TB:บทที่ 190 พัฒนาพละกำลังอีกครั้ง

 

ตอนที่เฉินหยิงเห็นคนขับรถลินคอล์นสองคัน เธอรู้สึกได้ทันทีว่าเธอคงมีค่าเท่ากับคำขอปลอมๆนี่และเธอคาดหวังไว้อย่างมากสำหรับชีวิตเธอหลังจากนั้น

เฉินหลงขับรถนำเฉินหยิงและพวกญาติๆไปยังคฤหาสน์ที่มีสวนตรงกลางของเขา

แม้แต่เฉินเซินยังมาที่นี่เป็นครั้งแรก

“น้องหลง เมื่อไหร่กันนะที่ซื้อคฤหาสน์แบบนี้” เฉินเซินมองเฉินหลงที่พาเขาจากข้างนอกเข้าไปยังคฤหาสน์และถามไปอย่างใคร่รู้

 

เขาได้อยู่ที่เมืองหลวงมาอย่างยาวนาน และเขายังรู้ด้วยว่าราคาของคฤหาสน์สี่เหลี่ยมแบบนี้สูงกว่าวิลล่ามากนัก

เช่นเดียวกัน คนที่รู้เรื่องวงในอย่างเฉินหยิงรู้ด้วยว่าคฤหาสถ์เช่นนี้ราคาช่างมากมาย

 

“พี่ครับ ผมไม่ได้ซื้อคฤหาสน์นี่มาหรอก เพื่อนที่ผมเล่าไปคราวก่อนให้ผมมา แต่ผมคิดว่าอยู่ที่วิลล่าจะเหมาะกว่าอยู่ที่นี่ ผมเลยไม่ได้พาพี่มาที่นี่” เฉินหลงยิ้มให้และอธิบาย

 

“พี่หลงคฤหาสน์เหลี่ยมแบบนี้ในปักกิ่งมีไว้ให้แต่พวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงเท่านั้น ไม่ก็พวกทายาทเศรษฐี หรือทายาทของพวกเจ้าหน้าที่ และพวกคนรวย ฉันคาดไม่ถึงว่าฉันจะมาอยู่ในคฤหาสน์แบบนี้ตอนที่ฉันมาเมืองหลวง นี่ช่างสุดยอดไปเลย” เฉินหยิงว่าอย่างตื่นเต้น

 

เฉินหยิงตั้งตาจะมีชีวิตอย่างพวกคนรวย เมื่อก่อนแม้เธอจะหาเงินได้สามพันหรือสี่พันหยวนต่อเดือนในเมืองเล็กๆ แต่นั่นช่างห่างไกลจากชีวิตที่ร่ำรวย ตอนนี้เธอมีโอกาสที่จะไปถึงเป้าหมายได้แล้ว แน่นอนว่าเธอตื่นเต้น

 

ในความเป็นจริงแล้ว คนมากมายมีความคิดเหมือนเฉินหยิงที่อยากจะมีชีวิตที่โอ่อ่า ไม่เช่นนั้น คนเราคงไม่พยายามอย่างที่สุดเพื่อหาเงินมายกระดับชีวิตเราหรอก

“ตอนนี้ นี่คือที่ที่เธอจะอยู่ หากอยากจะอยู่ไปตลอดเลย ก็ยินดี แต่หากเธออยากจะย้ายออกไปในอนาคต ผมก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะสุดท้ายแล้วคงไม่นานหรอกกว่าเธอจะซื้อบ้านสักหลังในปักกิ่งได้” เฉินหลงมองพี่น้องทั้งหลายของเขาและกล่าวไป

 

ความจริงในใจเฉินหลง เขาอยากจะให้ญาติๆอยู่ด้วยกันก่อน เขาจึงได้รู้สึกถึงความเป็นกลุ่มก้อนอย่างครอบครัวใหญ่

เฉินหลงเพียงไม่อยากจะบังคับญาติๆของเขา

“พี่คะ พวกเราจะซื้อบ้านในปักกิ่งได้เร็วๆนี้จริงหรือ” เมื่อได้ยินคำตอบของเฉินหลง เฉินหยิงรีบถามไป

เช่นเดียวกันนั้น พี่น้องเฉินต่างมองเฉินหลงและต้องการจะฟังคำตอบของเฉินหลง

สุดท้ายแล้วพวกเขาก็มาปักกิ่งเพื่อมีชีวิตที่ดี

 

“แน่นอนว่าหลังจากทำงานในบริษัทแล้ว เธอจะไม่ได้แค่ซื้อบ้านของตัวเองในปักกิ่งได้แต่ยังมีรถของตัวเองในปักกิ่งได้ด้วย ถ้าไม่เชื่อเรื่องนี้ เธอลองถามพี่เซินได้เลย” เฉินหลงพยักหน้า

จากนั้น เฉินเซินคุยต่อเรื่องเงินเดือนถึงล้านหยวน

“ตราบใดที่พวกเราขยันทำงานให้บริษัท พวกเราจะรวยเป็นล่ำเป็นสันตอบแทน” เฉินเซินว่า เฉินหยิงอดไม่ได้ที่จะเริ่มงาน

เฉินหยิงมาที่ปักกิ่งก็เพื่อทำงานให้ได้มากๆ ตอนนี้เธอมีโอกาสแล้ว แน่นอนว่าเธอคงไม่ปล่อยไป

“น้องสาว อย่าได้ตื่นเต้นไป เธอมาปักกิ่งเพื่อเที่ยวเล่นสักสองสามวัน แล้วฉันจะจัดตำแหน่งให้แต่ละคนในบริษัท” พี่น้องของเขาจะต้องมาด้วย เฉินหลงไม่อยากจะปล่อยให้พวกเขาทำงานในบริษัทก่อน ไม่เช่นนั้นพ่อเขาคงต้องว่าเฉินหลงหากว่าเขารู้ว่าเป็นเช่นนั้น

 

เมื่อเห็นว่าเฉินหลงว่าเช่นนั้น เฉินหยิงจึงไม่ยืนกรานอะไรต่อ เธอจะเที่ยวเล่นต่ออีกสักสองสามวัน

อีกสามวันต่อมา เฉินหลงจะไปเดินเล่นรอบเมืองหลวงเป็นเพื่อนเฉินหยิง

รถอีกหลายคันที่เฉียนชานเจียทิ้งไว้ให้ได้ให้ประสบการณ์ดีๆสำหรับการขับรถหรู

“นี่คือชีวิตที่ฉันต้องการ”

 

ในอีกสามวัน ในใจเฉินหยิงและพวกญาติๆจะผุดไอเดียดีๆขึ้น

และสามวันต่อมาเฉินหลงจะหาที่ทางให้พวกเขาทำงานในบริษัทเขาเอง

ช่วงสามวันนี้หวังจุ่ยและพวกจะไม่ว่างงาน อย่างที่จางเฟิงหยานว่า มีโจรมากมายที่คอยสอดส่องบริษัทเขาอยู่

 

ภายใต้การเฝ้ามองของ “ไม่พูด”และหวังจุ่ย มีเพียงปรมาจารย์ระดับกำเนิดสองสามคนที่จะหลบหนีได้ คนอื่นทั้งหมดโดนจับและส่งไปกลุ่มศูนย์เพื่อสอบสวนทีละคน

เป็นเวลาช่วงหนึ่งที่มีกลุ่มกำลังมากมายรู้ว่าหากพวกเขาจะมาเอา “โลกใหม่” ของบริษัทเว่ยหลงไป พวกเขาจะทำได้เพียงส่งผู้เยี่ยมยุทธ์ที่มีพลังเหนือระดับกำเนิดมา แต่จะคุ้มค่ากับของอย่าง “โลกใหม่” หรือ แน่นอนว่าหากไม่ใช่“โลกใหม่”แบบสมบูรณ์แล้ว คุณค่าคงไม่เพียงพอจะจ้างพวกผู้เยี่ยมยุทธ์เช่นนี้

 

อีกอย่างหนึ่ง หากกลุ่มผู้เยี่ยมยุทธ์พวกนี้มีระดับเหนือระดับกำเนิดไปแล้วและเข้าสู่สวรรค์อันสูงส่ง คงไม่มาทำภารกิจเช่นนี้

 

ผลที่เกิดนั้น หลังจากสองสามวันแห่งความไม่สงบ พวกกองกำลังนั้นได้หยุดไป

เช่นเดียวกับที่จางเฟิงหยานที่กลับไปเช่นกัน อีกทั้งเขายังไม่กลับมาที่บริษัทเว่ยหลงอีกแล้วด้วย

อย่างไรเสีย

ในตอนเดียวกันนั้น เฉินหลงพร้อมจะให้หวังหูและเจิ้งอี้ใช้หินแห่งแสง

“หวังหู นายอยากพัฒนาพลังไหม” เฉินหลงเรียกหวังหูไปที่ห้องทำงานเขา เขามองตาหวังหู

ด้วยพลังของคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากขึ้นและมากขึ้น เฉินหลงรู้สึกว่าพลังของหวังหูและเจิ้งอี้มีอะไรบางอย่างทำให้ไม่พัฒนาขึ้น ดังนั้นเขาจึงอยากจะยกระดับพละกำลังของพวกเขา ในขณะเดียวกัน เขายังอยากให้พวกเขาได้พลังที่แท้จริงที่ทรงพลังขึ้นด้วย

“ครับ” หวังหูว่าด้วยความมาดมั่น

เหตุการณ์อย่างจางเฟิงหยานเกิดขึ้นมาก่อน อีกทั้ง พลังของคนที่แข็งแกร่งในบริษัททุกวันนี้ยังห่างไกลจากเขาไปมาก หากไม่มีหวังจุ่ยและ “ไม่พูด”แล้ว เขาคงหยุดพวกนั้นเองไม่ได้ ดังนั้นหวังหูจึงหวังว่าจะรีบเร่งพัฒนาพลังของเขา

 

เฉินหลงมองหวังหูและกล่าวว่า “ผมมีของบางอย่างที่จะช่วยพัฒนาพลังของคุณ แต่จะในขั้นตอนจะมีความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ยังอยากจะใช้ไหม”

หวังหูไม่ได้ใช้ผลซื่อสัตย์ ดังนั้นเฉินหลงจึงตั้งตาฟังความต้องการของเขา หากเขาต้องการ เขาจะใช้ “หินแห่งแสง”ก็ได้ แต่หากเขาไม่ต้องการก็ไม่เป็นไรเช่นกัน ในอนาคต เฉินหลงจะไม่ยกมาพูดอีก และความตั้งใจของหวังหูในใจเฉินหลงจะหายไปด้วย

“หัวหน้าครับ ความเจ็บปวดเป็นยาดีของศิลปะการต่อสู้ หากว่าเกรงกลัวความเจ็บปวดแล้ว ไม่ว่าจะฝึกศิลปะการต่อสู้ประเภทใด ตราบใดที่เราไม่พัฒนาพลังของเราแล้วและไม่พูดเรื่องความเจ็บปวด ก็เป็นเรื่องสมควรตาย”

 

หวังหูไม่ได้คิดมากมาย น้ำเสียงเขาช่างหนักแน่น

หากนักรบไม่มีหัวใจของศิลปะการต่อสู้ ก็ควรยอมแพ้การฝึกศิลปะการต่อสู้ไปเท่าที่เป็นไปได้และจะกลายเป็นคนธรรมดาไป หากเป็นเช่นนั้นคงมีความสุขเสียมากกว่า

“ดี เช่นนั้นกลืนนี่ลงไป” คำของหวังหูทำให้เฉินหลงเห็นด้วยกับเขาเงียบๆ แล้วเขาจึงหยิบ “หินแห่งแสง” และยื่นไปให้หวังหู

หลังจากหวังหูหยิบหินแห่งแสงไปแล้ว เขากลืนลงไปโดยไม่คิดอะไรอีก

และเมื่อกลืน “หินแห่งแสง” ลงไปแล้ว หวังหูเปลี่ยนเป็นดักแด้แสงทันที คล้ายกับกู่เฟ่ย

จากนั้น เฉินหลงขอให้พี่น้องเจิ้งอี้มาที่ห้องทำงานเขา และเขายังให้ “หินแห่งแสง” ไปอีกด้วย

ไม่นานก็มีดักแด้4ตัวอยู่ในห้องทำงานของเฉินหลง