังคับให้มันหันหัวไปหากล้องเหมือนกำลังอวดรางวัลที่ชนะได้มา
“บ้าไปแล้ว” บางทีเขาคงดูรูปพวกนั้นนานเกินไป แต่จู่ ๆ ชายขี้เมาก็พบว่าสัตว์ทั้งหมดในรูปดูเหมือนกำลังยิ้มอยู่
“นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นสีหน้าอย่างนี้ของสัตว์ หรือบางทีฉันอาจจะคิดไปเองว่ามันน่าจะกำลังยิ้มอยู่ ใช่ไหม? หมายิ้ม?” ชายขี้เมาตัวสั่น เขาไม่กล้าเข้าไปใกล้รูปที่บนพื้น เขามองไปรอบ ๆ และยิ่งอยู่ในห้องนี้นานขึ้น เขาก็ยิ่งกลัวมากขึ้นตามไป “ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนว่าที่นี่น่ะน่ากลัวกว่าที่ด้านนอกก่อนหน้านี้เสียอีก?”
เขาถูมือกับเตียง พยายามเช็ดคราบเลือดออก แต่ว่าปลายนิ้วของเขากลับแตะถูกอย่างอื่น หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ดึงผ้าปูที่นอนออก และกลิ่นเหม็นเน่าก็ตลบใส่เขาราวกับเป็นกำแพงหนา บนที่นอนของเตียงไม้นั้นมีแอ่งเลือดรูปร่างอย่างมนุษย์ที่แห้งกรังไปแล้ว
จากแค่รูปร่างอย่างเดียวเขาก็บอกได้ว่าเหยื่อน่าจะเจ็บปวดเป็นอย่างมากก่อนที่จะตายลง เลือดกระจายไปทั่วบริเวณท้อง มันเหมือนกับว่าเหยื่อถูกสัตว์ร้ายหลายชนิดโจมตี และสัตว์ร้ายเหล่านั้นก็ฉีกทึ้งท้องและลำคอของเขา
ชายขี้เมานั้นเป็นนักขายคนหนึ่ง เขาไม่เคยเจอกับอะไรอย่างนี้มาก่อน ร่างกายของเขาแข็งทื่อ สมองของเขาหยุดทำงาน เขาขนลุกชัน และอากาศเฮือกหนึ่งก็ดันพรวดออกมาจากปอดของเขา ในวินาทีสุดท้าย เขากัดมือตัวเองเพื่อยั้งไม่ให้ตัวเองกรีดร้องออกมา
“เคยมีคนตายอยู่ในห้องนี้! เตียงนี่คือสถานที่พักผ่อนสุดท้ายของเขา!” มันดูออกได้อย่างง่ายดาย เขาไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว สำหรับคนผู้หนึ่งที่อาศัยอยู่ในโลกอันสงบสุข นี่เป็นครั้งแรกที่ชายขี้เมาได้ใกล้ชิดกับการฆาตกรรมของจริงถึงขนาดนี้ ดวงตาของเขากลอกไปมา และในที่สุดเขาก็ได้สติกลับมา สิ่งแรกที่เขาทำก็คือโยนผ้าปูเตียงทิ้งไป
ดวงตาของเขาย้ายมาที่เท้าของตัวเอง และใบหน้าของสัตว์ตัวหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจเขา “ไอ้หมาตัวนั้นกำลังยิ้ม มันกำลังหัวเราะอยู่จริง ๆ! ฉันไม่ได้ดูผิดไป!”
ชายขี้เมาเกือบจะเสียสติไปจากความหวาดกลัวทั้งหมดนี่ แต่นี่ก็ไม่ใช่ความผิดของเขาเลย หลังจากตื่นขึ้นมาบนรถเมล์ มันก็เหมือนว่าทั้งโลกของเขานั้นเปลี่ยนไป เขาไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ไม่แม้กระทั่งในฝันร้ายของเขาเอง
“ฉันต้องออกไปจากที่นี่ ฉันอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว!” ชายขี้เมาเอนตัวแนบกำแพงและเดินไปทางหน้าต่าง เขาจับม่านเอาไว้ แต่ว่าไม่กล้าพอที่จะดึงมันเปิดออก กลัวสิ่งที่เขาจะเห็นที่ด้านหลังนั้น
หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความลังเล และขาของเขาก็สั่น ตามกฎของเมอร์ฟี* อะไรที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นมักจะเกิดขึ้นเสมอ เสียงประหลาดดังออกมาจากด้านในห้อง– มันเหมือนเสียงหนูกำลังกัดกินอะไรสักอย่างอยู่
“เสียงเหมือนดังมาจากใต้เตียง…” ชายขี้เมาไม่ได้บ้าพอที่จะก้มลงไปดูใต้เตียง เมื่อเสียงนั้นเริ่มดังเกินไป เขาก็ดึงม่านเปิดออก
หน้าต่างห้องนอนนั้นเปิดเอาไว้ครึ่ง ๆ อยู่แล้ว เมื่อชายขี้เมามองผ่านหน้าต่างออกไปก็พบใบหน้าหนึ่งกำลังมองเข้ามา เส้นผมสีดำนั้นราวกับติดแน่นอยู่บนใบหน้าและใบหน้าซีดเผือดนั้นก็พยายามสุดกำลังเบียดตัวเองผ่านหน้าต่างเข้ามา!
ปัง!
ชายขี้เมาใช้แรงทั้งหมดของตัวเองกระแทกหน้าต่างปิดจนเกิดเป็นเสียงดังลั่น สมองของเขาว่างเปล่า และมันเป็นปฏิกริยาของร่างกายของเขาที่สั่งให้เขากระแทกหน้าต่างปิด
หัวนั่นไถลไปกับกระจกบาง ๆ ของหน้าต่าง ริมฝีปากของมันเปิดปิดช้า ๆ และฟันไม่กี่ซี่ที่ยังเหลืออยู่ก็กระแทกกับกระจกเหมือนมันกำลังพูดว่า “ในที่สุดฉันก็เจอแก”
หลังจากล็อกหน้าต่างแล้ว ชายขี้เมาก็รู้สึกเหมือนว่าเขากำลังจะหมดแรง เขาล้มไปกับพื้นและมองขึ้นไปยังหัวที่บนหน้าต่าง ก่อนที่เขาจะลุกไหว เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างเปียกเปื้อนกางเกงของเขา ความเย็นที่วาบเข้ามาทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัว
เขาหันหน้ามองลงไปด้วยสายตาสั่นไหว เขาล้มลงไปบนกองรูปภาพ และเลือดก็นองอยู่บนกางเกงของเขา
นอกจากนั้นแล้ว ชายขี้เมายังพบว่าหัวสัตว์ทั้งหมดนั้นหายไปจากรูปที่บรรดาสัตว์ถูกทารุณกรรม เลือดสีแดงเข้มซึมออกมาจากจุดที่เคยมีหัวของพวกมันอยู่
ชายขี้เมารู้สึกว่าอากาศถูกสูบออกจากปอดของเขา และเขาก็คลานหนีอย่างรวดเร็ว
ปัง! ปัง!
หัวมนุษย์กระแทกเข้ากับหน้าต่าง แต่ว่าชายขี้เมาไม่ได้หันไปมอง เขาบังคับให้ตัวเองลุกขึ้นและวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย คนอื่น ๆ ไปอยู่ไหนกันหมด?” เขาคลานกลับเข้าไปในทางเดิน ตั้งใจจะหาห้องอื่นซ่อนตัว แต่เมื่อเขาออกมา เขาก็เห็นเงาหนึ่งเอนตัวแนบอยู่ที่มุมบันไดขึ้นชั้นสอง มันดูเหมือนสุนัขสักตัวแต่ก็เหมือนคนด้วย!
“นั่นอะไรน่ะ?” เพราะกลัวเกินกว่าจะเข้าไปใกล้ ๆ บันได ชายขี้เมาหันกลับและหลบเข้าไปในห้องที่ใกล้ที่สุด เขาปิดประตูโดยไม่รู้เลยว่านี่เป็นห้องอะไร เขาล็อกประตูแล้วหอบหายใจเอาอากาศเข้าไปอย่างกระหายขณะเอนตัวพิงประตูเอาไว้ สำหรับคนธรรมดาคนหนึ่งแล้ว เขาก็นับได้ว่ามีจิตใจที่แข็งแกร่งพอสมควรเมื่อคิดถึงประสบการณ์ที่เขาผ่านมานี้
“ไม่ ฉันจะมาตายอยู่ที่นี่ไม่ได้! ฉันต้องกลับออกไปและรวมกลุ่มกับคนอื่นที่เหลือ!” ชายขี้เมาตอนนี้นั้นรู้แล้วว่าการเกาะกลุ่มกันเอาไว้นั้นสำคัญอย่างไร เขาย้ายโต๊ะไปขวางประตูเอาไว้แล้วเริ่มตรวจดูรอบตัว
เตา ตู้เย็น และตู้กับข้าวหลังใหญ่
“ห้องครัวหรือ?” ชายขี้เมามองไปรอบ ๆ และพบว่านี่ไม่ดีสำหรับเขาเลย เขาเข้ามาในห้องครัว และที่แย่ที่สุดก็คือในห้องนี้ไม่มีหน้าต่าง
“มันจบแล้ว”
มีเสียงกระจกแตกดังมาจากด้านนอก และกระดิ่งลมที่ทางเดินก็ส่งเสียงดังกว่าเดิม ชายขี้เมาไม่ยอมแพ้ ด้วยความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะมีชีวิตอยู่ เขาเริ่มค้นไปทั่วห้องครัวมองหาสิ่งที่จะใช้การได้
TL note: *กฎของเมอร์ฟี (Murphy’s Law) เป็นภาษิตที่มีการกล่าวถึงการอย่างกว้างขวางว่า “ทุกสิ่งที่สามารถผิดพลาด จะผิดพลาด” (Anything that can go wrong, will go wrong)